'จตุพร' จับตาฝ่ายค้านเดินหน้าโรยเกลือแผลตั๋ว PN - 10เม.ย.แพทยสภาชี้ขาดชั้น 14

'จตุพร' จับตา ฝ่ายค้านเดินหน้าโรยเกลือแผลตั๋ว PN จี้สรรพากรออกระเบียบภาษีให้ชัด เร่งเร็วยื่นศาล รธน. เอาผิดจริยธรรมนายกฯ ปมสนามกอล์ฟอัลไพน์ รุกที่ต้นน้ำสร้างโรงแรมหรูเขาใหญ่ เชื่อหลังเสร็จศึกสภาการเมืองร้อน สัญญาณ สว.ยื่นถอดถอน 'อ้วน-ทวี' บอกเหตุ ผสมผลสอบแพทยสภาชั้น 14 ชี้ขาดมาตรฐานยุติธรรมไทยทำหน้าที่ตามเนื้อผ้าให้เป็นความหวังบ้านเมือง

28 มี.ค.2568 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า หลังเสร็จศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ในสภา ต้องจับตาพรรคฝ่ายค้านเดินหน้าโรยเกลือบาดแผลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ที่ชี้แจงข้อกล่าวหาในสภาอย่างไม่มีสาระและขาดความน่าเชื่อถือ

นายจตุพร กล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ เมื่อ 24-25 มี.ค.ว่า พรรคฝ่ายค้านทั้งพรรคประชาชน พลังประชารัฐ และพรรคไทยสร้างไทย ทำหน้าที่ด้วยความมั่นใจและมีเนื้อหาสาระตรงตามข้อกล่าวหา ส่วนนายกฯ และฝ่ายรัฐบาล แม้คาดการณ์ข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านได้ค่อนข้างครบถ้วน แต่ไม่เตรียมตัวมาชี้แจง เอาแต่เน้นโต้ตอบด้วยวาทศิลป์ ประชดประชัน จึงขาดเนื้อหาสาระความน่าเชื่อถือ

นอกจากนี้ นายกฯ ชี้แจงการอภิปรายฯ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประรัฐ ซึ่งเป็นผู้อาวุโสการเมืองคนหนึ่ง ซึ่งอภิปรายฯ อย่างมีมิตรไมตรี แต่นายกฯ กลับชี้แจงด้วยแสดงพฤติกรรมเหน็บแนมถึงนาฬิกาตัวเองและย้อนรอยคำพูดว่า ไม่เป็นความจริง ดังนั้น ถ้านายกฯ พูดแบบมีความนอบน้อมถ่อมตนคงทำให้ดูดีขึ้นอย่างคนมีวุฒิภาวะกว่านี้

ส่วนข้อกล่าวหาใช้ตั๋ว PN ส่อเจตนาหลบเลี่ยงภาษีนั้น นายกฯ กลับชี้แจงกดข่มทับถมถึงการเสียภาษีมากกว่านายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน ผู้อภิปรายฯ จึงไม่ใช่การชี้แจงด้วยเนื้อหาสาระ อีกอย่างที่นายกฯ บอกว่าใครก็ทำได้ แต่ต้องไม่ใช่คนที่มีตำแหน่งนายกฯ จะทำได้เช่นกัน เพราะนายกฯ เป็นนักการเมืองต้องมีมาตรฐานทางจริยธรรม ซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้คนทั่วไป

"ดังนั้น เรื่องนี้นายวิโรจน์ จะไปถามอธิบดีกรมสรรพากร คงเสียเวลาเปล่า ควรลงชื่อ 1 ใน 10 ของ สส.ยื่นต่อศาล รธน.ให้พิจารณาจะได้ผลเร็วกว่า อีกทั้งเข้าชื่อ สส.ส่งศาล รธน.ในกรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ และที่ดินสร้างโรงแรม Thames Valley Khaoyai ของนายกฯที่เขาใหญ่ด้วย เพราะมีตัวอย่างและคำพิพากษาของศาลไว้เป็นบรรทัดฐานด้านจริยธรรมอยู่แล้ว" นายจตุพร กล่าวว่า พร้อมกับบอกว่า หลังจากนี้จะจับตาการเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านเปิดยุทธการโรยเกลือกันต่อ จะไปถึงตรงไหนอย่างไร

