แอมเนสตี้ฯ ประเทศไทย หวั่นคดีตากใบหมดอายุความ กลายเป็นใบเบิกทางละเมิดสิทธิมนุษยชนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก ชี้ชัด ทั่วโลกจับตาดูอยู่ เชื่อจะเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงบนเวทีสาธารณะระหว่างประเทศต่อเนื่อง
25 ต.ค. 2567 – นายชนาธิป ตติยการุณวงศ์ นักวิจัยประจำประเทศไทย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก กล่าวถึงคดีตากใบที่กำลังจะหมดอายุความในวันนี้ (25 ต.ค.) หากไม่สามารถนำตัวจำเลยไปส่งฟ้องต่อศาลได้ว่า ภาพรวมสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของทางการไทยในการอำนวยความยุติธรรมให้กับเหยื่อที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนในกรณีตากใบ ซึ่งในหลักสิทธิมนุษยชนและหลักการสากล กรณีตากใบเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงมาก เพราะโดยหลักแล้วประชาชนทุกคนมีสิทธิในการออกไปชุมนุม แต่กรณีตากใบ เจ้าหน้าที่ใช้กำลังเกินกว่าเหตุและพอมีการจับกุม ควบคุมตัว ก็ใช้กำลังกับคนที่ถูกควบคุมตัว จนทำให้เสียชีวิตรวม 85 คน กรณีตากใบจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่ไม่ได้สำคัญแค่ในตัวเหตุการณ์เอง แต่เป็นเหมือนหนึ่งในต้นตอที่ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
“เรื่องนี้จริงๆ เป็นความล้มเหลวต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ช่วงที่ผ่านมา ที่คดีกำลังจะหมดอายุความ แต่ตลอดช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ภาครัฐของไทยมีโอกาสที่จะดำเนินคดีกับคนที่รับผิดชอบในเหตุการณ์ตากใบหลายครั้ง จนมีคดีความเกิดขึ้นหลายคดี แต่กลับไม่มีความพยายามที่จะเอาผิดกับคนที่ต้องรับผิดชอบในทางอาญา จนผ่านมายี่สิบปี กลายเป็นว่าประชาชนต้องมาฟ้องคดีเสียเอง” นายชนาธิป ระบุ
นักวิจัยประจำประเทศไทย แอมเนสตี้ฯ กล่าวว่า คดีตากใบที่มีการฟ้องต่อศาลนราธิวาส ที่แบ่งออกเป็นสองคดีคือคดีที่ประชาชนฟ้องกับคดีที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง จะพบว่าสำนวนของประชาชน มุ่งฟ้องไปที่ระดับเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นผู้สั่งการ แต่ของอัยการกลับมุ่งเน้นไปที่การเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย สะท้อนให้เห็นว่าทางการไทย ยังไม่มีความเข้าใจในเรื่องความรับผิดทางอาญา ที่จำเป็นต้องให้ผู้ที่รับผิดชอบ ที่เป็นผู้บงการ ที่สั่งการให้เกิดการละเมิดสิทธิฯ ต้องรับผิดเช่นกัน แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นสำนวนไหน ภาครัฐยังไม่สามารถเอาคนผิดมาลงโทษได้ จำเลยทั้งหมดในสองสำนวนไม่มาปรากฏตัวต่อศาล ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่คดีตากใบจะหมดอายุความ ที่ถือเป็นเรื่องน่าเสียใจและถือเป็นความล้มเหลว ที่ทั่วโลกจับตามองอยู่ว่าประเทศไทย ไม่สามารถให้ความยุติธรรมกับเหยื่อที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
เมื่อถามว่า มองว่าที่ผ่านมา ภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการเอาจริงในการติดตามตัวจำเลยตามหมายจับของศาลหรือไม่ นายชนาธิป กล่าวว่า ถ้าเรียกเป็นภาษาอังกฤษก็คือ TOO LITTLE, TOO LATE ทำน้อยไป ทำช้าไป ถึงจะมีรายงานว่ามีการออกหมายจับในประเทศ และต่อมามีการออกหมายแดง ตำรวจสากล และเข้าใจว่ามีการติดต่อสถานทูตประเทศต่างๆ แต่คิดว่า มันช้าเกินไป เพราะเวลาที่ผ่านไปเกือบยี่สิบปี ภาครัฐมีโอกาสที่จะดำเนินการเยอะมากในการที่จะเอาผิดทางอาญากับคนกลุ่มนี้ แต่ก็ไม่ได้มีการทำอะไร จนมันช้าเกินไป ซึ่งหากเปรียบเทียบกับกรณีอื่นๆ ตำรวจไทย มีประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างเช่น คดีดิไอคอนกรุ๊ป ประชาชนเห็นว่ากรณีอื่นๆ ตำรวจทำงานได้อย่างรวดเร็ว สามารถจับผู้ต้องหาได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทำให้คนทั่วไปตั้งคำถามได้ว่า แล้วเจ้าหน้าที่มีเจตจำนงมากแค่ไหนในคดีตากใบให้มันลุล่วงประสบผลสำเร็จ
