'วิรังรอง' ตั้งคำถามถึงอธิการบดีจุฬาฯ หลังได้อ่านความเห็นของ 'อ.เจษฎา-ธงทอง'

4 มี.ค.2567 - นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ และนิสิตเก่าคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 30 โพสต์เฟซบุ๊ก โดยเขียนบทความเรื่อง "คำถามเพื่อสัมภาษณ์ท่านอธิการบดีจุฬาฯ กรณีพิพาทจุฬาฯ และอุเทนทถวาย: วิรังรอง ทัพพะรังสี" มีเนื้อหาดังนี้

ที่จริงก็ไม่เคยคิดเรื่องนี้แต่พอได้อ่านคอมเมนต์ของอาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ที่มีผู้ส่งมาให้ ตามข้อความในภาพด้านล่างก็เห็นด้วยกับอาจารย์ว่า แทนที่จะเอาข้อมูลจากคนนอกอย่างดิฉัน เป็นต้น ไปออกรายการ ควรที่ผู้จัดรายการต่าง ๆ ที่สนใจข่าวเรื่องอุเทนถวายกับจุฬาฯ จะเชิญผู้บริหารจุฬามาให้ข้อมูลกับประชาชนจะเป็นประโยชน์กว่า ดังที่อาจารย์บอกว่ามีหลายท่านและเป็นผู้ที่รู้เรื่องดี ดิฉันจึงขอเสนอ เพิ่มเติมจากข้อเสนอของอาจารย์เจษฎา ดังนี้ค่ะ

ควรเรียนเชิญ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาฯ ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของจุฬาฯ ย่อมเป็นผู้ที่ต้องทราบข้อมูลทุกอย่างและสามารถชี้แจงตลอดจนตอบข้อสงสัยของประชาชนได้แน่นอน มาออกรายการสัมภาษณ์ดังที่อาจารย์เจษฎา แนะนำค่ะ โดยให้เป็นการไลฟ์สดและมีการโฟนอินเพื่อประชาชนได้ซักถามข้อสงสัย เบื้องต้นดิฉันขอส่งคำถามเรียนถามดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดี ต่อผู้จัดรายการสัมภาษณ์ ล่วงหน้าดังนี้

๑. สาเหตุที่แท้จริงที่ต้องให้อุเทนถวายย้ายออกไป เกี่ยวกับความปลอดภัย เพื่อแก้ปัญหาและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการใช้ความรุนแรงของอุเทนถวายใช่หรือไม่

๒. ถ้าท่านอธิการบดีคิดว่าการที่จะให้อุเทนถวายย้ายออกจากพื้นที่จุฬาฯ ไปอยู่ที่อื่นด้วยสาเหตุที่อุเทนถวายเคยก่อเหตุความรุนแรง ดิฉันเรียนถามว่า ท่านคิดว่าจะมีที่ใด จังหวัดใด ที่จะยินดีรับอุเทนถวายไว้แทนจุฬาฯ บ้าง การให้อุเทนถวายย้ายออกไปจะเป็นการแก้ปัญหาได้แน่นอนยั่งยืนหรือ

๓. แต่ถ้าไม่ใช่ข้อ ๒ โปรดบอกสาเหตุ ถ้าเหตุเพราะหมดสัญญาเช่าที่ดิน ตามที่จุฬาฯ ได้ชี้แจงไว้ ขอเรียนถามว่า แล้วจะกรุณาต่อสัญญาเช่าให้อุเทนถวายมิได้หรือ ถ้าไม่ได้ เพราะเหตุใด
ขออนุญาตสงสัยประเด็นที่น่าสนใจตามอย่างอาจารย์เจษฎา แต่ขอกลับมาถามฝ่ายจุฬาฯ ว่า "มีเหตุผลอะไรแอบแฝงลึกๆ อยู่หรือเปล่า" จุฬาฯ จึงพยายามให้อุเทนถวายย้ายออกไป ทั้งที่เป็นสถานที่ศึกษาตามพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ ๖

๔. ขอดูหลักฐานการเช่าพื้นที่และการจ่ายค่าเช่าของอุเทนถวายจากจุฬาฯ ทั้งหมดเท่าที่มี

