อดีตนายกแพทยสภาหลายสมัย ปลุก 'กก.แพทยสภา' รักษาเกียรติยศ ชี้ชาวบ้านเห็นไม่ได้ป่วยวิกฤต

หมอสมศักดิ์ อดีตนายกแพทยสภาหลายสมัย ปลุกกรรมการฯ ต้องรักษาเกียรติยศ ชื่อเสียงองค์กร ชี้ผลลงมติ แพทยสภา12 มิ.ย. หากไม่ทำตามความถูกต้องจะเสียหายทั้งระบบ ความเชื่อถือในวงการแพทย์อาจพัง ชี้หากเสียงไม่ถึง 47 เสียง  ความผิดยังไม่หมดไป แต่ต้องประชุมลงมติใหม่ ตอกฝาโลง คนไข้ชั้น 14 ชาวบ้านเห็นกันอยู่ไม่ได้ป่วยหนักขั้นวิกฤต

8 มิ.ย.2568-ศ.เกียรติคุณ นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา อดีตนายกแพทยสภาหลายสมัย กล่าวถึงการประชุมแพทยสภาในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ ที่จะมีการพิจารณากรณีสภานายกพิเศษ วีโตมติแพทยสภาที่ลงโทษแพทย์สามคนที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวและรักษานายทักษิณ ชินวัตรว่า การยืนยันมติเดิมต้องได้เสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจํานวนกรรมการทั้งหมด โดยกรรมการบางคนที่มีส่วนได้เสีย ในการพิจารณาลงมติ ก็จะต้องงดออกเสียงหรือออกนอกห้องประชุม ส่วนกรรมการแพทยสภา ที่เป็นอนุกรรมการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ทั้งสามคน โดยหลักยังสามารถออกเสียงลงมติได้ แต่ตามมารยาทก็อาจงดออกเสียง เพราะว่าเขาเป็นกรรมการสอบ แต่จริงๆ จะออกเสียงก็ออกได้ ไม่ได้ห้าม    

“หากที่ประชุมเสียงโหวตไม่ถึง 2 ใน 3 ก็ถือว่ามติเดิมใช้ไม่ได้ ที่ประชุมแพทยสภา ก็ต้องมาประชุมกันใหม่ เพราะแสดงว่าผลการตัดสินลงโทษแพทย์ตามมติเดิมไปต่อไม่ได้ ก็ต้องพิจารณาใหม่ว่าจะเอาโทษ ลงโทษแบบไหน หรือจะยกโทษไม่ลงโทษเลย เช่นอาจจะลดโทษลง ไม่เอาแบบมติเดิม โดยกระบวนการก็คือ แพทยสภา ต้องมีการประชุมพิจารณากันใหม่ เพราะถือว่ามติเดิมใช้ไม่ได้ แต่ใช้ไม่ได้ไม่ได้หมายถึงจะไม่ลงโทษเลย แต่ให้เปลี่ยนวิธีการลงโทษใหม่ กรรมการแพทยสภาก็ต้องประชุมกันใหม่ว่าจะเอาอย่างไร”

เมื่อถามว่า กรณีให้เปลี่ยนการลงโทษหมายถึงเช่น แพทย์บางคนที่แพทยสภาเคยให้ลงโทษพักใบอนุญาตหกเดือน ก็อาจเหลือสามเดือนแบบนี้ใช่หรือไม่ ศ.เกียรติคุณ นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ใช่ ก็มาพิจารณาใหม่ว่าผิดหรือไม่ผิด แต่ไม่ใช่ว่าเสียงไม่ถึง 2 ใน 3 แล้วตกไปเลย ไม่มีอะไรเลย ไม่ใช่ ที่แพทยสภาทำมาทั้งหมดศูนย์ไปหมดเลย ไม่ใช่แบบนั้น ก็คือมติเดิมใช้ไม่ได้ ต้องทำมติใหม่ และไม่ต้องตั้งกรรมการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ใหม่ตั้งแต่ต้น ซึ่งการพิจารณาใหม่ อาจจะยกโทษก็ได้ อย่างไรก็ตาม ที่คนห่วงกันตอนนี้คือ กรรมการแพทยสภาจะไม่มาประชุมกัน โดยหากครบองค์ประชุมเพราะมาประชุมเกินครึ่ง  เปิดประชุมได้ แต่เข้าประชุมกันไม่มาก จะให้ได้ 2 ใน 3 โหวตยังไง ก็ไม่มีทางผ่าน ซึ่งกรรมการแพทยสภา มีกรรมการโดยตำแหน่งเยอะ เช่นกรรมการโดยตำแหน่งที่เป็น คณบดีสถาบันอุดมศึกษาที่เปิดสอนคณะแพทยศาสตร์ก็ยี่สิบกว่าคน และกรรมการโดยตำแหน่งกับกรรมการที่มาจากเลือกตั้งก็สัดส่วนเท่ากัน

ถามถึงมุมมองต่อการประชุมแพทยสภา เพราะมีกระแสข่าวล็อบบี้กรรมการฯ  ศ.เกียรติคุณ นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ผมไม่รู้ ผมกลัวอย่างเดียวว่า จะมีกรรมการลาประชุมกันเยอะ แล้วเสียงไม่ถึง 2 ใน 3 ซึ่งตามข้อบังคับ กรรมการโดยตำแหน่ง หากไม่มาประชุม ก็สามารถส่งตัวแทนมาประชุมแทนได้ แต่ที่ผ่านมา ก็พบว่าตัวเองไม่เข้าแล้วก็ไม่ส่งตัวแทนมาประชุม            แต่ส่วนใหญ่กรรมการที่มาจากการเลือกตั้งของสมาชิกแพทยสภา จะเข้าประชุมทุกครั้ง เพราะหากไม่เข้า เลือกตั้งกรรมการรอบหน้าอาจไม่ได้รับเลือก