ส่วนที่มีการเสนอว่าหลังจากนี้ควรมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อไม่ให้คดีที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงมีอายุความนั้น ทางแอมเนสตี้ฯ มองว่าควรมีการแก้ไข เพราะตามหลักการสิทธิมนุษยชนสากล มีการระบุไว้ชัดเจนว่ากรณีของการละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรง กรณีตากใบเข้าข่ายแน่นอน เป็นการทรมาน เป็นการใช้กำลังสลายการชุมนุมจนนำไปสู่การเสียชีวิต ถือว่าเป็นอาชญากรรมในกฎหมายระหว่างประเทศด้วย กรณีพวกนี้ ไม่ควรมีอายุความอยู่ ซึ่งมาตรา 95 ของประมวลกฎหมายอาญาที่มีปัญหาอยู่ตอนนี้ ควรได้รับการแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำขึ้นอีก เพื่อไม่ให้เปิดช่องโหว่ให้กับคนที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ใช้ประเด็นอายุความในการหลบหนีคดีได้
นายชนาธิป กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา เห็นชัดว่าประชาชนตื่นตัวและให้ความสนใจกับเรื่องตากใบอย่างมาก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือมีการถกเถียงเกี่ยวกับข้อเท็จจริง ข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเหตุการณ์ตากใบ และอาจจะมีการปล่อยข่าวปลอม เช่นปล่อยข่าวว่า รูปสลายการชุมนุม เป็นรูปที่มาจากประเทศเมียนมา มันสะท้อนให้เห็นว่าข้อเท็จจริงในช่วงนั้น แม้ว่าจะเคยมีการสืบสวนสอบสวนผ่านคณะกรรมการฯ ที่ทางการตั้งขึ้นมาแล้ว แต่มันยังไม่เป็นที่กระจ่างในความเข้าใจของประชาชน ปัจจัยหนึ่งก็เพราะคดีมันยังติดปัญหาอยู่ ยังไม่มีการเอาผิดทางอาญากับคนที่รับผิดชอบ ทำให้หลายเรื่องยังไม่กระจ่าง ดังนั้น หากมีช่องทางของรัฐสภาหรือช่องทางอื่นๆ ในการทำให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดกระจ่างขึ้น มีการยอมรับถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีตและความล้มเหลวในปัจจุบันในการดำเนินคดีกับคนที่รับผิดชอบ คิดว่าสิ่งนี้เป็นมาตรฐานที่ต่ำที่สุดที่รัฐบาลควรจะทำ หากไม่สามารถนำคนกลุ่มนี้มาขึ้นศาลได้
เมื่อถามว่า หากคดีหมดอายุความ เรื่องนี้จะเป็นบาดแผลในจิตใจของญาติผู้เสียชีวิตหรือไม่ แม้ก่อนหน้านี้ พลเอกสุรยุทธ์ จุลนานนท์ อดีตนายกฯจะเคยกล่าวคำขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว นายชนาธิป ให้ความเห็นว่า จะเป็นการสร้างบาดแผลซ้ำให้กับเขา คำขอโทษมันจะว่างเปล่าหากไม่ได้ตามมาด้วยการดำเนินการอย่างจริงจังที่จะเอาคนผิดมาลงโทษ เข้าใจว่าในอดีตก็เคยมีการสัญญากันไว้หลังมีการขอโทษว่าจะมีการดำเนินการเอาคนผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่แล้วไม่ประสบผลสำเร็จ มีโอกาสที่จะทำให้ญาติผู้เสียหายหรือคนที่อยู่ในเหตุการณ์แล้วได้รับบาดเจ็บ กลายเป็นคนพิการ จะรู้สึกว่า ภาครัฐไม่ได้มีความจริงใจในการปกป้องพวกเขา เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเลวร้ายมาก เปลี่ยนชีวิตเขาไปเลย เช่นจากที่เคยเป็นคนปกติ ทำงานใช้ชีวิตได้ก็ต้องกลายเป็นคนพิการหรือสูญเสียเสาหลักของคนที่บ้านไป เป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้เกิดบาดแผลในใจที่ไม่ใช่แค่ครอบครัว หรือผู้เสียหายโดยตรง แต่เกิดกับคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