๕. พื้นที่อันเป็นที่ตั้งของอุเทนถวาย อยู่ในโซนใดของที่ดินทั้งหมดที่เป็นกรรมสิทธิ์ของจุฬาฯ ที่ต้องเรียนถามเรื่องนี้เพราะข้อมูลสับสนมาก จึงต้องการคำตอบจากท่านอธิการบดี ว่าเป็นพื้นที่ใช้สำหรับการศึกษาวิชาการ พื้นที่เชิงพาณิชย์ หรือพื้นที่สำหรับให้ราชการเช่า

๖. หากอุเทนถวายย้ายออกไปแล้ว ท่านอธิการบดีมีแผนที่จะใช้พื้นที่ดังกล่าวทำอะไรบ้าง จะมีรายได้จากค่าเช่าสถานที่ ค่าบริการ หรือคาดว่าจะมีรายได้รับใด ๆ จากการใช้พื้นที่นั้นบ้างหรือไม่ ถ้ามี ท่านคาดการณ์ตามแผนงานโครงการที่วางไว้ว่าจะมีรายได้ประมาณปีละเท่าใด

๗. ท่านอธิการบดีจะยืนยันและรับรองให้ประชาคมจุฬาฯ และประชาชนทั่วไปที่สนใจเรื่องนี้ได้สบายใจได้หรือไม่ว่า หากอุเทนถวายย้ายออกไปจากที่ดินนั้น จุฬาฯ จะไม่ใช้ที่ดังกล่าวเชิงพาณิชย์ หรือแสวงหารายได้ใดๆ

๘. ขอให้ท่านอธิการบดีเปิดเผยบัญชีรายรับรายจ่ายของจุฬาฯ ครอบคลุมช่วงก่อนโควิด ๕ ปี ช่วงระหว่างโควิดที่นักศึกษาเรียนออนไลน์แทบไม่ได้ใช้พื้นที่การศึกษาในจุฬาฯ จนถึงล่าสุดเท่าที่มีอยู่ เป็นจำนวนเงิน และเป็นสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ ให้ประชาคมจุฬาฯ นิสิตเก่า นิสิตปัจจุบัน และสาธารณชนได้รับทราบเพื่อความโปร่งใส ได้หรือไม่

๙. ขอให้ท่านอธิการบดีกรุณาชี้แจงว่า จุฬาฯ ตั้งเป้าการแสวงหารายได้เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายด้านการศึกษาแก่นิสิตและบริหารการศึกษาจุฬาฯ ไว้อย่างไร รายได้จากค่าเช่าและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่นิสิตโดยทางตรง เช่นค่าหน่วยกิต หรือเป็นค่าจ้างเงินเดือนพนักงานเจ้าหน้าที่ คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ดังกล่าว

๑๐. รายได้ประมาณสองหมื่นกว่าล้านต่อปีของจุฬาฯ ยังไม่เพียงพอเป็นทุนสำรองเพื่อการศึกษา พัฒนาและบริหารจุฬาฯ หรือ ขอทราบเหตุผลที่มีการขยายตัวลงทุนเชิงพาณิชย์ไม่จบสิ้น

๑๑. ขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ "ที่ดินทับซ้อนที่จุฬาฯ ได้โอนคืนให้สภากาชาด" ที่ได้ออกเป็นพ.ร.บ. โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจุฬาฯ ให้แก่สภากาชาดไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ในรัชสมัยในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งเป็นดินที่ในหลวงรัชกาลที่ ๖ ได้ทรงทรงอุทิศที่ดิน พร้อมกับพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน ๒๕๘,๐๐๐บาท ให้สภากาชาดไทยก่อสร้าง “สถานเสาวภา” เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์และเพื่อให้เป็นที่เชิดชูพระเกียรติยศสมเด็จพระราชชนนี สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ

ตามข้อมูลที่รับทราบมาและค้นคว้าในอินเทอร์เน็ตนั้น จุฬาฯ ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินที่ทับซ้อนดังกล่าวมาตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๘๒ เมื่อดิฉันดูปีที่จุฬาฯ คืนที่ดินให้สภากาชาดในปี ๒๕๒๒ คิดเป็นเวลาถึง ๔๐ ปี จึงได้มีการออกพ.ร.บ. คืนที่ดินให้สภากาชาด ดิฉันจะไม่ถามว่าทำไมจุฬาฯ ถือครองที่ดินของในหลวงรัชกาลที่ ๖ ที่ทรงอุทิศแด่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถและเป็นสมบัติของชาติ ไว้ยาวนานขนาดนั้น แต่ดิฉันขอเร่ียนถามว่า

