อย่าย่ามใจ! อุ้ม 'นักโทษเทวดา' ระวัง คปท. ซ้ำรอย ม็อบ กปปส.

22 ม.ค. 2567 – นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ผลโพลนิด้า จะทำให้รัฐบาลประมาทได้

ผมขออนุญาตวิเคราะห์ผลการสำรวจความคิดเห็นของ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เรื่อง “กรณีทักษิณ ชินวัตร กับความอยู่รอดของรัฐบาล” ใน 2 ประเด็นดังนี้

1.เมื่อถามถึงความอยู่รอดของรัฐบาล จากกรณีทักษิณ ชินวัตร ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.62 ระบุว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของรัฐบาลเลย รองลงมา ร้อยละ 21.98 ระบุว่า ค่อนข้างส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของรัฐบาล ร้อยละ 18.70 ระบุว่า ไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของรัฐบาล ร้อยละ 15.42 ระบุว่า ส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของรัฐบาลอย่างมาก

สำหรับผลโพลในประเด็นนี้ อาจจะทำให้รัฐบาลย่ามใจและตั้งอยู่ในความประมาทได้ว่าม็อบกระแสจุดไม่ติด และการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พยายามตีกรรเชียง บ่ายเบี่ยง ไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับคุณทักษิณ ตัดตอนโยนความรับผิดชอบ ให้กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมเป็นผู้รับผิดชอบ และตอบคำถาม เพื่อ ต้องการไม่ให้กรณีคุณทักษิณมาเกี่ยวโยงกับคุณเศรษฐา อาจกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งถ้าดูจากผลโพลถือว่าประสบความสำเร็จ

2.เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ส่งตัวทักษิณ ชินวัตร กลับเข้าเรือนจำ จะลุกลามจนนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองรอบใหม่เหมือนการชุมนุมของเสื้อเหลือง เสื้อแดง และ กปปส. ในอดีต พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.60 ระบุว่า จะไม่นำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองรอบใหม่แน่นอน รองลงมา ร้อยละ 41.30 ระบุว่า จะนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองรอบใหม่ แต่ไม่ใหญ่โต เหมือนในอดีต ร้อยละ 11.15 ระบุว่า จะนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองรอบใหม่เหมือนในอดีตแน่นอน

ในประเด็นนี้ ผลโพลใกล้เคียงกันมาก ระหว่างร้อยละ 41.60 กับร้อยละ 41.30 ซึ่งไม่แตกต่างกันเลย แต่ถ้ารวมกับร้อยละ 11.15 จะนำไปสู่วิกฤตทางการเมืองรอบใหม่เหมือนในอดีตแน่นอน เป็นอัตราร้อยละที่สูง แสดงว่า สถานการณ์ทางการเมือง และอารมณ์ของประชาชน มีสิทธิ์จะลุกฮือขึ้นมาต่อต้านเป็นวิกฤตการเมืองรอบใหม่ ถ้าหากกรมราชทัณฑ์ยังเลือกปฏิบัติ หรือปฏิบัติสองมาตรฐาน สร้างความเหลื่อมล้ำให้เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประชาชนอาจจะถึงจุดเดือด และพร้อมจะออกสู่ท้องถนนในทันที

เพราะฉะนั้นการที่กลุ่ม คปท. เดินสายเคลื่อนไหวในต่างจังหวัด เพื่อหาแนวร่วมและสร้างกระแสการต่อต้านความไม่เป็นธรรม ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวแบบป่าล้อมเมือง ซึ่งในการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน คือเริ่มต้นจากการชุมนุมจุดเล็กๆ ที่สถานีรถไฟสามเสน และขยายผลลุกลามไปทั่วประเทศ จนมีมวลชนเข้าร่วมการชุมนุมนับสิบล้านคน

กรณีทักษิณไม่ยอมติดคุก ถ้าหากรัฐบาลยังไม่ตัดไฟแต่ต้นลม หรือชิงดับกระแสเสียก่อน สถานการณ์ก็อาจจะลุกลามได้รัฐบาล จึงเตรียมตัดประเด็นแต่เนิ่นๆ โดยชิงอนุมัติให้คุณทักษิณพักโทษเสียก่อน เพื่อจะลดกระแสและเงื่อนไขการเคลื่อนไหว ของฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณให้น้อยลงมากที่สุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา1/1'เศรษฐกิจ-การเมืองนำ เว้นระยะ'ความมั่นคง-กองทัพ'

โฉมหน้า “คณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/1” ที่ออกมา นอกจากจะเป็นการสับเปลี่ยนหมุนเวียนตัวบุคคลของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว เป้าหมายที่ฉายภาพชัดต่อทิศทางการบริหารงานของรัฐบาล

'เศรษฐา' เฉ่ง 'อธิบดีกรมโรงงาน' ลงพื้นที่ช้า เรียกปลัด-รมว.อุตฯ คุยหลังไมค์เหตุไฟไหม้โกดังระยอง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ตรวจติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหาเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรม บริษัท วินโพรเสส จำกัด ตำบลบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง โดยทันทีที่นายกฯมาถึง ได้รับฟังรายงานการดำเนินการในพื้นที่​

นายกฯ ชูเมืองจันทบุรี โมเดลพัฒนาผลไม้ไทย กำชับพาณิชย์ดูแลราคาไม่ให้ตก

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินทางถึงบริษัท ดรากอน เฟรช ฟรุท จำกัด ตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี เพื่อตรวจติดตามการคัดบรรจุทุเรียนคุณภาพและการแปรรูปทุเรียน

‘เศรษฐา’ ลุยสวน ชิมทุเรียน 3 สายพันธุ์

เมื่อเวลา 10.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินทางด้วยรถยนต์อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน 8 กผ 1127 กรุงเทพมหานคร ถึงสวนนวลทองจันทร์ ตำบลมาบไพ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เพื่อตรวจติดตามการผลิตทุเรียนคุณภาพปลอดภัยมูลค่าสูง และรับฟังปัญหาจากเกษตรกร

'เศรษฐา' เผยเรียก 'สุชาติ' เข้าพบ ถามเรื่องพื้นที่จันทบุรี ไม่มีคุยปรับครม.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ขึ้นรถเดินทางกลับบ้าน เมื่อเห็นกลุ่มสื่อมวลชนที่ดักรออยู่จึงเดินลงมาทักทายอย่างอารมณ์ดี