
30 เม.ย. 2567 – นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง ระบุว่า
ปรับ ปานปรีย์ ตั้ง พิชิต “ได้ไม่คุ้มเสีย”
ทุกครั้งที่มีการปรับครม.จะมีแรงกระเพื่อมและคลื่นใต้น้ำทุกครั้ง ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนก็ตาม และบางครั้งเหมือนกับการนับถอยหลังอายุของรัฐบาลเสียด้วยซ้ำไป รัฐบาลที่เข้มแข็งจะปรับครม.น้อยครั้งมาก ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาล มีการปรับครม.น้อยที่สุด และเสถียรภาพของรัฐบาลก็ราบรื่น ไม่มีแรงกระเพื่อมหรือคลื่นใต้น้ำแต่อย่างใด
เมื่อเทียบกับรัฐบาลของคุณเศรษฐา ที่มีอายุเพียง8เดือน ก็มีการปรับครม.แล้ว ซึ่งเป็นแนวทางสไตล์ของนายใหญ่ เพราะสมัยคุณทักษิณเป็นรัฐบาล จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีทุก6เดือน เก้าอี้รัฐมนตรีกลายเป็นเก้าอี้ดนตรี ของบรรดาพวกส.ส. ใช้ปูมบำเหน็จเป็นการตั้งแบบต่างตอบแทน
การปรับครม.ของรัฐบาลเศรษฐาในครั้งนี้ ถ้าคิดผลทางการเมืองถือว่า“ได้ไม่คุ้มเสีย” ที่เห็นชัดๆอยู่2คนคือ
1.นายปานปรีย์ มหิทธานุกร ที่ถูกปรับออกจากรองนายกรัฐมนตรี คงเหลือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพียงตำแหน่งเดียว ซึ่งในความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องปรับออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีก็ได้ เพราะการควบรองนายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้ทำให้จำนวนรัฐมนตรีเพิ่มขึ้น ซึ่งตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้คณะรัฐมนตรีมีจำนวน 36 คน จะให้ใครควบกี่ตำแหน่ง ก็ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นการที่ให้คุณปานปรีย์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เสียหาย แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปลดตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และไปเพิ่มตำแหน่งให้กับนายพิชัย ชุณวชิร และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งถ้าจะเพิ่มตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีให้ 2 คนดังกล่าวก็ได้ แต่ก็ไม่จำเป็นลดตำแหน่งของคุณปานปรีย์ ให้เสียความรู้สึกกัน
2.นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นมือกฎหมายของรัฐบาล ซึ่งตอนนี้มีข้อสงสัยว่า ระหว่างมือกฎหมายรัฐบาลกับมือถือถุงขนมอันไหนเก่งกว่ากัน การตั้งคุณพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สุ่มเสี่ยงขัดต่อประมวลจริยธรรม ซึ่งในขณะนี้มีผู้ยื่นให้ตรวจสอบแล้ว กำลังจะเป็นปัญหาทางข้อกฎหมายของรัฐบาลชุดนี้ การตั้งคุณพิชิต เป็นการตั้งรัฐมนตรีต่างตอบแทนอย่างเห็นได้ชัด อาจจะเป็นผลดีต่อคุณทักษิณ แต่ไม่เป็นผลดีต่อคุณเศรษฐาอย่างแน่นอน
ถ้าหากรัฐบาลชุดนี้ต้องการมือกฎหมายจริงๆ ก็มี นักกฎหมายหลายคนในพรรคเพื่อไทย ที่พร้อมจะทำงานได้ แต่การย่อมเสี่ยงเลือกคุณพิชิต เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ แสดงให้เห็นถึงผู้มีอำนาจตัวจริงในการปรับครม.คือคุณทักษิณ เพราะถ้าลำพังคุณเศรษฐา เชื่อว่าคงจะไม่ตั้งคุณพิชิต ชื่นบาน ให้เป็นประเด็นถูกวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
‘เทพไท’ เปิดสาเหตุ 'เพื่อไทย' ไม่กล้ายื่นซักฟอก ทั้งที่ตัวเองได้เปรียบ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิประบุว่า
'น้ำท่วมหาดใหญ่' เพิ่มเงื่อนไขซักฟอก 'อนุทิน'
นายเทพไท เสนพงศ์ โพสต์คลิปพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า น้ำท่วมหาดใหญ่ เพิ่มเงื่อนไขซักฟอกอนุทิน
เทพไท แนะข้อเสนอ วิน-วิน 3 พรรคการเมืองได้ทางออกที่ดีทุกฝ่าย
นายเทพไท เสนพงศ์ นักวิเคราะห์การเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "เทพไท-คุยการเมือง" หัวข้อ แนะทางออก win-win ทั้ง3พรรค
รัฐบาลไทยอย่าชะล่าใจ! ประจานให้ชาวโลกรู้ซึ้ง 'สันดานเขมร'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า จับโป๊ะรัฐบาลกัมพูชา ประจานต่อประชาคมโลก
ฟันธง! สถานการณ์บีบ 'ปชน.' ต้องยื่นซักฟอก ยอมทิ้งแก้รธน.
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สุดท้าย พรรคส้ม ต้องยื่นซักฟอกรัฐบาล