นายชนาธิป ยอมรับว่า น่าเป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ เพราะเหตุการณ์ตากใบเชื่อมโยงกับความขัดแย้งและความตึงเครียดในพื้นที่ แต่สิ่งหนึ่งที่คิดว่าสำคัญ แน่นอนว่าภาครัฐต้องรับประกันความปลอดภัยของคนในพื้นที่เพื่อไม่ให้เขาตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง จากฝั่งขบวนการที่ก่อเหตุไม่สงบฯ แต่บ่อยครั้งในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา วิธีการของหน่วยงานความมั่นคง ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และเน้นการใช้วิธีการทางทหารแบบหว่านแห อย่างเช่นใช้การปิดล้อมตรวจค้นคนทั้งหมู่บ้าน หรือจับคนที่ยังไม่มีข้อกล่าวหาชัดเจน ไปเข้าค่ายทหารแล้วซ้อมทรมาน ซึ่งการใช้วิธีการเหล่านี้ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นบ่อย โดยไม่ได้มีประสิทธิภาพในการป้องกันเหตุรุนแรงจริงๆ ซึ่งแนวทางของฝ่ายความมั่นคง แน่นอนว่าควรเฝ้าระวัง ไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น แต่ก็ควรจะใช้วิธีการที่เคารพสิทธิมนุษยชน ไม่ควรใช้วิธีการควบคุมตัวโดยไม่ชอบ ไม่ซ้อมทรมานคนที่ถูกควบคุมตัว
“ประเด็นเรื่องตากใบเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรง ซึ่งองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างประเทศอย่างแอมเนสตี้ฯ และองค์กรอื่นๆ ก็ติตดามอย่างใกล้ชิด เรามองว่า ถ้าปล่อยให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปแล้วมีการลอยนวลพ้นผิด มันก็เหมือนเป็นใบเบิกทางให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกในประเทศไทย และประเทศไทยตอนนี้เหมือนถูกจับตาโดยชาวโลกอยู่เพราะเราเป็นสมาชิกคณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชน ของสหประชาชาติ และในเดือนหน้า ประเทศไทยจะเข้ารับการทบทวนสถานการณ์เรื่องการซ้อมทรมาน ต่อหน้าสหประชาชาติ ดังนั้นประเด็นนี้ จะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดบนเวทีสาธารณะระหว่างประเทศอยู่ตลอด ก็อยากฝากทางการไทยที่รับผิดชอบว่าตอนนี้ ทั่วโลกกำลังจับตาอยู่และอยากให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อนำผู้กระทำผิดในกรณีตากใบมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้”นายชนาธิป ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอวรงค์' จวกยับพักโทษคดีโกง เท่ากับร่วมมือกันทำลายประเทศ!
เราต้องยอมรับว่า คดีทุจริตที่เกิดจากนักการเมือง ต้องถือว่าเป็นคดีร้ายแรง พอๆกับคดีค้ายาเสพติด หรือแม้แต่คดีฆ่าข่มขืน เพราะการทุจริตเป็นการทำลายโอกาสของประชาชน มีผลกระทบต่อการ
ขึ้นป้าย ต่อสายตรง 'ผู้การทหารพรานที่ 49' แจ้งเหตุชายแดนใต้
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ทำการติดตั้งป้ายไวนิล สายตรงผู้การทหารพรานที่ 49 ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน " ร่วมกันสอดส่องดูแลชายเเดนใต้
จนท. เร่งหาหลักฐาน ไล่กล้องวงจรปิด หาเบาะแสเหตุระเบิดแคมป์ก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม
ความคืบหน้าคนร้ายระเบิดแคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม อ.เทพา จ.สงขลา คนงานบาดเจ็บ 3 ราย ทรัพย์สินเสียหาย และมีการวางระเบิดอีก 2 ลูกเพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ ส่งผลให้นักเรียนที่กำลังเข้าค่ายกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี
รัสเซีย ขัดขวางมติหยุดยิงของยูเอ็นในซูดาน
นายพลสองคนซึ่งเป็นคู่แข่งแย่งชิงอำนาจ ต่อสู้กันในซูดานมาเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่งแล้ว ขณะนี้รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งสห
สว.ปฏิมา กังวลกระบวนการยุติธรรมไทยกำลังถูกสั่นคลอนหนัก!
นายปฏิมา จีระแพทย์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ปัจจุบันนี้ เราต่างทราบดีว่า การรักษาความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศคื
ควันหลงคดีตากใบ 'เพื่อไทย' สะเทือนหนักทางลบ
นิด้าโพลเปิดผลสำรวจ พรรคการเมืองใดเดือดร้อนจากกรณีตากใบ ชี้เพื่อไทยผลกระทบหนักทางลบ ขณะที่ปชช.ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ระบุไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งครั้งต่อไป