เทพไท ชี้ฝ่ายการเมืองล้มเหลว ไร้เครดิต ในการแก้ปัญหาชายแดน

3 ส.ค. 2568 – นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” 

ทหารคือฮีโร่ ฝ่ายการเมืองไร้เครดิต

แม้ว่าสถานการณ์การสู้รบระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพกัมพูชา ที่บริเวณชายแดนในหลายจังหวัดได้ยุติลงเป็นการชั่วคราว หลังจากตัวแทนของรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ได้ไปเจรจาทำข้อตกลงหยุดยิงกันที่ประเทศมาเลเซีย ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีการเคลื่อนไหวในบริเวณชายแดน ซึ่งพื้นที่ความขัดแย้งของทั้ง2ประเทศ มีการนำเอกอัครราชทูต ผู้ช่วยทูตทหารจากประเทศต่างๆ  สื่อมวลชนต่างประเทศ ลงพื้นที่ไปดูสถานการณ์จริง

แม้ว่าความขัดแย้งยังคุกกรุ่นกันอยู่ ยังมีการประชุมกันทั้งสองประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการชายแดนหรือจีบีซี ซึ่งจะต้องประชุมกันอีกในประเทศมาเลเซีย โดยมีผู้สังเกตการณ์จาก3ประเทศ คือมาเลเซีย จีน และสหรัฐอเมริกา แม้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ รัฐบาลไทยจะดำเนินการอย่างไรก็ตาม  ต้องยอมรับความจริงว่า รัฐบาลไทยขาดศรัทธา และความน่าเชื่อถือจากประชาชนคนไทย แต่กองทัพเป็นผู้ที่ได้รับความน่าเชื่อถือมากที่สุด ได้รับการยอมรับทั้งกองทัพ ไม่ได้เน้นตัวบุคคล ไม่ได้เกี่ยวกับบทบาทของ ผบ.ทบ. แม่ทัพภาค หรือทหารคนใดเป็นรายบุคคล แต่เป็นเครดิตภาพรวมของกองทัพของทหารทุกคน 

ในขณะที่ฝ่ายการเมืองล้มเหลวโดยสิ้นเชิง  ตั้งแต่ตัวรัฐบาล กระทรวงที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงขาดความน่าเชื่อถือ ส่วนพรรคการเมือง ไม่มีพรรคการเมืองใดได้คะแนนนิยม ได้เครดิตจากสถานการณ์นี้เลย ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยซึ่งเครดิตลดลงเหลือน้อยมาก พรรคประชาชนก็ยังติดกับวังวนวาทะกรรม มีทหารไว้ทำไม รวมไปถึงการโพสต์เฟซบุ๊ก ของส.ส.ชลบุรี เกี่ยวกับถ้อยคำ กองทัพส้นตีน  ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆ ล้มเหลวหมดทุกพรรค ไม่มีบทบาทโดดเด่นใดๆทั้งสิ้น

ต้องยอมรับว่าสถานการณ์นี้ กองทัพได้รับเครดิตเต็มๆ ฝ่ายการเมืองล้มเหลวทุกระดับทุกองค์กร ซึ่งเห็นความรู้สึกของประชาชนได้จากการชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา กระแสในการชุมนุมมีการให้กำลังใจ หรือเชิดชูสดุดีวีรกรรมของทหารและกองทัพ ขับไล่รัฐบาล ไม่ให้ราคารัฐบาลนี้เลย ต้องยอมรับว่าปัญหาของประเทศไทยในตอนนี้ นอกเหนือจากปัญหาความขัดแย้งชายแดน ที่เป็นปัญหาหลักแล้ว ยังมีปัญหาของรัฐบาล ผู้นำประเทศด้วย

ถ้าหากว่าเปลี่ยนรัฐบาล นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบทางการเมืองด้วยการลาออกไป ก็จะทำให้สถานการณ์ชายแดนดีขึ้น อยากให้ฝ่ายการเมืองได้คิด และสำรวจความรู้สึกของประชาชนว่า ประชาชนคิดอย่างไร ก็ควรจะทำตามกระแสความเรียกร้องของประชาชน จะเป็นการดีที่สุด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทภ.2 สรุปชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะเป็นระยะ โดรนฝ่ายตรงข้ามหนาแน่น

กองทัพภาคที่ 2 รายงานภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบการปะทะต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ฝ่ายตรงข้ามใช้งานโดรนและอาวุธหนักหนาแน่น ขณะฝ่ายไทยยิงตอบโต้ทำลายที่ตั้งยิงและยานพาหนะได้หลายครั้ง สถานการณ์ยังอยู่ในการควบคุม

ทภ.2 มีหลักฐานเขมรละเมิดอนุสัญญาเจนีวา-กฎหมายมนุษยธรรม 3 ประการ

กองทัพภาคที่ 2 เปิดข้อมูลการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาตลอด 13 วัน ระบุพบพฤติกรรมทางทหารของฝ่ายกัมพูชาที่เข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ชี้ชัดการใช้โบราณสถานเป็นฐาน การดึงพลเรือนร่วมปฏิบัติการ และการนำพลเรือนเข้าสู่พื้นที่การรบ

'ปานเทพ' เรียกร้องเอาผิดไส้ศึกส่งน้ำมันให้เขมร ชี้เข้าข่ายโทษประหาร!

ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ระบุผู้ที่ส่งน้ำมันซึ่งเป็นยุทธปัจจัยให้กัมพูชา ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เข้าข่ายช่วยข้าศึกทำร้ายทหารและพลเมืองไทย ขอให้ประชาชนช่วยแจ้งความดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 122 ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต

‘จตุพร’ เตือนสงครามไทย-กัมพูชา ต้องไม่จบแบบโง่ๆ แค่ให้พ้นสิ้นปี

จตุพร พรหมพันธุ์ ระบุว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกัมพูชาคืนดินแดนไทยและหยุดยิงจริง ชี้หากสงครามจะยุติในช่วงสิ้นปี ต้องไม่จบแบบลวงโลกหรือซ้ำรอยการหยุดยิงรอบแรก พร้อมย้ำไทยไม่อาจแลกแผ่นดินกับสันติภาพจอมปลอม