“การลงมติของแพทยสภา ที่ผ่านมา ไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนใหญ่ก็จะยืนยันมติเดิม เสียง 2 ใน 3 ก็ถึงทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ก็กลัวไม่ได้ เพราะมันมีการเมือง ที่แล้วมาเสียงถึงทุกที หมอส่วนใหญ่อยากให้เป็นไปตามความถูกต้อง เพราะสามัญสำนึกคน ชาวบ้านเห็นกันอยู่แล้วว่า คนไข้ไม่ได้ป่วยหนัก ครึ่งเดือน ก็เดินได้เลย หากป่วยหนัก ออกมาไม่ได้หรอก ต้องนอน แสดงว่าอาการไม่หนักแน่ ที่ป่วยวิกฤตคงไม่ใช่ คืออาจวิกฤตวันแรกก็ได้ แต่ต่อไปคงไม่ใช่ คงไม่นานขนาดนั้น เมื่อดีขึ้นไปแล้ว ก็ต้องกลับไป แต่ก็ไม่ได้กลับ ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าไม่จริงแน่ที่จะป่วยหนักตลอด ซึ่งผมก็เข้าใจพวกหมออะไรต่างๆที่ออกคำสั่งเพราะเขาก็เดือดร้อน เพราะอยู่ใต้ผู้บังคับบัญชา เขาอาจไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำ ก็เลยลำบาก”

ศ.เกียรติคุณ นพ.สมศักดิ์ ย้ำว่า การประชุมแพทยสภาวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เราต้องรักษาเกียรติยศ ชื่อเสียงขององค์กรไว้ เรื่องนี้สำคัญเพราะหากคนขาดศรัทธา หมอจะเสียหายมาก หากมาไม่ครบองค์ประชุม ก็แย่แล้ว แสดงว่าระบบมันแย่ ตอนนี้คนก็อยากรู้ว่าการประชุมจะมีกรรมการคนใดเข้าหรือไม่เข้าบ้าง ผมก็เห็นว่าควรมีการเปิดเผยตรงนี้ เพราะหากเปิดเผยคนก็อาจจะกลัว มีบางคน เสนอให้โหวตลงมติแบบเปิดเผยด้วยซ้ำ ให้ใช้วิธีเรียกชื่อกรรมการแล้วออกเสียงแบบในที่ประชุมสภาฯ จะได้รู้ว่าใครเป็นอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมา เวลาแพทยสภาพิจารณาเรื่องแบบนี้(การลงโทษแพทย์) ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร ก็ใช้วิธียกมือออกเสียง ไม่ได้มีการประชุมลับ แต่คราวนี้ไม่แน่ ไม่รู้ว่าจะมีใครเสนอให้ลงมติแบบลับหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาก็แค่ใช้วิธียกมือ เพราะไม่มีอะไรอยู่เบื้องหลัง มีความเห็นอย่างไรก็ลงมติว่าไปแบบนั้น

“ผมอยากให้พวกหมอเรา ตัดสินด้วยความเป็นธรรม เป็นกลาง ว่าไปตามความถูกต้องเพราะหากหมอเราไม่ทำตามความถูกต้อง ก็จะเสียหายทั้งระบบ ความเชื่อถือในวงการแพทย์ ก็จะเสียไป ซึ่งหากเกิดขึ้นแบบนี้ ก็เป็นเรื่องที่แย่ ก็อยากให้การมีความเห็นก็ตรงไปตรงมา”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชั้น14พ่นพิษ! 'ผบ.ตร.' เซ็นคำสั่งเด้ง 'หมอใหญ่รพ.ตำรวจ' ช่วยราชการ ศปก.ตร.

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)  มีหนังสือคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ

จากวลี 'คุกมีไว้ขังคนจน' ถึง 9 กันยา: เส้นบางๆ ระหว่างกฎหมายกับสังคม

9 กันยา ไม่ได้เป็นเพียงวันนัดอ่านคำสั่งของศาล แต่คือวันที่วลีเก่าแก่ “คุกมีไว้ขังคนจน” ถูกดึงขึ้นมาตั้งคำถามใหม่ เส้นบางๆระหว่างกฎหมายกับสังคม กำลังจะถูกทดสอบต่อ

เดดไลน์ 9 กันยา! คำตอบจาก 'ทักษิณ' บนฉากการเมืองสามก๊ก

9 กันยา ไม่ใช่เพียงวันศาลอ่านคำสั่งคดี แต่คือวันที่ สมการการเมืองไทยทั้งระบบถูกตั้งคำถามใหม่ การตัดสินใจของชายคนหนึ่งจะกำหนดจังหวะการเคลื่อนไหวในปัจจุบัน และทิศทางสมดุลอำนาจในอนาคต ระบบการเมืองไทยไม่เคยหยุดนิ่ง ทุกการเคลื่อนไหวมีผลต่อสมดุล และทุกอนาคตล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจครั้งนี้

เมื่อฝนซา พายุใหญ่ยังตั้งเค้า: คดีทักษิณกับชะตากรรมการเมืองไทย

การรอดพ้นจากคดี 112 ของ ทักษิณ ชินวัตร อาจคล้ายฝนที่ขาดเม็ดลงชั่วขณะ แต่ขอบฟ้ายังเต็มไปด้วยเงามืดของ พายุใหญ่—คดีบังคับโทษในศาลฎีกาฯ ที่รออยู่เบื้องหน้า มิใช่เพียงการตัดสินชะตาชายคนหนึ่ง หากคือการวัดพลังและรอยร้าวของการเมืองไทยทั้งผืน ที่ไม่เคยสมานได้ตลอดกว่าสองทศวรรษ