‘เทพไท’ เชื่อมีอาฟเตอร์ช็อก หลัง ‘ปานปรีย์’ ไขก๊อก จับตาจะเกิดอะไรขึ้นเร็วนี้

29 เม.ย.2567-นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ชื่นชม ปานปรีย์ ให้กำลังใจ ชลน่าน-ฉลาด” ระบุว่า ตั้งแต่มีกระแสข่าวการปรับครม.ของรัฐบาลเศรษฐา1 ผมไม่เคยแสดงความเห็นใดๆ แม้ว่าจะมีข่าวการวิ่งเต้น ล็อบบี้เข้าหานายใหญ่ นายหญิงนายในแดนไกล เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป เพราะผมเห็นว่าเมื่อยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ โผคงพลิกไปพลิกมากันอีกหลายตลบ

วันนี้ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแล้ว ถือว่าเป็นข้อยุติ ใครจะวิพากษ์วิจารณ์หน้าตาของรัฐมนตรีชุดนี้ว่า เป็นต่างตอบแทน มีรัฐมนตรีที่มีเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดบ้าง เป็นนักเลงผู้มีอิทธิพลบ้าง หรือเป็นนักหิ้วถุงขนมบ้าง ก็เป็นสิทธิ์ที่วิพากษ์วิจารณ์กันไป

แต่ที่น่าแปลกใจมากที่สุด คือการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของนายปานปรีย์ มหิธานุกรหลังจากมีพระบรมราชโองการแล้ว ก่อนการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ถือว่าเป็นการตอบโต้การตัดสินใจของนายกเศรษฐาเหมือนเป็นการหักหน้าดิสเครดิตทำลายภาวะผู้นำของนายเศรษฐาอย่างชัดเจน

แต่ส่วนตัวผมซึ่งรู้จักกับเพื่อนส.ส. ในพรรคเพื่อไทยหลายคน จะไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมแต่อย่างใด แต่จะแสดงความรู้สึกถึงเพื่อนของผมในพรรคเพื่อไทยที่มีอย่างน้อย 2 คนคือ

1.นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ซึ่งเคยร่วมงานกันในสภาผู้แทนราษฎรมาหลายสมัย เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน และได้รับความไว้วางใจให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำพาพรรคเข้าสู่สนามเลือกตั้ง แม้จะไม่ประสบความสำเร็จได้รับเลือกตั้งเป็นที่หนึ่งก็ตาม แต่หมอชนน่านเปรียบเสมือนหนังหน้าไฟให้กับพรรคเพื่อไทย ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ยอมถูกสังคมประณาม เหยียดหยาม เย้ยหยัน สารพัด จนต้องแสดงความรับผิดชอบลาออกจาก การเป็นหัวหน้าพรรคและได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขตอบแทนซึ่ง

ถ้าเปรียบสถานะการเป็นหัวหน้าพรรค โดยทั่วไปควรจะมีสิทธิ์เลือกกระทรวงได้เป็นคนแรก และควรจะเป็นคนที่จัดสรรตำแหน่งให้คนอื่น ไม่ใช่ให้คนอื่นมากำหนดอนาคตของตัวเอง การที่พรรคเพื่อไทยปรับหมอชลน่านออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผมเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไม่ให้เกียรติอดีตหัวหน้าพรรคเหมือนกับเสร็จนาฆ่าคนถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล การปูนบำเหน็จเป็นรัฐมนตรีเพียง7เดือน ไม่เพียงพอสำหรับความมุ่งมั่นของหมอชลน่าน ในการต่อสู้ให้กับพรรคเพื่อไทยในสนามเลือกตั้ง

2.นายฉลาด ขามช่วง ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นส.ส.รุ่นพี่ และเป็นรุ่นพี่ที่รามคำแหง เป็นส.ส.มาหลายสมัย มีความอาวุโสทางการเมืองมากคนหนึ่งในภาคอีสาน ถ้าหากพรรคเพื่อไทยเห็นความสำคัญ และสนับสนุนผู้อาวุโสให้เป็นรัฐมนตรี มีโอกาสก้าวหน้าทางการเมือง ก็น่าจะสนับสนุนให้คุณฉลาด ขามช่วง ได้เป็นรัฐมนตรี บ้างสักครั้งหนึ่ง จะนั่งเก้าอี้เสนาบดีนานแค่ไหนไม่ใช่ประเด็นปัญหา แต่ปัญหาก็คือควรที่จะให้ความสำคัญผู้อาวุโสของพรรคบ้าง ซึ่งคุณฉลาดก็เป็นนักการเมืองที่ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย และเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนส.ส.ในสภาเป็นจำนวนมาก ผมรู้สึกเห็นใจเพื่อนส.ส.อาวุโสที่ถูกพรรคเพื่อไทยให้เด็กรุ่นใหม่กระโดดข้ามหัวไป

อย่าคิดว่าผมเสียมารยาทนะครับ ผมขอพูดเพื่อให้กำลังใจเพื่อนผมทั้ง2คน จะไม่ก้าวล่วงไปถึงบุคคลอื่นๆ เพราะเป็นเรื่องภายในของพรรคเพื่อไทย แต่ในฐานะกัลยาณมิตรจึงแสดงความรู้สึก มาถึงเพื่อน2คนด้วยความห่วงใยครับ

ขอชื่นชมการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวของนายปานปรีย์ มหิทธานุกร ในการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หลังจากมีพระบรมราชโองการ และก่อนการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นเรื่องเกินความคาดหมาย เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นการตอบโต้การตัดสินใจของนายกเศรษฐา เหมือนเป็นการหักหน้าหรือดิสเครดิต ทำลายภาวะผู้นำของนายเศรษฐาอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นสัญญาณให้เห็นว่าการปรับครม.ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นไปด้วยความราบรื่น อาจมีคลื่นใต้น้ำและอาฟเตอร์ช็อกตามมาภายหลังก็เป็นได้ ขอให้จับตาว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้บ้าง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เอกนัฏ' ยัน 'รทสช.' แน่นปึ้ก ไม่หวั่นกระแสข่าวปรับครม. 

เอกนัฏ ไม่รู้สึกกวนใจหลังมีกระแสข่าวปรับครม.  ลั่นนายกฯ มีความชัดเจน บอก อยู่กับปัจจุบันทำงานให้เต็มที่ ยืนยัน รทสช. แน่นปึ้ก

‘เทพไท’ เย้ย 'อิ๊งค์' เยือนจีน ได้แต่ภาพ ไม่ได้ผล

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก "เทพไท - คุยการเมือง" เรื่อง อุ๊งอิ๊ง เยือนจีน ได้ภาพมากกว่าผล?

'เทพไท' ชี้ สส.ปูอัด บทเรียนพรรคส้ม

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “สส.ปูอัด : บทเรียนของพรรคส้ม” ระบุว่าผมเห็นข่าวศาลจังหวัดเชียงใหม่ ออกหมายจับ

หมดยุคทักษิณแล้ว! เทพไท สะกิดจับตา จะดิ้นพลิกเกมต่อใบอนุญาต เข้าสู่อำนาจการเมืองอย่างไร

ตอนปราศรัยหาเสียง นายทักษิณได้คุยโม้โอ้อวด เยาะเย้ยคู่แข่งด้วยวาทะกรรมไล่หนูตีงูเง่าภาค2 และหวังจะยึดที่นั่งส.ส.ศรีสะเกษทั้งจังหวัด แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป