ACTชวนจับตาเฝ้าระวัง 'อบจ.-เทศบาล' หวั่นลุยทำโครงการทิ้งร้างสร้างไม่เสร็จ อีกช่องทางคอร์รัปชัน

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ชวนประชาชนเฝ้าระวัง 'คอร์รัปชัน' ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วอร์มอัพรับมือกันแต่เนิ่นๆ ทั้งอบจ.และเทศบาลรวมกันกว่า 2,500 แห่งทั่วประเทศซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงบริหารงาน หวังจะเห็นโครงการรัฐทิ้งร้างสร้างไม่เสร็จผลาญเงินภาษีประชาชนลดลง

11มิ.ย.2568- นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า พฤติกรรมโกงกินและไร้รับผิดชอบของผู้มีอำนาจ ทำให้เกิดอาคารราชการทิ้งร้างสร้างไม่เสร็จจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นของหน่วยงานเดิมๆ แม้จะมาจากหลายหน่วยงานแต่กลับมีรูปแบบเหมือนกัน เช่น ศูนย์โอทอป ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ศูนย์การเรียนรู้ ประปาหมู่บ้าน โรงน้ำดื่มประชารัฐ บ้านพักเจ้าหน้าที่ ตลอดจนสนามกีฬาประจำอำเภอต่างๆ ฯลฯ ทุกวันนี้ยังไม่มีใครตอบได้ว่า ทั่วประเทศมีโครงการเน่าๆ อยู่มากน้อยแค่ไหน มูลค่ารวมกันมากแค่ไหน?

อย่างไรก็ตาม เป็นที่ชัดเจนว่า โครงการทิ้งร้างสร้างไม่เสร็จที่กระจายทั่วประเทศจำนวนไม่น้อยเป็นโครงการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. ทำด้วยงบประมาณของตนเอง หรือเงินสนับสนุนจากรัฐบาล เช่น น้ำประปาชุมชน เตาเผาขยะ โรงปั่นไฟฟ้า ฯลฯ โครงการพวกนี้จะคล้ายๆ กับที่ อปท. อื่นในย่านใกล้เคียงทำกัน อาจเพราะต้องการให้มีผลงานไม่น้อยหน้าที่อื่น หรือถูกโน้มน้าว กดดัน จาก “เครือข่าย” ข้าราชการระดับสูง พ่อค้า นักการเมืองและผู้มีอิทธิพล ที่เตรียมแผนการจัดซื้อและจ่ายเงินทอนทุกอย่างมาให้แล้ว

ขณะที่อีกกลุ่มจะมีความซับซ้อนกว่ามาก เป็นโครงการของหน่วยงานจากส่วนที่กลางคิดขึ้นเอง เขียนโครงการ จัดหางบประมาณ หาผู้รับเหมาก่อสร้างให้ โดยอ้างว่าทำไปเพื่อสนับสนุนหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งมีอปท.เป็นเป้าหมายเช่นกัน เช่น โครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง โครงการสนามกีฬา 31 แห่ง เป็นต้น กระจัดกระจายหลายจังหวัด และ มีบ้างที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ เช่น อควาเรียมหอยสังข์ที่สงขลา มูลค่า 1,400 ล้านบาทของกระทรวงศึกษาธิการ

ทั้งนี้ โครงการประเภททิ้งร้างสร้างไม่เสร็จเกิดขึ้นจาก (1) คอร์รัปชันและผลประโยชน์ทับซ้อน พฤติกรรมที่ชั่วร้ายกว่าฮั้วประมูลคือ งานที่ถูกระบุว่าเป็น “งานของผู้ใหญ่” เพราะล็อกตัวผู้รับเหมาได้ หรือนำไปเร่ขายผ่าน “นายหน้า” เพื่อกินส่วนต่าง 3% – 10% ก็ได้ เมื่อมีผู้รับเหมาซื้องานไปด้วยหวังจะได้กำไรงาม แต่หากไม่สามารถลักสเปก ลดเนื้องานได้ตามต้องการ สุดท้ายก็เจ๊งเพราะต้นทุนสูงจากค่านายหน้าที่บวกๆ กันไป ทำให้โครงการนั้นสร้างไม่เสร็จ

(2) ความมักง่าย เพราะหน่วยงานส่วนกลางเจ้าของงบประมาณ/โครงการ ทำไปโดย “ไม่สอบถาม” ความต้องการ หรือ “ไม่ศึกษา” ความเหมาะสมก่อน ส่งผลให้หลายพื้นที่ไม่ยอมรับโอนโครงการ เพราะไม่อยากได้ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ทำเลไม่ดี ห่างไกลชุมชนหรือแหล่งท่องเที่ยวไม่คุ้มค่า หลายพื้นที่รับมอบงานแล้วปล่อยทิ้งเพราะไม่มีงบดูแลรักษา เกิดภาระบริหารจัดการ ดูแลรักษายุ่งยากเกินไป ขณะที่บางแห่ง แม้อยากโอนสิ่งปลูกสร้างแต่ก็โอนไม่ได้ เพราะสภาพงานทรุดโทรม – บกพร่อง ทำให้ผู้รับโอนกลัวต้องลงทุนปรับปรุงอีกมาก

“กลายเป็นว่า คนมีตำแหน่งใหญ่แต่สายตาสั้นคิดสร้างตำนานไว้อวดอ้างว่าตนมีผลงานมากมาย โดยไม่สนใจว่าการหลงอำนาจของตนจะทิ้งความเสียหายไว้ข้างหลังเพียงใด”

(3) ทำผิดตั้งแต่ต้น เช่น ก่อสร้างในพื้นที่ป่าสงวน เช่น กรณีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว หรือกรณีสนามฟุตซอล 37 แห่ง ที่จงใจยัดเยียดของคุณภาพต่ำไปให้โรงเรียนต่างๆ (4) อื่นๆ เช่น หน่วยงานเจ้าของโครงการถูกยุบไป เช่น สิ่งปลูกสร้างเพื่อรองรับสถานการณ์โควิด บางแห่งเมื่อรับโอนมาแล้วก็ใช้งานครั้งเดียว แล้วปล่อยทิ้งร้างไป

“ปัญหาเหล่านี้แม้ตกเป็นข่าวใหญ่ให้สังคมก่นด่ามาต่อเนื่อง แต่รัฐก็จัดการอะไรไม่ได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ไม่มีอำนาจ เมื่อเกิดความเสียหายก็ต้องรอการสอบสวนที่ยาวนาน สตง. แม้รับรู้แต่ก็เสียหายไปแล้ว หลายเรื่องยังก้ำกึ่งที่ ป.ป.ช. จะเข้าไปสอบสวนเอาผิด สุดท้ายมักจบด้วยการที่รัฐต้องหางบไปโปะไม่จบสิ้น” ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าวและว่า

ที่ผ่านมา เรื่องร้องเรียนถึงป.ป.ช.ประมาณร้อยละ 40 เป็นเรื่องเกี่ยวกับ อปท.และมีงานวิจัยระบุว่า คนในอปท.ร้อยละ 21.6 ยืนยันว่า เคยพบเห็นการทุจริตในหน่วยงานของตน โดยในจำนวนนี้ มีเพียงร้อยละ 4 เท่านั้นที่ทำเรื่องร้องเรียน และนี่เป็นเหตุผลที่องค์กรฯ ขอเชิญชวนประชาชนผู้เป็นเจ้าของเสียง ผู้เป็นเจ้าของพื้นที่ มาร่วมกันทำหน้าที่ตรวจสอบและติดตามการทำงานของคณะผู้บริหารอบจ.และเทศบาลกันตั้งแต่ในช่วงเริ่มเข้ามาบริหารงาน

“สรุปคือประเทศของเราไม่ได้ยากจน เห็นได้จากมีแหล่งทุนที่กำเงินไปลงทุนมากมาย แต่สุดท้าย คอร์รัปชัน ได้ผลาญทรัพยากรของชาติ ทำลายความรู้สึกและอนาคตประชาชนไปอย่างไร้ยางอาย”

ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ยังกล่าวอีกว่า มีข้อมูลล่าสุดว่า สำนักตรวจราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันนำโดยนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล ผู้ตรวจราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับ “การดำเนินการตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาสิ่งปลูกสร้างของส่วนราชการที่ใช้งบประมาณแผ่นดิน” โดยใช้กลไกการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจการการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน (Government Innovation Lab) และกลไกของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.) ในการแก้ปัญหานี้ นับเป็นแสงสว่างให้ประชาชนได้เห็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือและมั่นใจว่าการแก้ไขปัญหาจริงจังกำลังเริ่มต้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ดีเอสไอ' จ่อสรุปคดีฮั้วตึกถล่ม ส่ง ป.ป.ช. ฟันกราวรูด 4 บิ๊ก สตง.-จนท.รัฐ รวม 70 คน

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 58/2568 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยความคืบหน้าคดีฮั้วประมูลสัญญาก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารสำนวนเพื่อส่งให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ พิจารณาภายในวันศุกร์ที่ 13 มิ.ย.นี้ ก่อนส่งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.

สภาสูงเปิดฉาก ถกญัตติชะลอตั้งองค์กรอิสระ 'เทวฤทธิ์' ผวาผลประโยชน์ทับซ้อน

เปิดฉากประชุมวุฒิสภา 'เทวฤทธิ์' แจงเหตุผลชงญัตติชะลอตั้งองค์กรอิสระ ย้ำมี สว. 13 คน เคยลาออก กมธ. สอบประวัติ ป.ป.ช. หลังร้องสอบดีเอสไอ ควรเดินตามหลักการนี้ ป้องปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน

ACT จี้รัฐบาลเอาจริงครบ 50 วันตึก สตง.ถล่มหวั่นคดีสาวไม่ถึงตัวผู้บงการ!

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จี้รัฐบาลเร่งเปิดเผยข้อมูลการสอบสวน เปิดโปงผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลัง และเร่งดำเนินคดีคนผิด แม้จะมีการจับผู้ต้องหา 17 ราย แต่หวั่นกระบวนการทำคดีจะสาวไม่ถึงตัวผู้บงการ

'ดีเอสไอ' ยันสรุปสำนวนคดี 'นอมินี-ฮั้วประมูล-มาตรฐานอุตฯ' สร้างตึกสตง. สิ้น พ.ค.นี้

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เป็นประธานในที่ประชุม เปิดเผยก่อนการประชุมว่า สำหรับการประชุมวันนี้ คือ การประชุมครั้งที่ 6/2568 ตั้งแต่เรามีการรับคดีมา ก็จะเป็นเรื่องของการติดตามความคืบหน้าประเด็นที่ได้มีการสอบสวน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนอมินี