'หมอเดชา' เดินหน้าสำรวจที่ดินสร้างรพ. จี้ 'แอ๊ด' แจงเหตุปล่อยให้คนเข้าไปอยู่อาศัย

28 ก.พ.2568 - นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

วันนี้​ ผมเริ่มดำเนินงาน​ ตามมติคณะกรรมการฯ​ ที่ให้สานต่อโครงการสร้างโรงพยาบาล
คือเดินทางไปอำเภอด่านช้าง​ เพื่อสำรวจที่ดินของโครงการฯ​ ที่ซื้อโดยเงินบริจาค​
วันนี้เริ่มสำรวจแปลงเล็ก​ (6​ ไร่)​ ที่ตั้งอยู่ในซอย​ ตรงเสาไฟฟ้าสูง​ (ในภาพด้านล่างซ้าย)
เมื่อเข้าไปสุด​ซอย​ ลึกราว​ 100​ เมตร​ ก็ถึงที่ดิน ซึ่งเป็นแปลงสุดท้ายของที่ดินในซอยนี้

จำได้ว่า​ คุณ​แอ๊ด​ฯ​ แนะนำให้ซื้อที่ดินผืนนี้​ ไว้​ใช้เป็นสำนักงานชั่วคราว​ ระหว่างดำเนินงาน
เพราะตั้งอยู่ในชุมชน​ มีระบบน้ำประปาและไฟฟ้าให้ใช้ได้​ สะดวกกว่า​ไปอยู่ในแปลงใหญ่
เท่าที่จำได้​ ที่ดินผืนนี้ราคา​ 3​ ล้านบาท​ สร้างกำแพงรอบพื้นที่​ เจาะบ่อบาดาลทำระบบน้ำ
เพื่อใช้เพาะปลูกสมุนไพร​ที่ใช้น้ำมาก​ (หากใช้น้ำประปาจะแพง)​ และสร้างอาคารที่ทำงาน

รวมแล้ว​ ใช้เงินบริจาค​ (จากบัญชี​ร่วม​ 2​ คน)​ ในที่ดินแปลงนี้ไปแล้ว​ ราว​ 5​ ล้านบาทเศษ
ที่ดินแปลงนี้​ คุณ​แอ๊ด​ฯ​ ลงชื่อเป็นเจ้าของที่ดินชั่วคราวไปก่อน​ (และยังเป็นอยู่ถึงปัจจุบัน)​
เพราะตกลงกันว่า เมื่อจัดตั้ง​ "มูลนิธิหมอเดชา" เรียบร้อยแล้ว​ จึงจะโอนเป็นชื่อมูลนิธิฯ
วันนี้​ ผมกับ​คณะ​ เข้าไปในที่ดินแปลงนี้ไม่ได้​ (ล็อคกุญแจ​จากด้านใน)​ จึงดูจากภายนอก

ในภาพด้านล่างขวา​ ผมยืนที่ด้านนอกประตูทางเข้า​ ขวามีอของภาพ​ เป็นบ้านที่สร้างใหม่
บ้านหลังนี้​ ผมไม่ทราบว่าใครมาสร้าง​ ใช้เงินจากที่ใหน​ (ไม่ใช่เงินจากบัญชี​ร่วม​ 2​ คน)
ที่สำคัญ​คือ​ ไม่ทราบว่าใครเข้ามาอยู่อาศัย​ในบ้านหลังนี้​ (ซึ่งคงใช้ประโยชน์​ในที่ดินด้วย)​
ผมสันนิษฐาน​ว่า​ การสร้างบ้าน​หลังใหม่​และการเข้าอยู่อาศัย​ คุณ​แอ๊ดฯคงเป็นผู้อนุญาต

แต่แปลกใจว่า​ ทำไมไม่ขอความเห็น หรือแจ้งข่าวให้ผมทราบบ้างเลย​ ในการใช้ที่ดินผืนนี้
เพราะที่ดินและสิ่งก่อสร้างต่างๆ​ มาจากเงินบริจาค​ ที่มีจุด​ประสงค์​เพื่อประโยชน์ของ​ผู้ป่วย
แต่ปรากฏ​ว่า​ มีใครก็ไม่ทราบ​ มาใช้ประโยชน์แทน​ โดยผมและผู้บริจาคเงิน​ ไม่ได้รับรู้เลย
น่าจะมีคุณแอ๊ดฯ​รู้อยู่คนเดียว​ ว่าทำไมที่ดินแปลงนี้​ จึงมีบ้านสร้างใหม่​ และมีผู้มาอยู่อาศัย

เรื่องนี้​ คงต้องรอให้คุณ​แอ๊ดฯ​ หรือตัวแทน​ ออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการ​ ให้หายสงสัย
เพราะหากปล่อยไว้แบบนี้ อาจมีผลกระทบ​ ต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์​ของคุณแอ๊ดฯเอง
เนื่องจาก​ ตัวแทนของผู้บริจาค​ (ซึ่ง​อยู่​ในคณะกรรมการฯ)​ คงติดตามเรื่องนี้อย่างเต็มที่
เพื่อนำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น​ ไปชี้แจงแก่ผู้บริจาค ซึ่งมีอยู่​ นับหมื่นนับแสนราย