ประชาคมแพทย์ยังติดใจ! มาตรฐานการส่งต่อคนไข้ป่วยทิพย์

26 มิ.ย.2568 – แอดมินเพจประชาคมแพทย์ ได้โพสต์กราฟฟิกพร้อมเนื้อหาในหัวข้อ “อนุกรรมการสอบสวน...ได้ใช้ "ประกาศแพทยสภา 54/2563 (Telemedicine)" ในการสอบสวน หรือไม่?” ระบุว่า คนไข้ แน่นหน้าอกความดันสูง ออกซิเจนในเลือดต่ำ จะยังปลอดภัยอยู่หรือ ถ้ามาตรฐานการดูแลโดยแพทย์ ที่อยู่ใกล้ๆ รับโทรศัพท์แล้ว ให้ส่งคนไข้ต่อ ไปวินิจฉัยและ รักษา ที่โรงพยาบาล อยู่ไกลไปอีก 20 กิโลเมตร ?

(คำถามสำคัญ...ที่สังคมรอฟังคำตอบ) การไต่สวนในศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง ในเดือนกรกฎาคม 2568 ทั้ง 3 วัน ศาลให้ความสำคัญกับกระบวนการของกรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นอย่างมาก แต่...สิ่งที่น่าแปลกใจคือ ในฝั่งของ แพทยสภา กลับให้ความสนใจหลักๆ โดยเฉพาะการลงโทษแพทย์ ไปที่ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ

จนดูเหมือนว่า...อาจจะมองข้ามจุดเปราะบางที่สุดในระบบทั้งหมด นั่นก็คือ.. จุดเริ่มต้นของระบบส่งต่อ ซึ่ง...
นั่นก็คือ...ระบบกำกับดูแลของโรงพยาบาลราชทัณฑ์เอง

ลองคิดกันง่ายๆ...ในคืนเกิดเหตุ แพทย์เวรโรงพยาบาลราชทัณฑ์ รับปรึกษาจากพยาบาลเวร จากเรือนจำ ผ่านโทรศัพท์ (Telemedicine) อาการปลายสายที่รายงานคือ แน่นหน้าอก ความดันสูงต่อเนื่อง ออกซิเจนต่ำ
ระยะทางระหว่างแพทย์เวรกับผู้ป่วย...ไม่ถึง 500 เมตร แต่สุดท้าย กลับเลือกให้พยาบาลเรียกรถพยาบาล ส่งผู้ป่วยไป โรงพยาบาลตำรวจที่อยู่ไกลถึง 21 กิโลเมตร

คำถามคือ...นี่คือมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินจริงหรือ?

เราไม่ทราบเลยว่า ในสำนวนสอบสวน...มีการตั้งคำถามสำคัญเหล่านี้หรือไม่ ทำไมแพทย์เวรไม่เรียกผู้ป่วยมาตรวจเองก่อน? ทำไมไม่ประเมินอาการซ้ำที่ต้นทาง โดยแพทย์ เวร? ทำไมไม่คำนึงถึงโรคฉุกเฉินที่อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตเฉียบพลัน ซึ่งสามารถวินิจฉัยเบื้องต้น โดยแพทย์เวรตรวจร่างกาย ตรวจคลื่นหัวใจ หรือเอ็กซเรย์ ที่มีที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์แน่นอน เช่น 1. Tension Pneumothorax ซึ่งแพทย์ช่วยชีวิตได้ทันที ด้วยเข็ม เล็กๆ อันเดียว 2. Ruptured Aortic Aneurysm เป็นภาวะ ที่ต้องรีบวินิจฉัย และ 3. Acute Coronary Syndrome เป็นภาวะที่ต้องรีบวินิจฉัย เป็นต้น

สิ่งที่น่าห่วง คือ...กระบวนการสอบสวนของอนุกรรมการ กลับ "การันตี" ให้ ยกคำร้องต่อผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของแพทย์เวรในวันเกิดเหตุ

ยิ่งปิด...ยิ่งอยากเปิด! ยิ่งปิด...ยิ่งกลายเป็นคำถามใหญ่ในหมู่แพทย์ทั้งประเทศว่า..."นี่หรือ...คือมาตรฐานจริยธรรมของแพทย์ไทย?" เพราะถ้าแพทย์ทั่วประเทศ รับได้กับมาตรฐานแบบนี้... นั่นแปลว่า...

ต่อไป ถ้าแพทย์เวรที่ไหนเจอคนไข้แน่นหน้าอก + ออกซิเจนต่ำ + ความดันสูง...ก็สามารถ "แค่รับโทรศัพท์" แล้วสั่งให้ส่งต่อไปที่อื่นเลย โดยไม่ต้องเจอคนไข้ก่อน แค่ให้เหตุผลว่า..."ปลายทางมีเครื่องมือดีกว่า"

สิ่งที่เราต้องถามตรงๆ กับอนุกรรมการสอบสวนชุดนี้คือ...ท่านได้ใช้ "ประกาศแพทยสภา 54/2563 ว่าด้วย Telemedicine" เป็นเกณฑ์ในการสอบสวนหรือไม่? ท่านได้ทบทวน มาตรฐานแพทยสภา ปี 2555 ที่ระบุชัดใน ประกาศแพทยสภา 54/2563 ข้อ 4 และข้อ 5 เรื่อง หน้าที่ความรับผิดชอบของแพทย์ที่รับคำปรึกษาทางไกล หรือไม่? ท่านได้พิจารณาความเสี่ยงเชิงระบบ และบทบาทของผู้บังคับบัญชาในการกำกับดูแลแพทย์เวรหรือไม่? ถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้านคือ ไม่ได้สอบสวนลูกน้อง แล้วก็ยัง การันตี ว่าหัวหน้า ไม่ได้ผิดอะไร

ประชาคมแพทย์...จะไม่เงียบเรื่องนี้ เพราะนี่ไม่ใช่แค่คดีใครคนใดคนหนึ่ง แต่นี่คือ "มาตรฐานความปลอดภัยของคนไข้ทั่วประเทศ"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘นกแอร์‘ยื่นหนังสือแจง กพท.ทุกประเด็นหลังสั่งห้ามบินต่างประเทศ

กพท.แจงปมส่งหนังสือเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยถึงสายการบินเพื่อให้ปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรฐาน ด้าน นกแอร์ ’ยันส่งเอกสารชี้แจงถึง กพท.ทุกประเด็น ย้ำให้บริการตามปกติ ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด

กสม. ชี้ ตร.-ราชทัณฑ์ เลือกปฏิบัติดูแล 'อดีตผู้บริหารบริษัทใหญ่' จี้ดำเนินการตามกม.

กสม. ชี้กรณี'อดีตผู้บริหารบริษัทใหญ่' ได้รับการรักษาพยาบาลและการปฏิบัติที่ดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่น เป็นการเลือกปฏิบัติ แนะ ตร. – ราชทัณฑ์ สอบข้อเท็จจริงดำเนินการตามกฎหมาย

'อดีตผู้พิพากษา' ฟันธง คำเบิกความ 'วิษณุ' พยานคดีชั้น14 ไม่เปลี่ยนแปลงความจริงป่วยทิพย์

นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง คดีป่วยทิพย์ชั้น 14 ไต่สวนนัดที่ 7 นัดสุดท้าย มีเนื้อหาดังนี้

'อดีตผู้พิพากษาอาวุโส' ตั้งคำถาม 7 ข้อ คดีป่วยทิพย์ชั้น 14 นัดที่สองของศาลฎีกา

นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฏีกา โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง คดีป่วยทิพย์ชั้น 14 นัดที่สองของศาลฎีกา มีเนื้อหาดังนี้