เนื่องจากอุเทนถวายได้ใช้พื้นที่ดังกล่าวมาตั้งแต่สมัย ร. ๖ และยังทรงพระราชทานทุนทรัพย์ให้ในการก่อสร้างโรงงานโรงเรียน พร้อมพระราชทานนามโรงเรียนว่า "อุเทนถวาย" ทั้งยังกำหนดสถานที่ให้อยู่บริเวณสะพานอุเทนถวายด้วย ซึ่งในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้น การที่พระมหากษัตริย์ตรัสว่า "ให้" หรือ "อนุญาต" คำเดียว ก็คือคำประกาศิตทันที ครั้นหลังพ.ศ. ๒๕๗๕ มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และเมื่อจุฬาฯ ได้ขอพระราชทานรับกรรมสิทธิ์ที่ดินบริเวณนั้นทั้งหมด แต่อุเทนถวายมิได้ขอ จุฬาฯ จึงได้พื้นที่ทั้งหมดรวมถึงที่ดินบริเวณสถานเสาวภาและอุเทนถวายด้วยเช่นกัน

ดิฉันจึงขอเรียนถามท่านอธิการบดีว่า กรณีที่ดินอุเทนถวาย อาจจะเข้าข่ายที่ดินทับซ้อนที่จุฬาฯ คืนให้สภากาชาดภายหลังได้หรือไม่ เพราะอุเทนถวายคงใช้ที่ดินของพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ร. ๖ จนถึงเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยพลการถ้าไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งนั้นคืออุเทนถวายตั้งอยู่ตรงที่อยู่ปัจจุบันนี้ตลอดมาก่อนที่จุฬาฯ จะได้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน

ดังนั้นหากเป็นพระราชปณิธานของร.๖ ที่ให้อุเทนถวายใช้ที่ดินนั้นเพื่อการศึกษาเล่าเรียน และจุฬาฯ ได้ขอกรรมสิทธิ์ที่ดินทับซ้อนที่ดินอุเทนถวายไปแล้วตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๘๒ จุฬาฯ จะคืนที่ดินดังกล่าวให้อุเทนถวายได้หรือไม่ ดังเช่นที่จุฬาฯ ได้คืนที่ดินให้สถานเสาวภา

ทั้งหมดที่ถามนี้ไม่เกี่ยวกับการดื้อดึงไม่ทำตามคำที่ให้อุเทนถวายย้ายออกไป ดังนั้นโปรดอย่าทัวร์ลงดิฉัน เรื่องข้อกฎหมายและคำสั่งศาลเราคงไม่ต้องให้จุฬาฯ มาพูดออกรายการสัมภาษณ์ ดิฉันเพียงแค่เสริมจากที่อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ แนะนำ และดิฉันเชื่อว่าประชาคมจุฬาฯ และประชาชนทั่วไป อยากฟังคำตอบข้างบนนี้จากท่านอธิการบดี ดังที่อาจารย์ธงทอง จันทรางศุ ได้โพสต์ไว้ใน Fabebook ความตอนหนึ่งว่า

"..... แต่ถ้าในวันข้างหน้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคิดจะปรับแผนไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น ก็เป็นเรื่องที่ประชาคมจุฬาฯ รวมตลอดถึงประชาชนจะสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของผู้หนึ่งผู้ใด ถ้ามีเรื่องทุจริตคิดมิชอบเกิดขึ้น ไม่ต้องเดือดร้อนถึงคนอื่นหรอกครับ เพียงแค่คนในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนิสิตเก่าและนิสิตปัจจุบัน เขาย่อมไม่ยอมอยู่นิ่งอย่างแน่นอนครับ"

