ศบ.ทก. สรุปไทยยึดพื้นที่สำคัญ 11 จุด ยอดอพยพ 1.8 แสนคน

ศบ.ทก. ย้ำไทยยึดมั่นสัญญาหยุดยิง แต่ต้องตอบโต้ตามหลักกม.หลังกัมพูชาละเมิด สรุปสถานการณ์ควบคุม 11 พื้นที่ ยอดอพยพ 1.8แสนคน บาดเจ็บ 53 ราย กต.ชี้ วงเจรจาสองฝ่าย จุดเริ่มต้นกลับโต๊ะทวิภาคี
 
29 กรกฎาคม 2568 - ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า เรื่องแรก การมีการตกลงหยุดยิงเมื่อเวลา 24.00 น. ของวันเดียวกันนี้ โดยฝ่ายไทยยืนยันว่า ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยมีการหยุดยิงในทุกพื้นที่ พอถึงกำหนดเวลาเราก็ได้หยุดยิงตามกำหนดข้อตกลงที่ให้ไว้ โดยยึดมั่นตามคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่ผ่านมาจากที่เลยกำหนดเวลาหยุดยิงไปแล้ว พิสูจน์ทราบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธ ยิงเข้ามาในเขตแดนประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ไม่จริงใจ ละเมิดข้อตกลง และเป็นการทำลายความเชื่อมั่นที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน
 
“การกระทำของฝ่ายกัมพูชาดังกล่าว ทำให้ฝ่ายไทยมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเอง ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่ใช้เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน” พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าว
 
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้ปรากฏทราบว่า ทางฝ่ายกัมพูชาได้ใช้โบราณสถานเป็นโล่กำบัง ซึ่งเป็นการละเมิดพันธกรณีในการคุ้มครองทางวัฒนธรรมของสหประชาชาติ อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นที่ปรากฏชัดว่า เป็นการละเมิด และไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ข้อตกลงที่ให้กันไว้ ก็ถือโอกาสขอประณามถึงการกระทำของฝ่ายกัมพูชา
 
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า สรุปสถานการณ์ พื้นที่การปะทะ ระหว่างไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของวันเดียวกันนี้ ที่ไทยสามารถควบคุมพื้นที่ได้มีทั้งหมด 11 พื้นที่ ประกอบด้วย ภูมะเขือ ช่องอานม้า ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย แนวเขตแดนช่องบก โดนตวล สัตตะโสม ช่องจอม ช่องสายตะกู พระวิหาร และพลาญยาว ที่ฝ่ายไทยสามารถคุมพื้นที่ได้ ณ เวลา 24.00 น.
 
สำหรับยอดรวมผู้อพยพมีทั้งสิ้น 188,729 คน โดยที่ผ่านมาผู้ได้รับผลที่เป็นพลเรือนมียอดเสียชีวิต 15 คน บาดเจ็บสาหัส 12 คน ผู้บาดเจ็บปานกลาง 13 คน บาดเจ็บเล็กน้อย 13 คน รวมยอดทั้งสิ้น 53 คน เพิ่มขึ้น 1 ราย ที่จังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันผู้บาดเจ็บยังรักษาตัวอยู่ทีโรงพยาบาลทั้งหมด 14 ราย ส่วนสถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบมีทั้งหมด 20 แห่ง ปิดบริการทั้งหมด 13 แห่งแล้วก็ปิดบางส่วน 7 แห่ง ส่วนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพสต.)ได้รับผลกระทบจำนวนทั้งสิ้น 175 แห่ง
 
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ส่วนของฝ่ายความมั่นคงที่อยากจะให้ข้อมูลข่าวประชาชน คือเรื่องข้อตกลงหยุดยิงที่สองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่28 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเช้าวันที่ 29 ก.ค.ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มมีการหารือในระดับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ คือแม่ทัพภาค และผู้บัญชาการกองกำลังต่างๆในพื้นที่ได้มีการหารือกันขอเน้นย้ำว่าอันนี้ไม่ใช่เป็นการประชุมคณะชายแดนส่วนภูมิภาค(อาร์บีซี) แต่เป็นการหารือในระหว่างผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ของทั้งสองประเทศเท่านั้น ซึ่งการหารือตรงนี้ก็เพื่อเป็นการกำหนดกรอบในเรื่องของแนวทางการปฎิบัติหลังจากที่เรามีการหยุดยิงแล้ว
 
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า โดยกรอบแนวทางที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหารือกัน ประกอบด้วย 5 เรื่องด้วยกันก็คือ 1.เรื่องของการหยุดยิง 2.เรื่องของการห้ามยิงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ 3.เรื่องของหยุดการเพิ่มเติมกำลัง 4.ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ซึ่งอยูที่ใดก็ขอให้อยู่ในที่นั้น และ 5 เรื่องแนวทางการส่งกลับผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิตตลอดจนผู้ถูกควบคุม ซึ่งจะกำหนดแนวทางกันยังไง ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องตกลงหารือแล้วก็นำมาไปสู่ข้อยุติแล้วก็ข้อตกลงด้วยกัน
 