นายจตุพร กล่าวถึงเสียงฝ่ายค้านบางพรรคไปลงมติไว้วางใจนายกฯ ว่า รัฐบาลดึงเสียงจากพรรคไทยสร้างไทย และเสรีรวมไทย ไม่ได้โชว์ถึงความเหนือกว่าอะไร และสังคมไม่ตื่นเต้นเลย เพราะรู้อยู่แล้วจะเกิดงูเห่าขึ้น แต่รัฐบาลต้องการทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยและคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย มีความคับแค้บยิ่งขึ้น

"ผลลัพธ์ทางการเมืองต้องดูถัดจากการลงมติไว้วางใจไป เพราะมีข่าวเกิดขึ้นกับรัฐบาลอยู่ 2 ข่าว คือ ศาล รธน.มีมติเอกฉันท์รับคำร้อง สว.ยื่นถอดถอนนายภูมิธรรม เวชยชัย และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ซึ่งเรื่องนี้ตามขั้นตอนตรวจสอบและจะรู้ผลถูกถอดถอนจาก รมต.หรือไม่ในเวลารวดเร็ว"

อีกเรื่องคือ กรณีแพทยสภา โดย นพ.อมร ลีลารัศมี กรรมการแพทยสภาฯ ในฐานะประธานอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แถลงว่า ได้ยุติการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ รพ.ตำรวจและ รพ.ราชทัณฑ์ กรณีการรักษาทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่งจะนำผลสอบสวนเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ในวันที่ 10 เม.ย.นี้

"ต้องถามแพทยสภาว่า องค์กรนี้ตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร เพราะข้อเท็จจริงคนทั้งบ้านทั้งเมือง และวิญญูชนต่างเห็นความผิดปกติอยู่แล้่ว ดังนั้น ขอเพียงทำให้ตรงไปตรงมาเท่านั้น คุณจะเอาฝามือไปปิดแผ่นฟ้าได้อย่างไร จึงหวังว่า เขาจะได้ทำอย่างมืออาชีพ และเราไม่ได้บอกให้เปลี่ยนดำเป็นขาว หรือเปลี่ยนขาวเป็นดำ"

อีกทั้งย้ำว่า ผู้นำฝ่ายค้านสรุปอภิปรายฯ ว่า เมื่อ 20 ปีแล้วเราเสียกระบวนการยุติธรรมเพื่อเอาทักษิณ ออกไป ผ่านมาอีก 20 ปีก็เสียกระบวนการยุติธรรมเพื่อเอาทักษิณ กลับมา ดังนั้นแต่ละองค์กรต้องรู้ว่า ปัญหาของชาติบ้านเมือง อะไรอยู่ข้างหน้า โดยประชาชนกำลังสู้กับรัฐบาลลุแก่อำนาจจะตั้งบ่อนกาสิโน และพนันออนไลน์อยู่อย่างเด็ดเดียวในขณะนี้

"ส่วนแพทย์ก็ควรทำหน้าที่แพทย์ และแต่ละองค์กรต่างทำหน้าที่กันตามเนื้อผ้า ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก แผ่นดินจะได้สูงขึ้่น ถ้าต่างคนต่างปล่อยต่างเห็นผลประโยชน์ แล้วบ้านเมืองจบลงอย่างเดิมๆ กันอีก ความเสียหายจะอยู่ตรงไหนอย่างไร ดังนั้น ใครก็ตามที่ทำเรื่องอะไรกันไว้ ก็คิดดีๆ หน่อย เราไม่ได้คิดว่าให้คุณเขาข้างใคร แต่ขอให้เข้าข้างความถูกต้อง ว่ากันตามเนื้อผ้า หากแต่ละกระะบวนการซื้อกันได้หมดแล้วบ้านเมืองนี้จะเหลืออะไร"

นายจตุพร กล่าวว่า หลังการอภิปรายฯ แล้ว ฝ่ายรัฐบาล ใครคิดว่าจะได้เปรียบก็ตาม แต่ความเห็นสังคมกลับมองว่า ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเป็นรองฝ่ายค้านทุกเรื่องในการชี้แจงการอภิปรายฯ ครั้งนี้ เพราะไม่ใช้โอกาสนี้ยกระดับความน่าเชื่อถือให้โดดเด่นขึ้น มีแต่นายภราดร ปริศนานันทกุล ใช้โอกาสนี้ทำหน้าที่รองประธานสภา จนได้รับการยอมรับมาก เพียงแค่เขายึดหลักข้อบังคับการประชุมอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น

"หลังจากนี้การเมืองจะร้อนแรงขึ้น และต้องจับตาดูผลสอบสวนของแพทยสภาแบบละสายตาไม่ได้ เพราะเป็นหัวใจของเรื่องราวชั้่น 14 โดยกรรมการแพทยาสภาจะมีมติออกมาเช่นไร ถ้าชี้ว่าผิดก็จะเรียงเรื่องไปยังหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่า ปปช.และศาลฎีกกาก็ตาม ดังนั้น เรื่องนี้จะประมาทไม่ได้ เพราะบ้านเมืองนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพียงแต่ว่าใครจะกล้าแลกกับควมเสียหายของบ้านเมือง"นายจตุพร กล่าว

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง

เอาแล้ว 'จตุพร' เตือน นายกฯหนู แบ่งแยกเยียวยาศพน้ำท่วม 2 ล้าน ระวังทำรัฐบาลพัง

'จตุพร' เตือน นายกฯหนู แบ่งแยกเยียวยาศพน้ำท่วม 2 ล้านระวังทำรัฐบาลพัง แนะน้ำท่วมใต้จากพายุชื่อเหมือนกันต้องเป็นธรรม ชดเชยเท่ากัน อย่าคิดแบบเขลาๆ แถเอาแต่สถานการณ์ฉุกเฉินมาอ้าง จะเกิดเหตุไม่พอใจ ลุกลามไปกันใหญ่

'จตุพร' แนะ แก้รธน.ต้องกินทีละคำอย่าเหลี่ยมคูกินทีละกะละมัง สุ่มเสี่ยงถูกคว่ำล้มครืนลง

'จตุพร' แนะการเมืองยึดมติ กมธ. ปมผ่านแก้ รธน.วาระสอง เตือนอย่าชิงเหลี่ยมคู ขอให้กินทีละคำอย่าโลภอยากกินทีละกะละมัง หวั่นถูกคว่ำจบเห่ ย้ำฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ลงมติ ม.152 ดีกว่าซักฟอก 151 ชี้เวลาเหมาะอภิปรายช่วงสัปดาห์สุดท้าย มกรา 69 พูดเสร็จได้ยุบสภาเลย

เดือด! แกนนำคปท. จวก เรือนจำพิเศษ โกงความผิดจากคนทำผิด สมควรประหาร ให้สิ้นความชั่ว

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เรือนจำ (พิเศษ)

อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ย้อนชะตากรรม 'ทักษิณ' ทวนย้ำชัดๆ ถูกกลั่นแกล้ง หรือ สารภาพผิดเอง

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน"ชัด ชัด!" โดยกล่าวถึงชะตากรรมทักษิณ ชินวัตร เกือบ 20 ปีตั้งแต่ถูกยึดอำนาจเมื่อปี 2549 กระทั่งได้กลับไทย 22 ส.ค. 2566