'กมธ.กิจการศาลฯ' เผยหลังเชิญ สตง. เข้าชี้แจง ปม ตึกถล่ม กู้คืนภาพลักษณ์ ระบุ หน่วยงานจะมีแถลงผลเร็วๆ นี้ ยืนยัน เป็นไปตามระเบียบทุกขั้นตอน ยังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล รับ จะเร่งติดตาม-เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่อไป ส่วนกฎหมายควบคุมอาคาร โยน เป็นหน้าที่นิติบัญญัติ แก้ให้ภาครัฐร่วมตรวจสอบ
10 เมษายน 2568 - ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.นครสวรรค์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานกรรมาธิการ แถลงผลการพิจารณาประเด็นปัญหาด้านภาพลักษณ์ และความน่าเชื่อถือของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จากเหตุตึกถล่ม ภายหลังเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงในที่ประชุม
โดยนายสัญญา ระบุว่า คณะกรรมาธิการได้มีการซักถามถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ สตง. ตั้งแต่การออกแบบ การจัดหาผู้รับจ้างก่อสร้าง และการควบคุมงานก่อสร้าง รวมถึงประเด็นต่าง ๆ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม นอกจากนี้ ยังได้สอบถึงความคืบหน้าการตรวจสอบหาสาเหตุตึกถล่ม การกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น
นายสัญญา เปิดเผยว่า เบื้องต้น 3 วันก่อนเกิดเหตุตึกถล่ม ได้รับข้อมูลว่า สตง.มีมติว่าจะยกเลิกสัญญา เพราะโครงการก่อสร้างล่าช้า แต่เมื่อทางบริษัททราบจึงไปเกณฑ์แรงงานมาเพิ่ม จาก 80 คน เป็น 400 คน เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังไม่ได้ดำเนินการและยังไม่มีผลทางกฎหมาย
ด้าน นางสาวพณิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ด้วย สตง.เป็นหนึ่งในองค์กรอิสระที่คอยตรวจสอบภาครัฐ แต่กรณีเกิดเหตุอาคาร สตง.ถล่ม เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการตั้งคำถามในการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงาน ซึ่งยังมีหลายประเด็นที่ สตง.ยังไม่ได้ชี้แจงต่อสาธารณะชน
คณะกรรมาธิการฯ จึงได้เชิญหน่วยงานเข้ามาชี้แจง เพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในประเด็นการจัดซื้อจัดจ้างที่มีคู่สัญญา 3 ฉบับ ซึ่ง สตง.ชี้แจงและยืนยันว่าเป็นไปตามกฎหมายทุกขั้นตอน โดยใช้การเสนอราคารูปแบบ e -bidding แต่ทางกรรมาธิการพบว่าในการประมูลมีการร่วมทุนกันระหว่างบริษัทเอกชนรายใหญ่ของประเทศไทยกับบริษัทของประเทศจีน จึงทำให้เกิดคำถามว่ามีกระบวนการคัดเลือกอย่างไร มีกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับหรือไม่ บริษัทมีทุนอยู่เท่าไหร่ และมีความสามารถในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐหรือไม่ ทางสตง.จึงตอบกลับว่าเรื่องนี้จะมีการแถลงให้สื่อมวลชนรวมถึงประชาชนทราบภายหลัง แต่สาเหตุที่ไม่ออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ เพราะอยู่ระหว่างเก็บรวบรวมข้อมูล
ขณะที่ เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร นางสาวพณิดา ระบุว่า ในกฎหมายเขียนว่าการก่อสร้างอาคารรัฐไม่จำเป็นต้องขอกรมโยธาธิการและผังเมือง หรือ กรุงเทพมหานคร กรรมาธิการจึงมองว่าเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝ่ายนิติบัญญัติจะต้องดำเนินการแก้ไข เนื่องจากในการก่อสร้างตึกทุบตึกควรมีภาครัฐร่วมตรวจสอบในกระบวนการก่อสร้าง ดังนั้นหากเรื่องนี้แก้ไขได้ เชื่อว่าก็จะสามารถทำให้กลไกการตรวจสอบเคร่งครัดได้มากขึ้น
