'ดีเอสไอ' จ่อขนสำนวนคดีฮั้วประมูลร้างตึกสตง. ส่ง 'ป.ป.ช.' หลังพบ '4 บิ๊ก สตง.' มีเอี่ยว

'ดีเอสไอ' เตรียมขน 30 ลังสำนวนคดีฮั้วประมูลสัญญาก่อสร้างตึก สตง. ส่ง 'ป.ป.ช.' ไต่สวนอาทิตย์หน้า หลังพบ '4 บิ๊ก สตง.' โยงฮั้ว ขณะที่สำนวนคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ดีเอสไอคุมตัว 'บินลิง วู' นายทุนจีนคนสำคัญ ผู้ต้องหารายสุดท้าย ส่งฟ้องอัยการคดีพิเศษแล้ว ส่วนประเด็น 'ปูนเหล็ก' ไม่ได้มาตรฐาน อยู่ระหว่าง สมอ. ตรวจพิสูจน์ผล เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อดีเอสไอ

13 มิ.ย.2568 - เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีคดีพิเศษที่ 32/2568 ในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 กรณี บริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าเป็นกิจการร่วมค้า ITD-CREC คู่สัญญาก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ซึ่งมีการสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการคดีพิเศษ พร้อมความเห็นส่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา ประกอบด้วย นายมานัส ศรีอนันท์ นายประจวบ ศิริเขตร นายโสภณ มีชัย (กรรมการชาวไทย) และอีก 2 นายทุนสัญชาติจีน คือ นายชวนหลิง จาง และนายบินลิง วู ว่า วานนี้ (12 มิ.ย.) ดีเอสไอได้มีการนำตัวผู้ต้องหารายสุดท้าย คือ นายบินลิง วู ส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาเรียบร้อยแล้ว ส่วนขั้นตอนการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา จะเป็นอำนาจการพิจารณาของพนักงานอัยการ ว่ากำหนดให้ผู้ต้องหาส่งคำชี้แจงภายในกรอบระยะเวลากี่วัน ส่วนรายละเอียดภายในสำนวนเชิงลึก ไม่ขอเปิดเผย เนื่องจากดีเอสไอได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการไปแล้ว แต่มีบางส่วนที่ทางผู้ต้องหาได้ให้การเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของบุคคล

ส่วนสาเหตุที่นายบินลิง วู ถูกจับกุม แต่ไม่ได้ปรากฏชื่อในโครงสร้างกรรมการผู้บริหารของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด นั้น ก็เพราะว่าจากการสืบสวนสอบสวนพบว่า 3 กรรมการคนไทยดังกล่าว ได้ไปมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการอีกหลายบริษัท ประมาณ 10 แห่ง ที่ก็มีรายชื่อของนายบินลิง วู เป็นกรรมการร่วมด้วย ดีเอสไอจึงมีพยานหลักฐานถึงความเชื่อมโยงดังกล่าว รวมทั้งนายบินลิง วู ก็ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี นอกจากนี้ บริษัทอื่น ๆ ที่ปรากฏรายชื่อ 3 กรรมการคนไทยไปเป็นผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการนั้น ดีเอสไอจะขยายผลต่อไป

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวอีกว่า ส่วนสำนวนคดีฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. ซึ่งดีเอสไอได้ดำเนินการตรวจสอบสัญญา 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญาการออกแบบ สัญญาการก่อสร้าง สัญญาการควบคุมงาน ซึ่งขณะนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างเร่งรวบรวมเอกสารและตรวจพยานหลักฐานจำนวนมาก เบื้องต้นมีเอกสารเกี่ยวข้องทั้งหมด 30 ลัง เฉลี่ยลังละ 5 แฟ้ม ซึ่ง 1 แฟ้มมีเอกสารประมาณ 400-500 แผ่น ซึ่งสำนวนคดีดังกล่าวนี้จะถูกส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงภายในสัปดาห์หน้า ส่วนจะมีข้าราชการระดับสูงของผู้บริหาร สตง. เกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ย้ำว่า เป็นไปตามรายชื่อที่มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษกับทางดีเอสไอให้ตรวจสอบ ซึ่งมีทั้งรายชื่อของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ด้วย ส่วนจะเป็นบุคคลใดบ้าง ตามที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องประมาณ 70 รายนั้น ยังไม่ขอเปิดเผยเช่นนั้นเพราะอำนาจการไต่สวนเป็นของ ป.ป.ช.

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ดีเอสไอตรวจสอบพบว่าถุงปูนที่ใช้ผสมซีเมนต์ในการก่อสร้างตึก สตง ไม่มีตราสัญลักษณ์ มอก. ซึ่งเป็นไปตามการกำหนดใน TOR นั้น เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบแพลนท์ปูน จึงพบข้อมูลดังกล่าว ขณะนี้ทางกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้มีการประสานกับทางสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงอยู่ระหว่างรอรายงานผลการตรวจสอบพิสูจน์จากทั้งสองหน่วยงาน ซึ่งใจความสำคัญของการกำหนดมาตรฐานของวัสดุที่ใช้สำหรับการก่อสร้าง จะมีการกำหนดคุณสมบัติใน TOR ทั้งหมด จึงต้องรอผลตรวจพิสูจน์ก่อนว่าปูนและเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้าง เป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งก็ต้องรอให้ทาง สมอ. รายงานเรื่องมายังดีเอสไอ และหากพบความผิดปกติหรือความผิดเข้าข้อกฎหมายใด สมอ. จะเป็นผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษขอให้ดีเอสไอดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวด้วยว่า สำหรับการตรวจสอบตึกสตง. มีอยู่ด้วยกัน 4 ส่วน คือ 1.การรื้อถอนจะเป็นการดำเนินการของ กทม. 2.กรณีการบาดเจ็บเสียชีวิต สน.บางซื่อ เป็นผู้ดำเนินคดี 3.กรณีของการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวและการฮั้วประมูลให้ได้มาซึ่งสัญญาที่ไม่เป็นธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้ดำเนินการ และ 4.ผลการตรวจพิสูจน์ทางวิศวกรรม เพื่อหาสาเหตุการถล่มของตึก สตง. ซึ่งการตรวจเก็บวัสดุการก่อสร้างก็จะนำไปสู่ในเรื่องนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า รายชื่อของผู้บริหารระดับสูงของ สตง. ในคดีฮั้วประมูลสัญญาตึก สตง. ที่ดีเอสไอจะต้องส่งสำนวนให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม (ป.ป.ช.) ในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริง ประกอบด้วย 1.พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) 2.พ.ต.อ.วัลลิพผล รังคสิริ เลขานุการของ พล.อ.ชนะทัพพ 3.นายประจักษ์ บุญยัง อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) 4.นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่า สตง. คนปัจจุบัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โฆษกดีเอสไอฟุ้งคดีฮั้วเดินหน้าเต็มสูบแม้ 'ทวี' หยุดปฏิบัติหน้าที่

'โฆษกดีเอสไอ' ยันคดีฟอกเงิน-อั้งยี่ ฮั้วเลือก สว.67 เดินหน้าตามกฎหมายเต็มสูบ ชี้ไร้ผลกระทบ 'ทวี' ถูกศาลสั่งหยุดคุม ไม่กังวลหาก สว. ดำเนินคดีกลับ

กมธ.ปราบโกง เรียกร้อง 'ผู้ว่าสตง.' ลาออกจากตำแหน่ง รับผิดชอบตึกสตง.ถล่ม

นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎรแถลงภายหลังเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)แห่งใหม่ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว

ดีเอสไอจ่อเปิดเอกสาร 121 ลังหาปมตึก สตง.ถล่ม

'ดีเอสไอ' เชิญ 'โยธาธิการฯ' พร้อมผู้แทนกิจการร่วมค้าทั้งหมดภายใต้สัญญาโครงการตึก สตง. และผู้แทน สตง. หารือเตรียมเปิดเอกสาร 121 ลัง หลังอายัด 26 ตู้คอนเทนเนอร์ในไซต์งานชั่วคราว

กมธ.ปปช.ย้ำให้ผู้ว่าฯ สตง.พูดความจริงเพื่อให้สังคมรับทราบ

'ปธ.กมธ.ป.ป.ช.' ยันไม่มีใครสามารถปรักปรำ-ทำร้าย ให้ 'ผู้ว่า สตง.' ได้พูดความจริง มองในฐานะผู้ตรวจสอบคนอื่น ก็ต้องย้อนถามตัวเองว่า มีจุดบกพร่องตรงไหน ชี้ 'กมธ.' หลายคนเตรียมข้อมูลเพิ่มรุมซัก