กูรู ยก 4 เหตุผล ชี้นายกแพทองธารจะไม่ลาออกในเดือนกรกฎาคมนี้

13 ก.ค. 2568 – นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า

นายกแพทองธารจะไม่ลาออกในเดือนกรกฎาคมนี้

ขณะนี้ได้มีคนกลุ่มหนึ่งอ้างตนเป็นนักวิชาการออกมาเคลื่อนไหวกดดันสร้างกระแสอย่างกว้างขวางว่า นายกแพทองธารจะต้องลาออกภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และจะทำให้ประเทศไทยไปสู่ทางตัน จะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีกันใหม่โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชามีโอกาสจะกลับมาเป็นนายก

การเคลื่อนไหวของผู้คนขบวนการนี้มีวัตถุประสงค์ชัดเจนคือ ต้องการให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะปั่นป่วนเสียหายหรือจะเกิดวิกฤตอย่างไร

ได้พิเคราะห์ อย่างถี่ถ้วนแล้วเห็นว่านายกแพทองธารจะไม่ลาออกภายในเดือนกรกฎาคมนี้อย่างแน่นอน เหตุผลมีดังต่อไปนี้

1 การลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่วิสัยของพรรคเพื่อไทย

นับตั้งแต่ตั้งพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนมาจนถึงพรรคเพื่อไทย ไม่มีคติหรือความคิด ที่จะยอมลาออกอย่างง่ายๆ เรียกว่าความคิดลาออกจากตำแหน่งนายกนั้นไม่มีอยู่ในสารบบความคิดของพรรคเพื่อไทยโดยเด็ดขาด ใครที่หวังว่าจะลาออกจึงเป็นความหวังลมๆแล้งๆเท่านั้น และเป็นความหวังที่มีลักษณะเพ้อเจ้อ

2 เหตุผลที่คะเนว่าจะต้องลาออก คืออ้างว่า นายกแพทองธารกลัวว่า ถ้าปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปตลอดชีวิต จึงต้องชิงลาออกเสียก่อน เรียกว่ากระโดดหนีออกจากเวทีซึ่งเป็นเรื่องไร้สาระ

เพราะ กรณีนี้เป็นเรื่อง ร้องกล่าวหาเรื่องผิดจริยธรรม ถึงแม้ลาออกศาลรัฐธรรมนูญก็ยังพิจารณาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งต่อไปได้ การลาออกจึงไม่มีความหมายดังที่มาหลอกกันแต่ประการใด อย่ามาหลอกชาวบ้านให้โง่ต่อไปอีกเลย

3 ไม่มีเหตุอะไรที่นายกแพทองธารจะต้องกลัวว่าจะถูกศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนออกจากตำแหน่ง

คนเหล่านี้ไม่รู้หรือว่า ขณะนี้ กรณีที่เป็นข่าวเรื่องนี้เป็นเพียงข่าวข้างเดียว เป็นเรื่องกล่าวอ้างข้างเดียว ของฝ่ายผู้ร้อง ซึ่งฝ่ายผู้ถูกร้องยังไม่ได้พูด หรือชี้แจงแม้แต่คำเดียว

จะด่วนฟังความข้างเดียวมาตัดสินคดีเองย่อมไม่สมควร

เพราะยังไม่แน่นอนว่า นายกแพทองธารทำอะไรผิดหรือไม่

การสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นขั้นตอนหลังจากศาลรับเรื่อง และมีเหตุอันควรสงสัยซึ่งเป็นหลักการทางกฎหมายที่วิปริต

คือแทนที่จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ตามหลักกฎหมายทั่วไปแต่มาเขียนกฎหมายกลับหัวกลับหางเป็นว่า ในกรณีเป็นที่สงสัยจากการฟังหรืออ่านคำร้องข้างเดียวก็ให้กระทืบจำเลยล่วงหน้าไปก่อน

ดังนั้นการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจึงไม่ได้หมายความว่านายกแพทองธารได้ทำอะไรผิด

4. ความผิดฐานละเมิดจริยธรรมนั้นจะต้องมีการ”กระทำ” ถ้าแค่คิดหรือพูด ก็ไม่มีความผิดใดๆ ซึ่งเป็นไปตามหลักทั่วไป คือการกระทำความผิดจะต้องเป็นการ”กระทำ”

ถ้าเพียงแค่คิดในใจหรือเพียงแค่การพูดไม่เป็นการกระทำความผิดเว้นแต่การพูดนั้นอยู่ในขอบเขตที่กฎหมายบัญญัติว่าผิดเช่นการพูดหมิ่นประมาทผู้อื่นหรือการพูดข่มขู่ผู้อื่น ซึ่งมีบทกฎหมายเฉพาะถือว่าเป็นการกระทำความผิด เป็นต้น

นอกจากนี้แล้วจะเป็นความผิดก็ต้องมีการ”กระทำ”เท่านั้น

และเรื่องนี้นายกแพทองธารยังไม่ได้”กระทำ”อะไรเลย แค่พูดในคลิปเท่านั้นและความหมายในการพูดนั้นเป็นอย่างไร ก็ต้องฟังนายกแพทองธาร เธอชี้แจงก่อนว่า มีความหมายในการพูดอย่างไร เพื่ออะไร และเป็นผลอย่างไร

ซึ่งต้องฟังความทั้งสองข้าง และถ้าฟังทั้งสองข้างแล้ว ก็ต้องค่อยชั่งน้ำหนักกันดูว่า ทำผิดจริยธรรมหรือไม่

ดังนั้นในชั้นนี้ จึงไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวแต่ประการใด

แต่ที่น่าแปลกใจคือว่าทำไม รัฐบาลจึงยังไม่ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ยังไม่ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่ง ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่จะทำได้ตามกฎหมาย

แล้วทำไมไม่ทำ ฮึ !!!

มันน่าหยิกแก้มไหมล่ะครับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'กัณวีร์' โร่แจงโดนปลดพ้นเลขาฯพรรคเป็นธรรม

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตามที่พรรคเป็นธรรมได้ออกแถลงการณ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งภายในพรรค และมีมติปลดผมออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค ผมขอเรียนชี้แจงต่อสาธารณชนและพี่น้องประชาชนดังต่อไปนี้