อดีตรองอธิการบดี มธ. ชี้ 'ทักษิณ' ไม่เคยเปลี่ยน 'ปชป.' ต่างหากที่เปลี่ยนไป!


31 ส.ค.2567 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ที่ใกล้เคียงกับการเป็นสถาบันทางการเมืองมากกว่าพรรคการเมืองใดๆ การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคทุกครั้งที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันกันอย่างแท้จริง ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าใครจะได้เป็นหัวหน้าพรรคก่อนที่การเลือกตั้งจะสิ้นสุดลง ต่างจากพรรคอื่นๆทุกพรรคที่ผู้มีอำนาจในพรรคหรือนอกพรรคเป็นผู้กำหนดว่าจะเอาใครเป็นหัวหน้าพรรค หลังจากนั้นก็ทำการเลือกตั้งพอเป็นพิธี เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง แต่การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคครั้งล่าสุดของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นเช่นในอดีต เพราะดูเหมือนจะรู้ล่วงหน้าแล้วว่าใครจะชนะเลือกตั้ง

วันนี้ ชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง แม้จะอ้างกันว่า เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป อุดมการณ์ของพรรคก็ต้องเปลี่ยน คนก็ต้องเปลี่ยน บางคนยังกระแนะกระแหนด้วยว่า คนที่ยังไม่ยอมเปลี่ยน 4 คน ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้อาวุโส 3 คน คนรุ่นใหม่ 1 คน ว่าผู้อาวุโส 3 คนนั้นเป็นไม้แก่ดัดยาก

จริงอยู่ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป เราก็ต้องเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ แต่การเปลี่ยนจากการยึดมั่นในหลักการและความถูกต้องมาเป็นไม่ต้องยึดมั่นก็ได้ มันเป็นคนละเรื่องกัน อย่าว่าแต่ จริงๆคุณทักษิณไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แต่คนในพรรคประชาธิปัตย์ต่างหากที่เปลี่ยนไป และคงจะไม่กลับมาเหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะคนที่เป็นประชาธิปัตย์จริงๆ ต่างก็ทะยอยกันลาออกไปที่ละคนสองคน โดยมีคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นคนแรก อีกไม่นานคงเหลือแต่ คุณชวน หลีกภัย คุณบัญญัติ บรรทัดฐาน คุณจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ และคุณสรรเพชญ บุญญามณี เพียง 4 คน ที่ยังคงเป็นประชาธิปัตย์อย่างที่เราเคยรู้จัก เพราะเป็น 4 เสียงที่โหวตค้านการร่วมรัฐบาล

การก้าวข้ามความขัดแย้งเป็นเพียงข้ออ้างที่จะเข้าสู่อำนาจ แม้จะรู้ว่าอำนาจที่กำลังจะได้มาอาจจะคงอยู่ได้ไม่นาน แต่เพียงขอให้ได้มา ระยะเวลายาวหรือสั้นไม่เป็นไร ก็ให้ได้มาก่อนก็แล้วกัน คนที่มีความคิดเช่นนี้เป็นคนส่วนใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้ และจะมากขึ้นเรื่อยๆ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าพรรคประชาธิปัตย์ ในอนาคตอันใกล้ จะเป็นเหมือนพรรคชาติไทย ที่เปลี่ยนมือจากค่ายซอยราชครู มาอยู่ที่สุพรรณบุรี และเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

การเมืองไทยไม่เคยเปลี่ยน การคัดเลือกคนให้เข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่เคยดูที่ความรู้ความสามารถ และความซื่อสัตย์สุจริต ดูเพียงว่ามีส.ส.อยู่ในสังกัดกี่คน หากคนที่จะได้ตำแหน่งเป็นเองไม่ได้ ก็จะเลือกลูก เลือกน้อง เลือกสามี เลือกภรรยา หรือคนสนิทที่ตัวเองสั่งได้ ไปเป็นแทน ยังดีที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีมาตรา 160(4) และ(5) เรื่องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยอันเป็นบรรทัดฐานไว้แล้วโดยเฉพาะในเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรม เป็นผลทำให้การแต่งตั้งครม ชุดใหม่ต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติกันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งต้องถือว่าเป็นผลดีต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างประเทศเรา

คำถามถือ รายชื่อคณะรัฐมนตรีที่เห็นเป็นข่าวกันอยู่จะผ่านคุณสมบัติตามมาตรา160(4) และมาตรา160(5) มาได้สักกี่คน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ

'กัณวีร์' โร่แจงโดนปลดพ้นเลขาฯพรรคเป็นธรรม

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตามที่พรรคเป็นธรรมได้ออกแถลงการณ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งภายในพรรค และมีมติปลดผมออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค ผมขอเรียนชี้แจงต่อสาธารณชนและพี่น้องประชาชนดังต่อไปนี้

'กรณ์' แนะ ปปง. ยึดทรัพย์สแกมเมอร์รายใหญ่ ต้องสาวให้ถึงคนไทย แฉพยายามโยกย้ายทรัพย์สิน

นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้นำเอกสารหลักฐานชี้ให้เห็นถึงธุรกรรมที่ผิดปกติเกี่ยวโยงกับบุคคลที่ถูกกล่าวหา โดยสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาว่าเกี่ยวโยงกับวงการสแกมเมอร์ และอาจจะเป็นกิจกรรมที่สะท้อนถึงความพยายามในการฟอกเงินที่ได้มาจากธุรกรรมเหล่านั้น