ส่วนเรื่องมาตรฐานของเหล็กในการก่อสร้าง สตง. ยืนยันว่าเป็นไปตามระเบียบและไม่ได้มีการลดคุณภาพลง เช่นเดียวกับการก่อสร้างตึกอื่นๆก็ไม่มีปัญหา แต่มีเพียงตึก สตง.บางจังหวัดที่ผู้รับเหมาหนีงาน ก่อนชี้แจงถึงสาเหตุที่ต้องสร้างตึกสูงกว่า 30 ชั้น ว่าเพราะ สตง.มีบุคคลากรกว่า 4,000 คน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีพื้นที่สำหรับคนทำงาน และรองรับบริการของพี่น้องประชาชน ฉะนั้น ต้องติดตามผลการตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ สำหรับเรื่องการเยียวยา สตง. กล่าวว่าไม่ได้เพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่ได้หายไปไหน อยู่หน้างานตลอดเวลา พร้อมได้นำภาพมายืนยันว่าได้มีการตั้งศูนย์ประสานงาน โดยหาล่ามเมียนมามาช่วยแปลตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ ส่วน การจ่ายเงินนั้น สตง.จะมีการจ่ายให้ผู้บาดเจ็บรายละ 5,000 บาท ขณะที่ ผู้เสียชีวิตรายละ 10,000 บาท โดยจะเป็นเจ้าภาพในการจัดฉาปนกิจให้ด้วย แต่ทางกรรมาธิการอยากให้จับตาเรื่องประกันภัยตัวอาคารดังกล่าว เนื่องจากสงสัยการคุ้มครองของประกันภัยว่าจะจ่ายเต็มวงเงินหรือไม่ทางสตง.จึงย้ำว่าจะเร่งรัดกระบวนการนี้ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกคนได้รับเงินเยียวยา
ส่วนเรื่องข้อสงสัยที่ประชาชนตั้งคำถามต่อหน่วยงานนั้น นางสาวพนิดา ระบุว่า ทาง สตง. ยืนยันว่ารับฟังฟีดแบคจากทุกหน่วยงานและจะพิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้กลับมาเป็นองค์กรที่มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ มีค่านิยมที่เป็นองค์กรที่โปร่งใส โดยจะมีการแถลงข่าวและนำข้อเท็จจริงมาเปิดเผยต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ สรุปเหตุตึกสตง.ถล่ม พบออกแบบ-วิธีก่อสร้างบกพร่อง ส่งข้อมูล 'ดีเอสไอ-ตร.' ชี้ใครผิด
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามผลการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีอาคารที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อันเนื่องมาจากแผ่นดินไหว
DSI หอบสำนวนคดีฮั้วตึกสตง. 73 แฟ้ม ถึงมือ ป.ป.ช. ฟัน 76 ผู้ต้องหา
'ดีเอสไอ' ส่งมอบสำนวนคดีฮั้วประมูลตึกสตง. 73 แฟ้ม 31,224 แผ่น ให้ ป.ป.ช. ไต่สวน 76 ผู้ต้องหา รวมผู้บริหารระดับสูง เอกชน 6 ราย ฐานปลอมเอกสาร-เอื้อประโยชน์มิชอบ
'ดีเอสไอ' จ่อสรุปคดีฮั้วตึกถล่ม ส่ง ป.ป.ช. ฟันกราวรูด 4 บิ๊ก สตง.-จนท.รัฐ รวม 70 คน
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 58/2568 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยความคืบหน้าคดีฮั้วประมูลสัญญาก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารสำนวนเพื่อส่งให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ พิจารณาภายในวันศุกร์ที่ 13 มิ.ย.นี้ ก่อนส่งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.
'ดีเอสไอ' ส่งสำนวน 46 ลัง ให้อัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีนอมินี ตึกสตง.ถล่ม
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดย คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 ความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือคดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ไ
‘พลเดช’นอนคุก ล่าตัว‘บินลิง วู’ เชื่อมโยงไชน่าฯ
ศาลอาญาไม่ให้ประกัน “พลเดช” กก.บริษัท ว.และสหายฯ หนึ่งในก๊วนผู้ต้องหาเอี่ยวตึก สตง.ถล่ม
คุมตัวฝากขัง กรรมการบริษัท ว.และสหาย เอี่ยวเหตุตึก สตง.ถล่ม
นายพลเดช เทอดพิทักษ์วานิช กรรมการบริษัท ว.และสหาย คอนซัลแตนส์ จำกัด และนางประณีต แสงอลังการ ในฐานะนิติบุคคลของบริษัท เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ในคดีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่พังถล่ม