
9 มิ.ย.2567-รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ระบุว่า เห็นข่าวว่า รัฐบาลเตรียมจะส่งคุณ กิตติรัตน์ ณ ระนอง หรือดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ไปเป็นประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยแล้วรู้สึกเป็นห่วงผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและทีมบริหารของท่านเป็นอย่างยิ่ง
การแต่งตั้งประธานคณะกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของธนาคารแห่งประเทศไทยมาจากการเสนอชื่อของคณะกรรมการคัดเลือกซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้แต่งตั้ง ดังนั้นรัฐบาลจะต้องการให้ใครไปนั่งคุมฝ่ายบริหารของธนาคารแห่งประเทศไทยจึงเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ไม่ยาก ปัญหามีอยู่ว่ารัฐบาลมีความจริงใจแค่ไหนต่อธนาคารแห่งประเทศไทย หรือมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจริงๆอย่างที่คุณแพทองธารกล่าวในการแสดงปาฐกถาในการประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทย จนเป็นเหตุให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจนคุณแพทองธารต้องหยุดนิ่งเก็บตัวอยู่พักใหญ่
คุณ กิตติรัตน์ ณ ระนอง น่าจะเป็นผู้ที่มีอคติต่อธนาคารแห่งประเทศไทยค่อนข้างมาก ดูจากการที่คุณกิตติรัตน์โพสต์โจมตีผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างที่เรียกว่า เสียๆหายๆใน social media มากกว่า 1 ครั้ง ข้อความที่กล่าวหาธนาคารแห่งประเทศไทยที่คุณแพทองธารอ่านในการแสดงปาฐกถาดังกล่าวก็ดูจะสอดคล้องกับการโพสต์ของคุณกิตติรัตน์จนนน่าสงสัยว่าคุณกิตติรัตน์เป็นผู้เขียนให้อ่านหรือไม่ แต่สำหรับดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ไม่ชัดเจนว่ามีทัศนคติต่อธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างไร
หากรัฐบาลโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังส่งคนที่มีอคติเข้าไปเป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยจริง ก็แน่ใจได้ว่ารัฐบาลไม่ได้มีเจตนาดีต่อผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และจะพยายามทุกวิถีทางที่จะไม่ให้ผู้ว่าฯอยู่ในตำแหน่งอีกต่อไป
ในฐานะที่เป็นญาติอาวุโสคนหนึ่ง ขอฝากถึงผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ขอให้ท่านคงความหนักแน่น และให้นึกถึงชาติบ้านเมืองให้มากไว้ อย่าได้ถอดใจเป็นอันขาด ตาม พ.ร.บ.ธนารคารแห่งประเทศไทย 2551 รัฐบาลจะสามารถปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ใน 2 กรณีเท่านั้นคือ
1. คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออกโดยคำแนะนำของรัฐมนตรี เพราะมีความประพฤติเสื่อมเสียอย่างร้ายแรงหรือทุจริตต่อหน้าที่
2. คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออกโดยคำแนะนำของรัฐมนตรีหรือการเสนอของรัฐมนตรี ตามคำแนะนำของคณะกรรมการ ธปท. เพราะบกพร่องในหน้าที่อย่างร้ายแรง หรือหย่อนความสามารถ โดยมติดังกล่าวต้องแสดงเหตุผลในการให้ออกอย่างชัดแจ้ง
ดังนั้น การปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยท่านนี้ ตามกฎหมายจึงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คุณพิชัย ชุณหวชิร ซึ่งเป็นรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยที่มีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์เหมาะสมกับตำแหน่งที่ครองมากที่สุดในพรรค ว่าจะไม่ยอมตัดสินใจ เพื่อผลประโยชน์ของพรรคหรือเพื่อผลประโยชน์ของใครบนความเสียหายของประเทศชาติ
หากรัฐบาลยังคงทำตามที่เป็นข่าว ก็เท่ากับว่า พวกท่านกำลังเร่งเวลาการปัดกวาดบ้านเมืองให้เกิดเร็วขึ้น จึงขอเตือนมาด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จัดเก็บรายได้วืด2.8หมื่นล. คลังลุยกู้ชดเชยการขาดดุล
คลังจัดเก็บรายได้ 2 เดือนแรกของปีงบ 69 ไม่เข้าเป้า วืด 2.8 หมื่นล้านบาท
‘คลัง’กดปุ่มโอนเงินร้านผ่านเกณฑ์Upskill-Reskill
‘คลัง’ กดปุ่มโอนเงินสนับสนุนร้านค้าที่ผ่านเกณฑ์เงื่อนไข Upskill-Reskill ในโครงการคนละครึ่ง พลัส 95,059 ราย วงเงิน 117.47 ล้านบาท โดยมีร้านที่ได้รับเงินเต็มกราฟ 2,000 บาท ทั้งสิ้น 34,970 ราย
งัด3มาตรการ คุม‘เทรดทอง’ สกัดบาทแข็ง
“คลัง” ผนึก “แบงก์ชาติ” เข็น 3 มาตรการคุมธุรกรรมซื้อขายทองออนไลน์

