
22 ต.ค. 2566 – ดร. นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)กล่าวถึงเป้าหมายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่ประกาศหลายครั้งจะทำให้เศรษฐกิจไทยตั้งแต่ปี 2567 จีดีพีอยู่ที่ปีละ 5 เปอร์เซ็นต์ โดยจะใช้ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญว่า ดิจิทัลวอลเล็ตเห็นชัดว่าลักษณะเป็นการแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นมันเหมือนกับมาตราการฉีดสเตียรอยด์ที่ฉีดไปแล้วสักพักก็หมดไป แต่สิ่งที่จะทำให้เกิดความยั่งยืนได้ มันต้องเป็นการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง นั่นหมายถึงเราต้องตอบโจทย์ตลาดโลกให้ดียิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่ฉีดเข้าไปแล้ว พอคนใช้เงินหมดก็จบกัน เพราะฉะนั้นการทำให้จีดีพีขยับขึ้นมาเป็น5 เปอร์เซ็นต์ได้อาจจะทำได้เพราะใช้การฉีดสเตียรอยด์เข้าไป แต่พอเข้าปีที่ 2-4 สเตียรอยด์ก็หมดฤทธิ์ไปแล้ว หากจะทำให้จีดีพีโตตามที่ตั้งเป้าไว้ ก็ต้องไปเน้นเรื่องที่กล่าวไว้ข้างต้นทั้งการท่องเที่ยว-การลงทุนจากต่างประเทศ-การส่งออก
“หากคิดว่าจะใช้เงินในการทำดิจิทัลวอลเล็ตแล้วเงินจะหมุนในระบบเศรษฐกิจไปได้ตลอดสามถึงสี่ปี ในทางวิชาการมันไม่น่าจะเป็นแบบนั้น ก่อนที่จะมีการทำดิจิทัลวอลเล็ตมีการประมาณการว่าตัวเลขการเติบโตจะอยู่ที
ประมาณ4เปอร์เซ็นต์ แต่หากมีการทำดิจิทัลวอลเล็ตจะทำให้เศรษฐกิจโตที่ประมาณ 4.4 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับนโยบายนี้จะทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ0.4 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี”
เมื่อถามถึงว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันมีแนวนโยบายที่ประกาศไว้ว่าจะขับเคลื่อนหลายเรื่องเพื่อทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นรวมถึงเพื่อกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมลำเช่น ‘1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์’มีทัศนะอย่างไร นายนณริฏ-นักวิชาการอาวุโสทีดีอาร์ไอ มองว่า การมีไอเดียใหม่ๆ เข้ามาแก้ไขปัญหา เป็นเรื่องที่ดี แต่เหมือนอย่างที่ชาวตะวันตกเคยบอกว่า มันไม่ได้อยู่ที่ไอเดีย คือไอเดียมีได้ แต่มันอยู่ที่การลงรายละเอียด เช่นลงรายละเอียดว่าจะทำอย่างไรถึงจะแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ ที่หมายถึงจะต้องมีกลไกล-ฟีดแบ็ค ที่จะต้องเรียนรู้ว่าสิ่งที่ทำไป มันถูกหรือไม่ คล้ายๆกับการโยนหินถามทาง ดังนั้น หากถามผมว่าคาดหวังหรือไม่ ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี น่าชื่นชม แต่ว่า ก็อยากให้ผลักดันให้ถึงที่สุดแล้วให้มีกลไกตรวจสอบด้วย หลายครั้งหากนโยบายที่คาดหวังไว้แต่ทำไม่ได้จริง สิ่งที่ดีกว่าอาจเป็นการยกเลิกนโยบาย ก็เป็นไปได้ ไม่ใช่การดันทุรังทำต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้านโยบายที่ทำไป มันใช่ มันพิสูจน์ได้แล้วว่าทำได้จริง ก็อยากให้ทำต่อไป
นักวิชาการอาวุโส ทีดีอาร์ไอ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ควรให้ความสำคัญในเรื่องเศรษฐกิจ การหารายได้เข้าประเทศมมองว่า ควรเน้นสามเรื่องใหญ่คือ การส่งออก-การท่องเที่ยว-การลงทุนจากต่างประเทศ เพราะเศรษฐกิจไทยหลังวิกฤต มีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดี เช่นก่อนวิกฤตปี ค.ศ. 1997 (วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540) ประเทศไทยเคยมีเศรษฐกิจเติบโตถึง 7 เปอร์เซ็นต์ แต่หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 1997 ดังกล่าว เศรษฐกิจประเทศไทย กลับมาเติบโตได้แค่4-5 เปอร์เซ็นต์ ถัดมาในปี 2007-2008 เราเจอปัญหา Us Subprime Crisis (วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ) จากที่เศรษฐกิจไทยเคยเติบโตปีละเฉลี่ย 4-5 เปอร์เซ็นต์ หลังวิกฤต ค.ศ.1997 พอมาถึงช่วงปีนี้ ค.ศ. 2023 หรือปี 2566 เศรษฐกิจเราโตแค่ประมาณ 3.6 เปอร์เซ็นต์ และจนถึงช่วงโควิดจนถึงหลังโควิด พบว่าถ้าเราประมาณการจนไปถึงปีหน้า พ.ศ. 2567 แนวโน้ม เศรษฐกิจไทยจะเหลือโตแค่ 3 เปอร์เซ็นต์
นายนณริฏ ย้ำว่า บทเรียนที่สำคัญของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ควรต้องทราบก็คือ หลังวิกฤตสำคัญๆ ครั้งใด พอผ่านมาแล้ว เราจะทำได้ไม่เท่าเดิม เพราะโลกมันเปลี่ยนไปหลังวิกฤต สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือ เราพ้นวิกฤตโควิดมาด้วยสภาวะหนี้ เพราะฉะนั้นในระยะสั้นถึงระยะกลางและระยะยาว ยังไง ก็ตาม ต้องจัดการหนี้ให้ได้ ซึ่งเรื่องหนี้มีสามเรื่องที่สำคัญ หนึ่งคือหนี้ครัวเรือน เราจะเห็นหนี้รถ หนี้ที่พักอาศัยพวกคอนโดมีเนียม เริ่มมีปัญหา รถยนต์เริ่มโดนยึดกันเยอะ ต้องเข้าไปแก้ตรงนี้ สอง หนี้ภาคธุรกิจ SME คือแม้ว่าตัวเลขเอ็นพีแอลอาจจะลดลง แต่หากไปดูตัวเลขหนี้ในส่วนของหนี้ที่มีความเสี่ยงที่จะหลุดไปเป็นเอ็นพีแอลหรือหนี้ที่สงสัยจะสูญ มันยังสูงอยู่ รัฐต้องหาทางไปช่วย สาม คือหนี้ของภาครัฐ เราเห็นหนี้ของภาครัฐ อยู่ที่หกสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ทั้งที่ในอดีตก่อนโควิด เราอยู่แค่ที่สี่สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ นี้คือโจทย์ที่รัฐบาลต้องเข้าไปดูแลตั้งแต่ตอนนี้
นายนณริฏ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ดูแล้วเศรษฐกิจประเทศจีนมีแนวโน้มที่จะตกลง ซึ่งก่อนเกิดโควิด จีนคือผู้นำของโลก เป็นผู้ซื้อสินค้าไทย-นักลงทุนรายใหญ่ของไทย เศรษฐกิจจีนก่อนโควิดเติบโตเฉลี่ยปีละ 6-7 เปอร์เซ็นต์ แต่ในอนาคต มองไปข้างหน้า เศรษฐกิจจีนจะโตปีละไม่ถึง5 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เราต้องหา Growth Engine ใหม่ว่าจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตต่อไปได้ เช่นการต้องไปหาตลาดที่เป็นแหล่งซื้อใหม่ๆ แต่แหล่งเดิม ก็ยังสำคัญเพราะจีนเป็นประเทศที่ใหญ่ แม้จะโตเพียง 4 เปอร์เซ็นต์ แต่ด้วยความที่จีนเป็นฐานที่ใหญ่ทำให้ยังคงสำคัญ แต่เราก็ต้องหาแหล่งอื่นเพิ่มเติมด้วย อันนี้คือภาคส่งออก
