เสียงจาก 'คนชายแดน' แจงเหตุไม่ไปอยู่ศูนย์อพยพ ลั่นไม่เอาเงินชดเชย แต่อยากยืนหยัดเพื่อแผ่นดินเกิด

(kerning).

3ส.ค.2568- สืบเนื่องจากสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทางการไทยสั่งให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง อพยพไปอยู่ในศูนย์อพยพในพื้นที่ที่ปลอดภัย แต่ยังมีประขาชนบางส่วนยังอยู่ในพิ้นที่เสี่ยง

นายอัฎธิชัย ศิริเทศ เกษตรกร และผู้ประกอบการ โรงบ่มไวน์ เดอ ซีโมน บ้านอำปึล ต.บักได อ.พนมดงรัก สุรินทร์ ซึ่งอยู่ห่างจากปราสาทตาควายประมาณ 4 - 5 กิโลเมตร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ เสียงชาวบ้าน มีเนื้อหาดังนี้

ทุกท่านครับ ผมจะพูดในฐานะชาวบ้านคนหนึ่งที่บางครั้ง ก็เหลืออดเหลือทน เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ คงไม่มีโอกาส คือ ไม่สามารถจะเปล่งเสียงตอบโต้ออกมาดังๆ ได้ เพราะด้วยฐานะการศึกษา และ ความสามารถในการสื่อสารคงยากที่จะเอ่ย ได้ตรงตามที่รู้สึกนึกคิด เรื่อง ความดื้อดึง ที่จะอยู่ ในบ้านตน

อย่างแรก อย่าเรียกว่าไม่กลัว เรากลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น ปากคอสั่นเทา เนื้อตัวสั่นสะเทิ้มทุกครั้ง บางคนก็พึมพำ ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง บางคนก็เอ่ยคำลาลูกเมียในใจ และเหตุผลหลัก ที่โคตรงี่เง่าสำหรับใครหลายคนคือ เราห่วงบ้าน ห่วงเรือน ห่วงสัตว์เลี้ยง วัวควาย หมูเห็ดเป็ดไก่ เราตัดใจทิ้งมันไม่ได้

แน่นอนว่า ราชการ หรือ รัฐบาล อาจจะบอกเราว่า “จะชดชยให้” ( ถ้าวัวควายบ้านเรือนเสียหาย) เราไม่ได้ดีใจ ในเรื่องนี้ และเลือกเส้นทางทอดทิ้งไป ท่านคงไม่เข้าใจคำว่า ความรักความผูกพัน แม้ว่า วัวผอมๆ ที่แสนน่าเกลียดสำหรับสายตาท่าน แต่มันคือแก้วตาดวงใจ ที่เราผู้ยากไร้ เฝ้าดู ให้หญ้าให้น้ำ จูงมันออกหากินตั้งแต่ตัวเล็กๆ มันเทียบได้กับชีวิตที่เรามีอยู่ และเราก็แปลกใจว่าทำไม ความห่วงแหนแบบนี้ไม่มีความหมายในสายตาท่าน เราไม่ได้ต้องการบ้านใหม่ ใหญ่โต เรารักเรือนเก่าๆหลังน้อยๆ ที่เราเพียรเก็บหอมรอมริบสร้างมา หรือ พ่อแม่สร้างไว้ยกให้เป็นมรดก

อย่างที่สอง ลูกเมียอยู่ในศูนย์อพยพ หรือ ออกไปพักพิงบ้านญาติ พวกเขาก็ยังมีค่าใช้จ่าย มีของที่อยากซื้อมีขนมที่อยากกิน การไม่มีเงินติดกาย แล้วนั่งรอ เงินเยียวยา หรือ วันๆนั่งอยู่ กับข้าวกล่องของแจก นั่นไม่ได้เยียวยา ก้นบึ้งของความรู้สึกถึงคุณค่าการมีชีวิต หลายคนจึงทนไม่ได้ ชีวิตเราชาวบ้าน อดทนกับความลำบาก แร้นแค้นแค่ไหนได้ แต่อดทนกับการนั่งๆนอนๆ เฉยๆ เหมือนถูกขัง เราทนไม่ได้ หัวจิตหัวใจมันหดหู่ มันสิ้นหวัง มันพาลจะป่วย เราอยากอยู่บ้าน อยากทำงาน เข้าไร่เข้าสวน อยากมีชีวิตปกติ เห็นทุ่งนาป่าเขา เหมือนทุกๆวัน แม้ว่าอาจจะต้องแลกด้วยความตาย เราก็ยอมรับ ผมแปลกใจ ทำไมท่านยอมรับ เหตุผลนี้ไม่ได้

เงินที่หลวงอยากจะแจกอยากจะให้ คุณค่าความหมาย ความภูมิใจ มันเทียบกันยากกับเงินที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรง เราจน เป็นแค่ชาวบ้าน แต่เรามีศักด์ศรี เรารู้สึกถึงมัน บางครั้ง เราอับอายที่ต้องไปยืนรับของถ่ายรูป ยกมือไหว้ คนแปลกหน้าที่อาจจะยิ้มระรื่น กับบทบาทการให้ทาน ให้ของ กับมาม่า สักกล่อง หรือ ข้าวสาร 4-5 กก. แต่เรายืนยิ้มไม่ไหว ท่านเข้าใจไหม ?