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า สุดท้ายที่อยากจะฝากในส่วนของเรื่องความมั่นคง โดยเรื่องการเฝ้าระวังการโจมตีทางไซเบอร์ ที่เป็นประเด็นสำคัญที่ในระยะเวลาที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่าจะมีการโจมตีทางไซเบอร์ในเว็บไซต์หรือในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆมีการใช้เอไอ การใช้ข่าวปลอม ข่าวลวงต่างๆ ก็อยากจะฝากถามพี่น้องประชาชน ใช้วิจารณญาณในการติดตามในการแชร์ข้อมูลข่าวสารทั้งหลาย รวมไปถึงในเรื่องของการรายงานรีพอร์ตให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถ้าหากตรวจพบว่ามีการละเมิดทางไซเบอร์ โดยเฉพาะกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) จะติดตามในเรื่องนี้ และฝากพี่น้องประชาชนทุกคนช่วยกันติดตามสืบเสาะในการละเมิดทางไซเบอร์นี้ด้วยเช่นเดียวกัน
 
ด้าน นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศน์ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เรื่องการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาทำให้ไทยต้องตอบโต้เพื่อปกป้องอธิบไตยจากการโจมตีจากกัมพูชาที่ยังมีอยู่ในบางพื้นที่ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาให้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และทันที ขอย้ำว่าการหยุดยิงเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่สถานการณ์ที่ลดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ การที่ฝ่ายไทยส่งทีมไปเจรจาที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ด้วยความตั้งใจที่จะแสดงจุดยืนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน และทางรัฐบาลได้แจ้งเน้นย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดช่วงที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการรุกล้ำอธิบไตย การสูญเสียชีวิตทั้งทหาร และพลเรือน ความเดือดร้อนของประชาชนชายแดน การเหยียบกับระเบิด และการคุกคามยั่วยุต้องไม่เกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ขอให้ฝ่ายกัมพูชาดูแลคนไทยในกัมพูชาตามที่ประเทศไทยดูแลคนกัมพูชาในประเทศไทยเช่นกัน อย่างไรก็ตามฝ่ายไทยมีความพร้อม และความจริงใจในการหาทางออกร่วมกันโดยข้อหยุดยิงที่เห็นชอบทั้งสองฝ่าย ถือเป็นความสำเร็จขั้นต้น และก้าวแรกเพื่อที่จะนำมาสู่ความสงบและปลอดภัยตามแนวชายแดน
 
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศขอเน้นย้ำถึงการเจรจาเมื่อวันที่ 28 ก.ค.เป็นการรื้อฟื้นให้ทั้งสองฝ่ายกลับสู่โต๊ะเจรจาแบบทวิภาคี  โดยช่วงเช้าเป็นที่น่ายินดีที่มีการเจรจาอยางไม่เป็นการของแม่ทัพภาคทั้งสองประเทศ ซึ่งในอนาคตจะมีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(เจบีซี) ในเดือนกันยายน และการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(จีบีซี) วันที่ 4 สิงหาคม สำหรับประชาชนที่อยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวจะได้กลับบ้านในเร็ววันนี้ แต่ขอให้รอสักนิดเพราะสถานการณ์ยังมีความเปราะบาง จากนี้ไปไทยอยากเห็นความสุจริตใจจากัมพูชา ทั้งเรื่องการหยุดโจมตีพลเรือน การหยุดยิงที่อยู่บนพื้นฐานกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
 
"ขอย้ำว่าการดำเนินการทุกอย่างของรัฐบาลให้ความสำคัญกับอธิบไตย บูรภาพแห่งดินแดน ผลประโยชน์ของชาติและความปลอดภัยของประชาชน"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปิดด่าน 5 เดือน การค้าชายแดนคลองใหญ่เสียหาย 5 พันล้าน สินค้าเถื่อนทะลัก วอนรัฐบาลเยียวยา

เศรษฐกิจการค้าชายแดนคลองใหญ่ทรุดหนัก เสียหาย 5 พันล้าน ท่องเที่ยววูบปิดท่าเรือหนี ผู้ประกอบการจี้รัฐเยียวยา หลังปิดด่าน 5 เดือน ขณะสินค้าเถื่อนทะลักเข้า-ออก

นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่

นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล

นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีความพร้อมเต็มที่ ดูแล-อพยพประชาชน

นายกฯ มอบนโยบายชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดเตรียมแผนดูแลประชาชน เผย ยืมสตาร์ลิงค์ทหารไว้สื่อสารแล้วเปรียบ ”ชรบ.“ เป็นกำแพงมหึมาดูแลแนวหลังให้ปลอดภัย - สร้างความสบายใจให้ทหารไม่ต้องพะวงหลังห่วงครอบครัว ชี้ ใครคิดรบกับไทยคงประสาทไม่ดี

โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน

รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568

หวิดเสียขาที่ 8! ทภ.2 แจงทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย เป็นของเก่ากัมพูชาวางไว้

กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงเหตุการณ์เสียงระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 14.20 น. หน่วย ร้อย.ร.1622 ซึ่งปฏิบัติภารกิจในพื้นที่

‘คนจีน’ถึงคราวซวย! เหยียบทุ่นระเบิดเขมร

กองทัพภาคที่ 1 เผยชาวจีนเหยียบทุ่นระเบิดเขมรที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว หลังลักลอบเข้าเมือง ด้านสถานทูตจีนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ระบุชายชาวจีนอาการทรงตัว