ส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) พบว่านายกรัฐมนตรีก็ทำเช่นเดียวกับนายกฯคนก่อนๆ คือพยายามดึงการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทย แต่พบว่าการลงทุนในระยะหลัง มันกลายเป็นเงินลงทุนที่ได้ประโยชน์กับประเทศน้อยลงเรื่อยๆ ผมยกตัวอย่างเช่น รถ EV จากรถยนต์ที่การผลิตก่อนหน้านี้ เคยมีชิ้นส่วนเป็นหมื่นๆ ชิ้น มีชิ้นส่วนเยอะ แต่ปัจจุบันเป็นรถยนต์อิเล็กทรอนิกส์ มันใช้แผงวงจรอะไรต่างๆ ซึ่งชิ้นส่วนน้อยลงมาก ทำให้แรงงานไม่ได้ประโยชน์แบบเดิม ทำให้โจทย์เรื่องการลงทุน ต่อไปเราจะไปเน้นแต่ปริมาณไม่ได้ มูลค่ามันไม่ได้สะท้อนว่าผลประโยชน์จะเกิดกับประเทศไทย แต่เราต้องหาทางที่จะทำอย่างไรให้คนไทย สามารถเข้าไปอยู่ในสายการผลิตที่ผลิตชิ้นส่วนให้ได้มากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้สร้างมูลค่า เพื่อให้มีรายได้มากยิ่งขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'จุลพันธ์' ไม่กังวลถูก ป.ป.ช. สอบปมโยกงบ 35,000 ล้าน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภา
'แม้ว' ปัดมี 'ดีลลับ' อ้างพระบรมราชโองการจะอยู่เฉยไม่ถูกต้อง โอด 'อิ๊งค์' โดนพักงานเรื่องเฮงซวย
'พ่อนายกฯ' ลั่นไม่มีเปลี่ยนตัวนายกฯ ต้องทำงานต่อเนื่อง โอด “อิ๊งค์”โดนพักงานด้วยเรื่องเฮงซวย พร้อมขออาสาเป็นเสมียนประเทศ รับปัญหาการเมืองหนักกว่าเศรษฐกิจ เพราะทำนายไม่ได้ ยันกลับบ้านไม่มี 'ดีลลับ' ส่วนลูกสาวถ้าอาสาทำงานแล้ว เขาไม่ให้ทำก็กลับไปเลี้ยงลูก อ้างพระบรมราชโองการลดโทษให้ ต้องรับใส่เกล้าฯ แล้วจะอยู่เฉยโดยไม่สนใจปัญหาบ้านเมืองถือว่าไม่ถูกต้อง รับ กลัวความเสี่ยงเสถียรภาพทางการเมืองที่สุด อ้างเศรษฐกิจแย่มานานจะแก้ข้ามคืนยาก ต้องอาศัยความร่วมมือ วิธีคิดไม่ตันแน่ โปรยยาหอม วันนี้ต้องเอาความหวังกลับให้คนไทย
นายกฯ ยังไม่เห็นหนังสือ ป.ป.ช. รับไต่สวน โยกงบ 68 มาแจกเงินหมื่น เสี่ยงผิดรธน.
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับไต่สวนกรณีการโยกงบประมาณปี 2568 มาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อาจผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 นายกฯทราบเรื่องแล้วหรือยังว่า
กมธ.ประเดิมถกงบ 69 ดุ! ชาดาข้องใจแบงก์ชาติใครกันแน่คุมธนาคาร
'ชาดา' ของขึ้นตั้งแต่เริ่มประชุม 'งบ 69' จี้ 'แบงก์ชาติ' ตอบจะได้หายโง่ ใครเป็นคนคุมธนาคาร ปล่อยค่าธรรมเนียม-ดอกเบี้ยสูงลิ่ว ชี้ทางออกเดียวต้องแจกเงิน 'ดิจิทัลวอลเล็ต' กระตุ้น ศก.
‘อิ๊งค์’ อ้างปมเลื่อนดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 เหตุเพราะถูกหลายฝ่ายท้วงติงเยอะ
“อิ๊งค์” ย้ำ เลื่อนดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 เหตุหลายฝ่ายท้วงติง เจอปัญหาแทรกหลายเรื่อง ยัน ไม่ได้ยกเลิก แจงยิบ ใช้ 1.57 แสนล. เรื่องน้ำ-ท่องเที่ยว-คมนาคม ระบุ จัดงบฯ69 ครอบคลุม เหมาะกับสถานการณ์ ฟุ้ง เป็นรบ.ที่ลงทุนภาครัฐมากสุดในประวัติการณ์ พร้อมโชว์ผลงานเดินทางต่างประเทศ บอก เปอร์เซ็นต์สูงได้เป็นเจ้าภาพ F1 โชว์เซลฟี่ “อนุทิน” เล่นมุกไม่ร้าว ก่อน “ทักษิณ” ทวงคืนมท.
'สนธิญา' ยื่น กกต. ฟันเพื่อไทยหลอกลวงประชาชน ชะลอแจกเงินหมื่น ขัดรธน.
นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหนทางการเมือง ยื่นคำร้องต่อกกต.ขอให้วินิจฉัยว่าการที่รัฐบาลประกาศเลื่อนแจกเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาทซึ่งเป็นนโยบาย ของพรรคเพื่อไทยขัดต่อรัฐธรรมนูญ

