30 พ.ย.2566 - นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า หลังจากหัวหน้าพรรคก้าวไกลมาเจรจาความเมืองกับพุทธะอิสระ แล้วก็พูดในเชิงว่า ถ้าการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ใช้คำว่า ยกเข่งก็น่าจะถูกต้อง ยกเว้นคดีทุจริตและความผิดทางชีวิต รวมทั้งหมายรวมไปถึงมาตรา 112 เข้าไปด้วย ซึ่งคนส่วนใหญ่ของพรรคก้าวไกล ก็จะติดคุกเพราะคดีนี้ นับตั้งแต่ผู้ก่อตั้งพรรคไปจนถึงลิ่วล้อบริษัท บริวาร ผู้มีความคิดหรือความเห็นเดียวกัน ล้วนอยู่ในเครือข่ายของพรรคก้าวไกลทั้งหมด
ในเวลานี้พวกเขาค่อนข้างจะเดือดร้อน คดีความผิดมาตรา 112 ที่ตนทำไว้ กำลังบีบคั้น รัดตัว ด้วยเหตุผลว่า กระบวนการดำเนินคดีในข้อหามาตรา 112 เมื่อศาลพิสูจน์ได้ว่า มีหลักฐานการกระทำผิดชัดเจน ส่วนใหญ่จะต้องติดคุกจริงๆ ซึ่งตอนนี้มีเป็นสิบๆ คดี แล้วในการดำเนินคดีนั้นก็มีบุคคลที่เป็นแกนนำ รวมทั้งผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกล อดีตหัวหน้าพรรครวมอยู่ด้วย หรือดีไม่ดีก็อาจจะมีหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันรวมอยู่ด้วย
สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหตุให้พรรคก้าวไกลพยายามจะกระตือรือร้น ทุรนทุราย กระวีกระวาด ร้อนรน ที่จะผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม ด้วยข้ออ้าง ทำให้เกิดความปรองดอง อันนี้พอเข้าใจได้
แต่ถ้าท่านทั้งหลายได้ติดตามวิธีเจรจา กระบวนการเจรจาความเมือง ในช่วงเวลาที่ผ่านมาที่พุทธะอิสระค่อยๆ ทยอยปล่อยคลิปออกไป ท่านจะเห็นว่าพุทธะอิสระได้มีคำถามกับหัวหน้าพรรคก้าวไกลกลับไปว่า คุณมั่นใจแค่ไหนกับการที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม แล้วความผิดเดิมๆ มันจะไม่กลับมาเกิดขึ้นซ้ำอีก แล้วสามารถหยุดยั้งความรุนแรง ความจาบจ้วงล่วงเกิน หมิ่นปรามาสสถาบัน รวมทั้งมันจะเกิดบรรยากาศของความปรองดองขึ้นได้อย่างจริงๆ หละหรือ ซึ่งหัวหน้าพรรคก้าวไกลก็รับปากว่าจะพยายามไปพูดคุย แล้วก็หาทางพูดกันหรือว่าหาวิธีการที่จะหยุดยั้งหรือว่าห้ามปรามบุคคลที่สร้างความร้าวฉาน หรือจาบจ้วงสถาบัน ไม่ทำให้เสียบรรยากาศของความปรองดอง
ด้วยประโยคหรือประเด็นเหล่านี้ พุทธะอิสระก็เลยทดลอง โยนหินถามทางดูว่า หัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมทั้งผู้นำทางจิตวิญญาณ เขาสามารถคอนโทรล ควบคุมบุคคลหรือว่าลิ่วล้อ บริวารที่อยู่ในอาณัติ หรือผู้ศรัทธาเชื่อมั่นในตัวเขาได้มากน้อยแค่ไหน จึงลองปล่อยคลิปการสนทนาความเมือง ที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลมาเจรจา ปล่อยเป็นระยะๆ ซึ่งเวลานี้ก็เข้าสู่ EP ที่ 4-5 แล้ว
สิ่งที่พุทธะอิสระได้รับก็คือ พวกด้อมส้มทั้งหลายก็พากันมารุมด่า รุมประณาม สับจิก หยามเหยียด ดูหมิ่นพุทธะอิสระ แล้วก็ต่อว่าเล็กๆ กับหัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งมาให้ค่าอะไรกับไอ้โล้นซ่ากับไอ้ตัวน่ารังเกียจอะไรประมาณนี้ ซึ่งมันก็ทำให้เห็นว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกลมโนขึ้นว่า การผลักดันออกกฎหมายนิรโทษกรรม รวมมาตรา 112 เข้าไปด้วย มันจะหยุดยั้งความแตกแยก และสร้างบรรยากาศของความปรองดองขึ้นได้
มันน่าจะเป็นเรื่องไม่จริง มโนขึ้นฝ่ายเดียว เพราะนี้แค่เริ่มต้นพวกลิ่วล้อด้อมส้มของเขาก็แสดงอาการ ปฏิกิริยาหรือพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง จาบจ้วง ล่วงละเมิดบุคคลที่เห็นต่างออกมาอย่างน่ารังเกียจ ประมาณว่า มึงกับกูจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้
เหล่านี้จึงเป็นที่มาที่พุทธะอิสระตั้งข้อสงสัยและข้อสังเกตว่า การออกกฎหมายปรองดอง ที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลพยายามจะพูดและโฆษณาไปตามสื่อต่างๆ ว่า มันคือการสร้างความปรองดอง หยุดยั้งความรุนแรงก้าวร้าว ล้วนแต่เป็นเท็จทั้งสิ้น เพราะขนาดแค่เริ่มต้น คุณก็ยังไม่สามารถที่จะไปห้ามปรามบุคคลที่แสดงความก้าวร้าว รุนแรง แล้วก็ยุยงปลุกปั่น ดูถูก ดูหมิ่น เหยียบย่ำผู้เห็นต่าง ในเวลานี้พวกคุณยังห้ามเขาไม่ได้ ซึ่งคนเหล่านั้นทั้งหมดล้วนเป็นผู้ที่ศรัทธาในตัวพวกคุณทั้งนั้น
เพราะงั้นข้อกล่าวอ้างที่คุณว่า ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ออกกฎหมายหยุดยั้งความผิดเกี่ยวกับมาตรา 112 จะสามารถทำให้เกิดความปรองดองในชาติได้ ร่วมไม้ร่วมมือพัฒนาคนในชาติได้
พุทธะอิสระยืนยันได้เลยว่า สิ่งที่หัวหน้าพรรคก้าวไกล กับ พรรคก้าวไกล และผู้นำทางจิตวิญญาณ มโน เพ้อฝัน เขาแค่ฝันแต่เขาไม่ลงมือทำ
ถ้าเขาทำจริงๆ เขาจะต้องหยุดยั้งหรือห้ามปราม หรือส่งเสียงส่งสัญญาณแก่บรรดาผู้ศรัทธาเขาว่า พี่เอย น้องเอย เราต้องการบรรยากาศของความปรองดอง และผลักดันกฎหมายแห่งการปรองดองให้สำเร็จ เพราะฉะนั้นอะไรที่มันจะทำให้เกิดความร้าวฉาน แตกแยก ตำหนิติด่าบุคคลผู้เห็นต่าง มันไม่ควรกระทำ และไม่ควรจะมี เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการปรองดองให้เกิดขึ้น มันต้องเริ่มต้นจากตรงนี้ก่อน เริ่มต้นจากตัวคุณและสมัครพรรคพวกของคุณก่อน
แต่ว่าหัวหน้าพรรคก้าวไกล กับ ผู้ก่อตั้งพรรคก้าวไกล ผู้บริหารพรรคก้าวไกล สส.พรรคก้าวไกล และผู้นำทางจิตวิญญาณ ไม่มีใครสักคนออกมาห้ามปราม หรือส่งสัญญาณเตือนให้เกิดสติว่าเรากำลังก้าวไปสู่ชัยชนะ ความสำเร็จข้างหน้า เพราะฉะนั้นต้องอดออม อดใจ อดกลั้น อดทน ทำไม่ได้ และไม่คิดจะทำ เพราะฉะนั้นพุทธะอิสระจึงเชื่อโดยสุจริตใจว่า ข้ออ้างว่า ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อสร้างความปรองดองเป็นเท็จทั้งหมด
การที่พรรคก้าวไกลกระวีกระวาด กระตือรือร้น ดิ้นรน ขวนขวายที่จะผลักดันกฎหมายปรองดอง แท้จริงแล้วไม่ใช่เพื่อการปรองดองของชาติ แต่เพื่อการหลุดพ้นของบุคคลที่ระดับแกนนำ บริษัท บริวาร ลิ่วล้อของตนที่ต้องคดีมาตรา 112 และกฎหมายการชุมนุมต่างหากเล่า
เท่าที่พุทธะอิสระประมวลภาพได้ มันมีอาการแบบนี้ ก็เข้าใจละนะว่า แกนนำกับผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกล รวมทั้งอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลต้องคดีมาตรา 112 แล้วก็เห็นว่าสู้ไปก็ไม่มีทางชนะ ก็เลยอยากหาทางลง
แต่วิธีที่จะลงก็ไม่ใช่ด้วยการออกกฎหมาย มันต้องแสดงความสำนึกรับผิดชอบในพฤติกรรมที่ตนเองกระทำในอดีตที่ผ่านมา ด้วยการแสดงความจริงใจ ขอขมา อภัย ถ้าเป็นบุคคลธรรมดา แต่ถ้าเป็นพระราชา พระมหากษัตริย์ ต้องขอพระราชทานอภัยโทษ ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้สภาผู้แทน รัฐสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือประชาชนทั้งประเทศ มาร่วมหาทางออกทางลงให้พวกคุณ ซึ่งมันน่าจะไม่ถูกต้อง
วิธีที่ถูกต้องก็อย่างที่บอกว่า คุณก็แสดงความสำนึกผิด แล้วก็ขอพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคล เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรนำขึ้นส่งสำนักพระราชวัง เพื่อทูลเกล้าถวายเพื่อทรงทอดพระเนตร และทรงมีพระราชวินิจฉัย พระเมตตา การุณ อย่างไรก็สุดแล้วแต่พระอัธยาศัย อย่างงั้นมันจึงจะถูกต้อง
ไม่ใช่มาหาวิธีเอามวลชนเข้าไปบีบ เอากฎหมายเข้าไปบีบ ซึ่งก็เพื่อหาทางรอดทางลงให้แก่ตัวเองทั้งนั้น ประชาชนทั้งประเทศไม่ได้อะไรเลยกับสิ่งที่พวกคุณทำอยู่ ช่างเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจมาก แล้วก็ไม่จริงใจที่จะยุติปัญหา รวมทั้งไม่สำนึกว่าพฤติกรรมที่ผ่านมาของตัวเองผิดพลาด ไม่ถูกต้อง พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่สำนึกผิด
เมื่อไม่สำนึกผิดแล้วจะมาหาทางลง มันจะมีทางที่ไหนให้คุณลง ทุกคนในประเทศนี้เขาก็มองออก เพราะงั้นจึงอยากบอกหัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้นำทางจิตวิญญาณ ผู้ก่อตั้งพรรคว่า ทางออก ทางรอด ทางลง มันง่ายมากแค่แสดงความสำนึกผิด ขอพระราชทานอภัยโทษด้วยตนเอง รวมทั้งบุคคลที่จาบจ้วง ล่วงเกินทั้งหมด ก็จบแล้ว
ขอย้ำว่าอย่ามาบังคับให้สภาผู้แทนฯ และสว. ผ่านร่างกฎหมาย แล้วก็ใช้บริการของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อปลดเปลื้องพันธนาการของตนเอง เช่นนี้ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัวเกินไป เห็นแก่ประโยชน์ตนเป็นใหญ่
แต่อย่างไรก็ต้องขอบคุณหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ยังมีหลักคิดที่ว่า การพูดคุยนั้นเป็นกระบวนหนึ่งในการยุติปัญหาและรวมทั้งสามารถหยุดยั้งความรุนแรง ความร้าวฉานในสังคมได้ ฉันเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณทำ แต่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณคิด เพราะเป็นการเอาเปรียบคนทั้งประเทศ เสียดายภาษีที่ต้องจ่ายไปจ้างคนเห็นแก่ตัวพวกนี้มาเอาเปรียบคนไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘พี่โจ’ ลากไส้ ’ไอซ์’ อย่าทำมาโวยวายเรียกร้องในสิ่งที่คุณเองก็เลือกกระทำย่ำยีต่อคนอื่นเช่นกัน
โจ มณฑานี ตันติสุข” นักเขียนและวิทยากรการเงิน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Jo Montanee ว่ามีส้มคนหนึ่งเข้าไปตำหนิและตั้งคำถามที่เพจ
‘พรรคส้ม’ไร้เพื่อน คุยลั่นมาตรฐานสูง
เห็นโฉมหน้ารัฐบาลต่อไปรำไร "อนุทิน" ย้ำห้ามแตะนิรโทษกรรม ม.112
'อนุทิน' ถามใครหลอกประชาชนกันแน่ พรรคส้มคิดแก้ ม.112 ชัดเจน แถมยังจะล้างคดีให้ด้วย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล แต่หลายพรรคกลับปฏิเสธไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม ทำให้เกิดความกดดันกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ว่า ฟังการตัดสินจากประชาชน
'เท้ง' โวย 'อนุทิน' สร้างวาทกรรม ปชน. แก้ ม.112 ทั้งที่พูดเรื่องนิรโทษกรรมคดีหมิ่นสถาบัน
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวตอบโต้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า ต้องบอกว่าการยกมือในวันนั้น ไม่ใช่การเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 แต่เป็นการผลักดันเรื่องนิรโทษกรรมของนักโทษที่โดนคดีทางการเมือง
’อนุทิน‘ ชัด ไม่ร่วมรัฐบาลพรรคประชาชน ปมยังเดินหน้าแก้ ม.112
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุจุดยืนชัด ไม่จับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่ยังมีนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลังดีเบตไทยรัฐทีวี ย้ำต่างอุดมการณ์ แต่ยังทำงานร่วมกันได้ หากเป็นเรื่องแก้ปัญหาประชาชน
ป.ป.ช. เลื่อนชี้ขาดคดี 44 อดีต สส.ก้าวไกล หลังยื่นขอความเป็นธรรม
นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) รักษาราชการแทนเลขาธิการป.ป.ช. กล่าวถึงกระแสข่าวคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่จะนัดลงมติคดีอดีต 44 สส.พรรคก้าวไกล ผิดจริยธรรมร้ายแรง กรณีการเข้าชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

