พุทธะอิสระ ตอบแล้ว! หลังหนุ่มนิรนาม ยิงคำถามแรง มึงมีปัญหาอะไรนักหนากับ 'ทิดสมปอง'

10 ก.พ.2565 - นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ "พุทธะอิสระ" อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ดังนี้

ถามมา ตอบไป

พุทธะอิสระ ไอ้แก่หัวล้าน หนังเหนียว กูอยากถามมึงจริงๆ ว่ามึงมีปัญหาอะไร กับทิดสมปองเขานักหนา เห็นมึงจ้องเอาแต่ที่จะแซะเขาตลอด พอมีประเด็นแซะ มึงก็ไม่รอช้าทำอย่างกับว่า มึงดีกว่าเขาหนักหนา

ตอบ

คุณนิรนาม ผู้ไม่รู้จักแก่หรือไม่ก็คงจะอยู่ไม่ถึงแก่จนหนังเหี่ยวแบบฉัน
สำหรับฉันแล้ว การได้อยู่จนแก่ ผมร่วง หัวล้าน หนังเหี่ยวได้เพียงนี้ถือว่าเป็นผู้มีบุญ เพราะหลายคนที่เกิดมาอยู่ไม่ทันจะแก่ ก็ตายเสียก่อนก็มี

คุณก็ต้องประคับประคองตัวเองให้มีชีวิตยืนยาวอยู่ให้ได้จนแก่เฒ่าแบบฉันก็แล้วกัน อย่าเพิ่งรีบตายเสียก่อนหละ

ส่วนที่ถามมาว่า ฉันมีปัญหาอะไรกับทิดสมปองเขาหนักหนา จึงได้จ้องที่จะแซะเขาตลอด

ตอบในประเด็นนี้ว่า

มันเป็นธรรมดาของคนเด่นคนดัง สังคมย่อมคาดหวังว่า จะเป็นต้นแบบที่ดีของสังคม โดยเฉพาะสังคมคนพุทธ เพราะเลือดทุกหยด หนังทุกผืน เนื้อทุกกอง กระดูกทุกท่อนของทิดสมปอง ล้วนได้มาจากก้อนข้าวและหยดน้ำ ของผู้คนในสังคมที่เขานับถือพระพุทธศาสนา

เขาเลี้ยงทิดสมปองคนดีที่หนึ่งของพวกคุณมา 30 กว่าปีทีเดียวนะคุณ

จากเด็กบ้านนอกที่ไม่มีอะไรติดตัวมา มีแต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ พอเข้ามาอาศัยใบบุญของพระพุทธศาสนา นุ่งห่มผ้าเหลือง พุทธบริษัทก็ช่วยกันอุปถัมภ์ค้ำชูจนได้ร่ำเรียนเป็นมหาเปรียญ จบปริญญาเอก ๒ ใบ

ทั้งยังมีทรัพย์สิน เงินทอง มากมาย ก่ายกอง จนถึงขั้นคหบดีของท้องถิ่นบ้านเกิด

ตลอดระยะเวลา 30 กว่าปี ทิดสมปองก็พยายามสร้างภาพที่ดีให้ชาวบ้านเขาเชื่อถือ เพื่อแลกข้าวแลกน้ำ แลกชื่อเสียง เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทอง

แต่พอทิดมีที่ มีรถ มีบ้าน แล้วยังมีหน้ามาโกหกสังคมว่าตนเป็นหนี้ เป็นสินเป็นสิบๆ ล้าน เพราะบริจาคช่วยสร้างสิ่งต่างๆ ให้โรงเรียน

พอความจริงปรากฏว่าทิดนำเงินไปซื้อทรัพย์สินให้แก่ตนเองและญาติ

และเมื่อลาสิกขาออกมาแทนที่จะทำตนเป็นต้นแบบให้กับสังคม ตอบแทนคุณผ้าเหลืองของพุทธศาสนา คุณข้าว คุณน้ำของชาวบ้านเหมือนดังพฤติกรรมที่ตระเวนไปเทศน์สั่งสอนชาวบ้านตอนบวช

แต่กลับทำตัวตรงกันข้าม เรียกว่า กีฬา พาชี นารี เหล้ายา ครบเครื่อง แม้ศีลห้าที่รับมาตอนสึกยังรักษาไม่ได้ พฤติกรรมแบบนี้มันแสดงให้เห็นว่า ไอ้ที่ตระเวนไปเทศน์สอนชาวบ้าน เป็นแค่ละครฉากหน้า ทำไปเพราะต้องการเงินและชื่อเสียงเท่านั้น

รวมความว่า เรื่องที่สอนๆ ชาวบ้านเขาไปทิดสมปองของคุณทำไม่ได้ซักข้อ แม้แต่ศีล เช่นนี้แล้วจึงอยากถามคุณกลับไปว่า

สิ่งที่ทิดคนดีที่หนึ่งของคุณทำมาตลอด พระพุทธศาสนาได้อะไรบ้าง

ทำไมคนดีที่หนึ่งของคุณถึงได้โหดร้ายนัก ไม่คิดถึงคุณข้าวแดงแกงร้อนของชาวบ้านที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กยันโตเลยหรือ

หรือนี่คือสันดานเดิมของทิดสมปอง ก็คงจะใช่ซินะ เพราะขนาดเจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ที่ช่วยเหลือให้ข้าว ให้น้ำ ให้เสื้อผ้า ให้ที่ซุกหัวนอน ให้เงิน ให้งาน ทิดแกยังตอบแทนเจ๊แกเสียเจ็บปวดทีเดียว

พฤติกรรมจอมลวงโลกเช่นนี้แหละ สังคมเขาถึงได้ตั้งคำถาม สงสัยว่า พระพุทธศาสนาปล่อยให้คนไม่มีสามัญสำนึกแยกแยะดี ชั่ว ถูก ผิด แบบนี้เข้ามาอยู่ถึง 30 กว่าปีได้ไง

คงต้องไปไล่เช็คบิลเอากับผู้ปกครอง แล้วหละ

ส่วนประเด็นที่คุณถามฉันมาว่า “ทำอย่างกับมึงดีนักหนา”

ตอบว่า

ฉันก็ไม่เคยโพทนาว่า ฉันดีนะ

ตอนฉันห่มผ้าเหลืองอยู่ พอใจด่าฉันก็ด่า พอใจสอนฉันก็สอน ขนาดเป็นเจ้าคณะตำบล ฉันยังลาออกเลย เพราะฉันพอใจ

ชั่วชีวิตฉันไม่เคยต้องสร้างภาพ ไม่เคยทำตนเป็นจอมลวงโลก อยู่ในพระศาสนามา 40 กว่าปี ก็ไม่เคยคิดจะหาเงินมาปรนเปรอตนเอง และหมู่ญาติ

ทุกบาททุกสตางค์เป็นของวัดและมูลนิธิทั้งหมด ขนาดแม่ฉันยังต้องมาอาศัยวัดอยู่เลย

และก็ไม่ได้อยู่เปล่าๆ นะ น้ำ ไฟ อาหาร แม่ก็จ่ายเอง เพราะกลัวบาป พุทธะอิสระก็กลัวบาป จึงไม่คิดจะเอาทรัพย์สินของพระศาสนามาเป็นของส่วนตัว

พุทธะอิสระไม่ได้ดีนักดีหนาอะไร

แต่ก็ไม่เคยทรยศต่ออุดมการณ์ของตนเองทั้งก่อนบวชและหลังบวช ในเรื่องรักชาติ ศาสนา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

ชั่วชีวิตเรื่องที่ทำ คือ เรื่องที่พูด เรื่องที่พูด คือเรื่องที่คิด

ทำ พูด คิด เรื่องเดียวกัน ไม่ต้องสร้างภาพและเกลียดการลวงโลก

ไม่เคยมาหลอกใครว่าเป็นหนี้เพราะไปสร้างโรงเรียน ทั้งที่ห้องเรียน อาคาร โรงนอน และอุปกรณ์การศึกษาของหลายโรงเรียน พุทธะอิสระกับลูกหลานก็เคยทำ แต่ก็ไม่เคยล่อลวงใคร ว่าเป็นหนี้ แล้วเอาเงินไปกว้านซื้อที่ มาเป็นของตนเอง

และที่สำคัญพุทธะอิสระไม่เคยทรยศอกตัญญูต่อพระพุทธศาสนา ข้าวแดงแกงร้อน ของชาวบ้านที่เลี้ยงดูมา

ขอบคุณที่คุณถามมาให้ตอบนะจ๊ะ

อยากบอกให้คุณนิรนามได้รับรู้ว่า พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า คนที่กล้าโกหก จะไม่กล้าทำชั่วที่มากกว่านั้นไม่มี

ทนอ่านกันหน่อยนะจ๊ะ เพราะเรื่องนี้มันต้องขยาย

พุทธะอิสระ

.