ดิฉันรู้สึกขอบพระคุณอาจารย์ธงทอง จันทรางศุ เป็นอย่างสูงที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ เห็นความสำคัญของการตรวจสอบจุฬาฯ โดยประชาคมจุฬาฯ ทั้งนิสิตเก่าและนิสิตปัจจุบัน รวมตลอดถึงประชาชน แต่ดิฉันก็เห็นด้วยกับอาจารย์เจษฎา ว่าเราควรเชิญจุฬาฯ มาชี้แจงเพื่อตอบปัญหาข้างต้นนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อยุติความสับสนในข่าวสาร และความเข้าใจอันดีตรงกันทุกฝ่าย ดีกว่าไปตรวจสอบวันข้างหน้าดังที่อาจารย์ธงทอง จันทรางศุ แนะนำไว้

ดิฉันจึงขอเปิดพื้นที่นี้ ให้พี่น้องประชาคมจุฬาฯ ทั้งนิสิตเก่าและนิสิตปัจจุบัน นักศึกษาอุเทนถวาย รวมตลอดถึงประชาชน
๑. แสดงความเห็นว่าท่านเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับคำถามถึงท่านอธิการบดีจุฬาฯ ของดิฉันข้างบนนี้
๒. หากท่านมีคำถามข้อสงสัยอื่นใดที่ต้องการให้ท่านอธิการบดีจุฬาฯ ตอบ (ขอให้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงเรื่องข้อพิพาทระหว่างจุฬาฯ กับอุเทนถวายเท่านั้น) สามารถส่งคำถามไว้ในคอมเมนต์ได้ค่ะ สำนักข่าวใดเชิญอธิการบดีไปออกรายการ ก็กรุณามาเก็บคำถามเหล่านี้เลือกไปเรียนถามท่านอธิการบดีให้ด้วยค่ะ

สุดท้ายนี้ โปรดทราบว่านี้เป็นเพียงข้อเสนอของดิฉันในนามนิสิตเก่าซึ่งเป็น ๑ ในประชาคมจุฬาฯ ทั้งเป็นประชาชนคนหนึ่งเช่นกัน การที่ท่านอธิการบดีจะให้รายการต่างๆ สัมภาษณ์สด และตอบคำถามข้างต้นรวมทั้งที่ส่งมาในคอมเมนต์ เป็นเรื่องที่พวกเราร้องขอได้ แต่จะได้รับการตอบสนองจากอธิการบดีจุฬาฯ หรือไม่ ดิฉันไม่อาจทราบได้ค่ะ

อีกครั้ง ขอขอบคุณอาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ผู้ชี้นำให้มีรายการสัมภาษณ์ทางฝ่ายจุฬาฯ และอาจารย์ธงทอง จันทรางศุ ที่ให้ความสำคัญการตรวจสอบจากประชาคมจุฬาฯ ทั้งนิสิตเก่าและนิสิตปัจจุบัน รวมตลอดถึงประชาชน

วิรังรอง ทัพพะรังสี
๒ มีนาคม ๒๕๖๗

บทความนี้เขียนขึ้นเฉพาะหน้าจากแรงบันดาลใจที่ได้จากคอมเมนต์ของอาจารย์เจษฎา ที่:
https://www.facebook.com/insidethailand/videos/295351359974054/

และของอาจารย์ธงทองที่:
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=800316515464021&id=100064570394286&set=a.301244428704568

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นิสิตเก่าจุฬาฯ' ตามบี้ 'วิทยานิพนธ์ณัฐพล' อุทธรณ์คำสั่ง ให้จุฬาฯเปิดเผยมติสอบสวน

นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ ในฐานะนิสิตเก่าคณะรัฐศาสตร์ รุ่น 30 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก

'เทพมนตรี' เผยเหตุผู้บริหารจุฬาฯ ไม่กล้าถอดวิทยานิพนธ์-ป.เอก ของณัฐพล ใจจริง

นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก กล่าวถึงกรณีสอบสวนวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก "การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500)" ของนายณัฐพล ใจจริง จุฬาฯ ว่า

'วิรังรอง' อัปเดตข้อมูล ไล่บี้อธิการบดีจุฬาฯ เปิดผลสอบวิทยานิพนธ์ฉาว

นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ ในฐานะนิสิตเก่าคณะรัฐศาสตร์ รุ่น 30 โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า อัปเดตการยื่นหนังสือร้องเรียนถึง นายบัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาฯ