กมธ.ทหารดาหน้าถล่มปมคำตัดสินคดีน้องเมย

'กมธ.ทหาร' แถลงกรณี 'น้องเมย' ด้าน 'ชยพล' ตั้งคำถาม 'สัดส่วนโทษ-กระบวนการไม่เป็นธรรม' ต่อผู้เสียหาย ลั่นถึงเวลาแล้ว 'กองทัพ' ต้องตระหนัก 'เอกราช' งงระบบการพิจารณาแบบนี้

23 ก.ค. 2568 - คณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายชยพล สท้อนดี สส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการฯ นายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการฯ ร่วมแถลงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี มีคำตัดสินในคดีที่นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย อดีตนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตอย่างปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัย โดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร

โดยนายชยพล กล่าวว่า ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียหาย แม้คดีจะจบลงไปแล้ว แต่กลายเป็นว่า การจบลงของคดีนี้ และคำตัดสินของศาล เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดคำถามในสังคมค่อนข้างมาก ถึงเรื่องมาตรฐานการตัดสินคดีของศาลทหาร รวมถึงการตั้งคำถามต่อการ ธำรงอยู่ของศาลทหารด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากมีอำนาจต่อการดำเนินคดี ที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรของกองทัพ ซึ่งผลลัพธ์นั้น กลายเป็นว่า ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และประชาชนที่เป็นคู่ขัดแย้งของกองทัพโดยตรง ดูจะไม่ได้รับความยุติธรรมหรือไม่

"ถึงเวลาแล้ว ที่กองทัพต้องตระหนักรู้ว่า ตนเองจะต้องมีมาตรฐาน ที่ไม่ใช่เขียนไว้ในกระดาษ และประกาศกันเองก็พอ แต่ต้องบังคับใช้อย่างเข้มงวดเช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่มีการสูญเสีย กองทัพมักจะพูดตลอดว่า ตัวเองมีระเบียบชัดเจนว่า ห้ามกระทำการที่ละเมิด หรือเกินขอบเขตอำนาจต่างๆ แต่สุดท้ายเหตุการณ์แบบนี้ก็ยังคงเกิดขึ้น แล้วกองทัพจะพูดเอาตัวรอดไปเรื่อยๆ หรือ กองทัพไม่เคยบังคับใช้มาตรฐานนั้น อย่างเท่าเทียมกัน มีเพียงการขอใจ การวัดใจ แล้วก็ทำกันไปเรื่อยๆ ซึ่งจบลงด้วยการสูญเสีย ละเมื่อเกิดความสูญเสียแล้ว กองทัพแทนที่จะแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงใจ แต่กลับไปพิจารณาในศาลทหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ของเขาเอง เป็นวัฒนธรรมที่มีการตรวจสอบ โยกย้ายกันเอง สุดท้ายก็ไม่เกิดการเรียนรู้อะไรขึ้นมา ขอตั้งคำถามว่า บุคลากรที่ทำให้เกิดการสูญเสียนี้ คนที่เป็นต้นเรื่อง การได้รับโทษแค่เพียงเท่านั้น หรือการให้เหตุผลว่า การรับใช้ชาติต่อเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์มากกว่า เป็นเรื่องที่เหมาะสมจริงหรือไม่ ครั้งนี้เราได้เห็นตัวอย่างแล้วว่า คุณไม่มีวิจารณญาณมากพอที่จะใช้อำนาจ กองทัพไม่ได้ตระหนักรู้เรื่องนี้เลย จึงยอมปล่อยให้บุคคลผู้นี้ รับใช้ราชการต่อได้ จบจากโรงเรียนนายร้อย ถือวุฒิ ถืออำนาจ ของเจ้าหน้าที่รัฐ เรื่องที่เกิดขึ้นภายในกองทัพ ผมขอฝากไปยังผู้บังคับบัญชาภายในกองทัพว่า คุณต้องตระหนักรู้ได้แล้ว และถึงเวลาที่คุณจะต้องปรับปรุงระบบภายใน" นายชยพล กล่าว

ด้านนายเอกราช กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องที่ถูกตั้งคำถามคือโทษไม่ได้สัดส่วน และกระบวนการยุติธรรมที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ได้ต่อสู้ในกระบวนการพิจารณาของศาลทหาร ซึ่งทั้งหมดนี้ เกิดจากพระธรรมนูญศาลทหาร ที่มีปัญหาหลัก คือไม่เปิดให้สิทธิ์ผู้เสียหายที่เป็นราษฎร สามารถฟ้องทหารได้ ต้องไปฟ้องผ่านอัยการทหาร ซึ่งก็มีผู้คัดกรอง แม้กระทั่งจะเป็นโจทย์ร่วมยังไม่ได้ โดย พรรคประชาชน และคณะกรรมาธิการการทหารฯ มีร่างพระราชบัญญัติที่ยื่นต่อสภาชุดนี้ไปแล้ว เพื่อแก้ไขเปิดสิทธิ์ให้ผู้เสียหายสามารถเข้าเป็นโจทก์ในคดีของศาลทหารได้

นายเอกราช ย้ำว่า ระบบที่เป็นอยู่นี้ อยู่ภายใต้อำนาจฝ่ายบริหาร หรือรัฐมนตรีว่าการระทรวงกลาโหม รวมถึงตุลาการที่พิจาณาคดี อัยการที่ทำหน้าที่ฟ้อง ก็อยู่เป็นพรรคเป็นพวกเดียวกัน ตนจึงตั้งคำถามว่า ระบบการพิจารณาแบบนี้หรือที่สังคมต้องการ และสังคมทหารอยากให้ธำรงอยู่ เราอยากให้ศาลทหารเป็นอิสระจากอำนาจฝ่ายบริหาร และมีกลไกในการตรวจสอบถ่วงดุลให้ได้สิทธิเท่าเทียมเหมือนศาลพลเรือน

นายเอกราช เปิดเผยว่า มีการตั้งคำถามว่า ขณะนี้มีความพยายามของกรมพระรัฐธรรมนูญ ในการดึงอำนาจพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งบัญญัติว่า ต่อไปนี้หากมีการซ่อม หรือการธำรงวินัย จนเสียชีวิตในค่ายทหาร ในลักษณะเช่นนี้ จะเข้าข่ายการซ้อมทรมาน ซึ่งต้องไปขึ้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพราะที่ผ่านมา มีแต่ปลาซิวปลาสร้อย ไม่เคยไปถึงผู้บังคับบัญชาระดับใหญ่เลย แม้กฎหมายจะเขียนไว้ว่า ให้ลากไปถึงก็ตาม เราต้องทำให้สามารสามารถเกิดการป้องปรามได้ ในส่วนการลงโทษทางอาญา ตนยืนยันว่า ไม่ใช่การแก้แค้น แต่ต้องให้ได้สัดส่วนโทษ

"รุ่นน้องเตรียมทหาร รุ่นพี่ที่เป็นทหาร อีกหน่อยก็คงคิดว่า ไม่เป็นไร เพราะหากเกิดขึ้นในศาลพลเรือน ก็โดนโทษหนัก แต่ถ้าอยู่ในศาลทหาร ก็ไม่เป็นไร เป็นวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล เราต้องช่วยกันผลักดันร่างพระราชบัญญัติแก้ไขนี้ และส่งเสียงไปถึงฝ่ายบริหาร เนื่องจากมีร่างบรรจุไว้แล้วด้วย รวมถึงมีร่างของคณะรัฐมนตรีด้วย ขอให้รีบยื่นเข้ามา รีบแก้ไข เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั้งศาลทหาร และศาลพลเรือน"

นายเอกราช ยังขอส่งเสียงไปยังกองทัพ ที่มีความพยายามจะดึงคดีจากศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลับไปสู่อ้อมมือในอำนาจของศาลทหาร เช่นเดิม ซึ่งสะท้อนจากคำวินิจฉัยถึงการโต้แย้งเขตอำนาจศาล ใน จ.เชียงใหม่ ด้วยการอ้างว่า พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ขัดรัฐธรรมนูญ จึงควรให้อยู่ในเขตอำนาจของศาลทหาร และกรมพระธรรมนูญเอง ก็ทำความเห็นไปในทำนองเดียวกัน เป็นเรื่องที่ตนผิดหวังมาก และสังคมตั้งคำถามว่า "สุดท้ายเราจะปฏิรูปกองทัพได้อย่างไร หากคนภายใน ยังช่วยเหลือกันเอง"

นอกจากนั้น เรายังได้มีการยื่นยกเลิกศาลทหารออกจากรัฐธรรมนูญด้วย จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันผลักดัน หากเห็นว่าเป็นปัญหา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ตลอดจน พ.ร.บ.เรื่องคดีทุจริต ที่พรรคประชาชนยื่นไว้แล้ว แต่ถูกปัดตกในวาระ 3 โดยขณะนี้ มีการยื่นร่างเข้าไปใหม่ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา จึงฝากส่งเสียงไปยังรัฐบาลว่า อยากให้ฝ่ายรัฐบาลสนับสนุนร่างแก้ไขทั้งหมดนี้

เมื่อถามถึงร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับศาลทหารของ ครม.ได้เห็นเนื้อหาของร่างหรือยัง มีความสอดคล้องกันหรือไม่ นายเอกราช ระบุว่า มีส่วนที่เห็นด้วยกัน 3 หลักการคือ เปิดสิทธิ์ให้ผู้เสียหาย มีกระบวนการปฏิรูปในชั้นอุทธรณ์ และฎีกา และยกเลิกเขตศาลจังหวัด แต่ฉบับของคณะกรรมาธิการการทหารฯ และฉบับของพรรคประชาชน ได้เปิดไว้ไกลกว่านั้น คือต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบ หรือมีตุลาการที่มาจากศาลฎีกา ศาลปกครอง มาช่วยให้เกิดการถ่วงดุล และทำให้กระบวนการการพิจารณาของศาลทหารโปร่งใสตรวจสอบได้

