
27 ก.ย. 2567 – นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เห็นด้วยกับการยุติแก้ไขประมวลจริยธรรมนักการเมือง ของพรรคประชาชน
จากกรณีที่พรรคประชาชน ได้แสดงจุดยืนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มี 2 เส้นทาง เส้นทางแรกคือ จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับโดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และเส้นทางที่ 2 ที่ต้องทำคู่ขนานกันคือการแก้ไขรายมาตรา เพราะกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ต้องใช้เวลานาน และอาจจะไม่แล้วเสร็จทันตามที่กำหนดระยะเวลาไว้ จึงจำเป็นต้องแก้ไขรายมาตราในหลายเรื่อง แบ่งเป็น 7 แพ็กเกจ แต่ขอพักการแก้ไขรัฐธรรมนูญเ ในประเด็นประมวลจริยธรรมนักการเมืองไว้ก่อนนััน
ผมเห็นด้วยกับการที่พรรคประชาชนตัดสินใจหยุดพักการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นประมวลจริยธรรมของนักการเมืองไปก่อน เพราะกระแสสังคมคัดค้านในเรื่องนี้เป็นอย่างหนัก แม้แต่ในส่วนพรรคการเมืองต่างๆ ก็ไม่สนับสนุนการแก้ไขประเด็นประมวลจริยธรรมเกือบทุกพรรค ยังเหลือแค่พรรคประชาชนเพียงพรรคเดียว ถ้ายังฝืนเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป ก็ต้องเจอทางตันอย่างแน่นอน
ส่วนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง ผมเห็นว่าเป็นเรื่องถูกต้อง เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เป็นเป้าหมายสูงสุดของทุกฝ่าย และต้องมีการทำประชามติ เมื่อผลประชามติเห็นชอบให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะไม่มีฝ่ายใดมาขัดขวางได้ และควรจะเปิดกว้างให้กับสสร.ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ควรมีข้อยกเว้นใดๆ เพราะ สสร.มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เมื่อร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ได้ผ่านประชามติจากประชาชนด้วย ก็เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนอย่างแท้จริง
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราควบคู่กันไป แม้ว่าพรรคประชาชนจะอ้างว่าสามารถทำได้เร็วกว่าการร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ส่วนตัวเห็นว่า การร่างรัฐธรรมนูญการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราคู่ขนานกับการร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะทำให้เป็นการฟุ่มเฟือย และสร้างความสับสนให้กับประชาชน ควรจะพุ่งเป้าไปยังการยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับดีกว่า และกดดันให้พรรคเพื่อไทยแกนนำรัฐบาล เร่งจัดทำรัฐธรรมนูญให้เสร็จทันการเลือกตั้งปี 2570 ถ้ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราแล้ว ยิ่งจะเป็นการยื้อเวลาการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับออกไป ซึ่งจะทำให้ประชาชนเสียโอกาส
ผมเห็นด้วยกับการยุติการแก้ไขประมวลธรรมของนักการเมืองไปก่อน และการยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กกต.ชี้ผู้สมัคร พรรคส้ม ถูกจับยังไม่เข้าลักษณะต้องห้าม
กกต.กทม. แจงผู้สมัคร ส.ส. เขต 33 ปชน. ถูกจับข้อหาฟอกเงิน–ยาเสพติด ยังไม่เข้าลักษณะต้องห้าม หากศาลยังไม่ตัดสินเด็ดขาด พร้อมย้ำการเปลี่ยนผู้สมัครทำได้เฉพาะกรณีลาออก ตาย หรือมีคำพิ
พรรคส้มกลับลำ ดัน 'เท่าพิภพ' เสียบแทน อดีตผู้สมัครสส.สีเทา ชิงเก้าอี้เขตบางพลัด-บางกอกน้อย
เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร อดีตสส.พรรคประชาชน โพสต์ภารกิจฟื้นความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อพรรคสำคัญที่สุด พร้อมกลับมารับใช้คนกรุงเทพ
ปชน. ยันตรวจสอบประวัติผู้สมัครอย่างดี ชี้ 'บุญฤทธิ์' โดนหมายจับหลังตรวจเสร็จ
พรรคประชาชนแถลงขอโทษประชาชน-เปลี่ยนตัวผู้สมัคร สส. หลังพบถูกออกหมายจับคดีฟอกเงิน
เปิดเบื้องหลัง 'ปชน.' เปลี่ยนตัวผู้สมัคร สส.กทม.เขต 33 โดนหมายจับพัวพันเครือข่ายค้ายา
เปิดเบื้อหลังเปลี่ยนตัวผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขต 33 บางพลัด-บางกอกน้อย เนื่องจากพรรคประชาชนตรวจสอบพบว่าผู้สมัครถูกออกหมายจับในคดีอาญา