เมื่อถามว่าทางคณะกรรมการธิการการทหารฯ จะสามารถผลักดันกรณีนี้ ในเรื่องอื่นได้อย่างไร นายเอกราช กล่าวว่า อย่างน้อยเรื่องการชดใช้ค่าเสียหาย โดยไม่ต้องรอให้มีการฟ้องร้องทางแพ่ง แต่ควรมีการแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งท่านต้องดูแลบุคลากรของท่าน เพราะจนตอนนี้ ยังไม่สามารถบรรลุในการทดแทนให้ผู้ปกครองได้ รวมถึงจะมีการผลักดัน และติดตาม เพื่อทวงคืนความยุติธรรม ทั้งในชั้นพนักงานสอบสวน รวมถึงคดีที่เกี่ยวเนื่องกัน อย่างเรื่องอวัยวะที่หายไป เราจะพยายามใช้กลไกสภา ในการตรวจสอบความล่าช้า ของการดำเนินการ

ส่วนจะมีโอกาสเรียกหน่วยงาน และญาติผู้เสียหายมาหรือไม่ นายเอกราช เปิดเผยว่า จะมีการส่งหนังสือ เพื่อขอความร่วมมือไป แต่คงต้องรอการหารือในคณะกรรมการธิการทหารฯ ก่อน

ขณะที่ นายชยพล กล่าวเสริมว่า อย่างหนึ่งที่สามารถทำได้เลย คือการใช้เงินนอกงบประมาณ ประเภทที่ 2 ของกองทัพ ซึ่งควรมีไว้ใช้เพื่อดูแลกำลังพล แต่ที่ผ่านมา เราไม่เคยเห็นกองทัพใช้เงินส่วนนี้เลย "ไหนล่ะ ที่บอกว่าทำธุรกิจกองทัพเพื่อประโยชน์ คายมันออกมาสิครับ"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปชน. ค้านนัดโหวตแก้ รธน. วาระ 3 หลังปีใหม่ หวั่นกระทบไทม์ไลน์ทำประชามติ

"ณัฐวุติ" ย้ำโหวตแก้ รธน. วาระ 3 ต้องเสร็จก่อนปีใหม่ หวั่นกระทบไทม์ไลน์ทำประชามติ เสี่ยงผิด MOA เชื่อไม่มีเงื่อนไขให้ สว. ควํ่าวาระ 3 เผย หลังโหวตเสร็จ ปชน. เตรียมชง 2 คำถามประชามติให้สภาฯ เคาะทันที

'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน

'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.

สส.ปชน. เรียกร้องรัฐบาลเยียวยาน้ำท่วมภาคกลางให้มีมาตรฐานเดียวกับภาคใต้

"เต้ ทวิวงศ์​" จี้รัฐบาลอย่า 2 มาตรฐาน ช่วยน้ำท่วมใต้แล้ว หันมาช่วยน้ำท่วมภาคกลางด้วย บอก "ภราดร" ลองกลับมาถามคนอ่างทอง หากรอการเยียวยาเป็นลำดับถัดไปไหวหรือไม่ เหตุอยุธยาจมน้ำมา 4-5 เดือนแล้ว คนเสียชีวิตไปกว่า 20 ราย ชี้ ชาวบ้านต้องทำมาหากิน ควรมีมาตรการชดเชย-ช่วยเหลือเต็มรูปแบบเหมือนกัน

บก.ลายจุด อวยว่าที่นายกฯ ฝึกงานล้างบ้าน เก็บขยะ มีพัฒนาการที่ดี ลงท้ายแขวะ 'อภิสิทธิ์'

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด โพสต์ภาพนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กำลังล้างบ้านน้ำท่วมที่หาดใหญ่ พร้อมข้อความระบุว่า ใครทนอ่านเรื่องส้มไม่ได้ให้ข้ามไปก่อน

อึ้ง! คลิปผู้ช่วยสส.พท. สร้างจากเอไอ ยืนแช่น้ำท่วมที่หาดใหญ่ เรียกร้อง ปชน.ตรวจสอบรัฐบาล

เพจเฟซบุ๊ก Cofact โคแฟค โพสต์ข้อความ เรื่อง เนื้อหาที่ตรวจสอบ : คลิปผู้ช่วย สส. ยืนแช่น้ำท่วมที่หาดใหญ่เรียกร้องพรรคประชาชนตรวจสอบรัฐบาลอนุทิน ระบุว่า

ตาสว่างกันได้หรือยัง ’รักชนก‘ ประจานเพื่อไทยโหนเสื้อแดงหากินไปวัน ๆ

นางสาวรักชนก ศรีนอก หรือ “ไอซ์” สส.กรุงเทพฯ พรรค ประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ตาสว่างกันได้หรือยัง ว่าใครที่ตั้งใจอยากคืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง ใครแค่