อย่างที่สาม ที่นี่บ้านเรา มันมีใคร กล้าบังอาจจะมารัก มาปกป้อง มาห่วงแหนมากกว่าเราได้หรือ ไล่เราไปหลบ ไปซ่อน อย่างคนไม่มีหัวใจ ไม่มีความกล้าหาญ ไม่ใช่ชาตินักสู้ เราอาจจะรบไม่เป็น เราใช้อาวุธไม่เก่ง แต่เราไม่เคยกลัว และก็รักผืนแผ่นดิน ไม่ได้น้อยกว่า ใครๆ ที่พร่ำเอ่ย เราอยากอยู่ อยากเห็น อยากเฝ้ามัน หรือ หากต้องตาย ก็ได้ตายด้วยความปรารถนาที่แรงกล้าและปิติยินดี ฉะนั้น อย่าบังอาจมากล่าว พล่อยๆ ว่า เราอยากได้เงินเชย 1.000.000 บาท ไม่มีเงินทองใด ประเมินมูลค่าชีวิตใครได้ คำนี้จึงหมิ่นศักดิ์ศรี เรา แม้เป็นแค่ชาวบ้าน

เราแค่อยากปกป้อง หมู่บ้าน หรือแผ่นดินบ้านเกิด ในวิธีที่เราทำได้ ได้เฝ้าได้เวรยาม ได้อยู่ร่วมด้วยช่วยกัน ปกป้องวัวควาย เป็นวีรกรรมเล็กๆ ที่เราภูมิใจในชีวิต วัวควายอาจจะไม่กี่บาท ในสายตาท่าน แต่สำหรับเรา นี่เป็นทั้งเพื่อนชีวิตและความหวังของครอบครัว ที่เป็นทุนการศึกษาลูกๆ หรือ เงินชำระหนี้ ธนาคาร ปลายปี ไม่มีใครรู้จักความโหดร้ายใจดำ ของธนาคารดีเท่าเรา หรือ ทุนตั้งตัว หลังจากทุกคนกลับมา

และหลายคน ที่แอบกลับมา คือ มากรีดยาง ใจทั้งกลัว ทั้งตัวสั่น แต่ก็แอบลุกไป ในยามค่ำคืน ในยามที่เงียบเสียงปืน บ้างก็ได้จนเสร็จ บ้างก็ได้ไม่กี่ต้น รีบเผ่นกลับมา หวังจะได้เงินเจียดส่งไปให้ลูกเมีย และติดตัวซื้อยาสูบยาเส้น กับ เหล้าโรงสักชวด กระดกดื่มปลอบประโลมใจ มองแบบราชการหรือมนุษย์เงินเดือน มีกินมีงาน ก็คงรำคาญเรา มองเราเป็นภาระ เป็นไอ้พวกชาวบ้านดื้อด้าน สร้างปัญหาให้ทหาร สร้างความลำบากให้ราชการ

ใช้หัวใจเถอะครับ ใช้ความรู้สึก ที่เข้าใจกันมองกัน

เรามีสติ เรามีหัวใจ มีความรักมีความผูกพัน และรู้ว่า ความตายคืออะไร ทุกคนมีภาระที่ต้องทำ มีหน้าที่ที่ต้องปกป้อง ดูแลตัวเองให้ได้ จัดการตัวเองให้รอด ถ้าไม่รอด ก็ถือว่านั่นคือโชคชะตาคนชายแดนอย่างพวกเรา เราเลือกแล้ว ดังนั้น อย่าบังอาจมาพูดดูแคลนว่าเราดื้อด้าน เพื่อเงินชดเชย มันบาดลึกความรู้สึกกันเกินไป

สำหรับ ผม จริงๆ ผมเขียนประกาศตั้งแต่วันแรก ที่ทางราชการด่าว่าแล้ว ว่า ผมไม่ขอรับเงินชดเชย ใดๆ จากทางราชการ ไม่รับของยังชีพ ของแจก ถ้าเกิดตาย หรือเสียชีวิต ในพื้นที่ระหว่างสู้รบ ให้ทราบทั่วกันว่า ผมเลือกเองด้วยสติ สัมปชัญญะ ครบถ้วน ผมอยากอยู่ ผมไม่อยากหนีตาย หัวซุกหัวซุน เหมือนทุกๆครั้ง แม้นไม่ได้จับปืนต่อสู้ แต่ก็อยากยืนหยัด ว่าที่นี่ คือ แผ่นดินบ้านเกิดของผม ผมหวงแหน ฉะนั้น อย่าบังอาจมาขับไล่ผม

และให้จดให้จำ ไว้ด้วย ว่า เราไม่เคยต้องการสงคราม แต่ถ้าหากใครรุกราน เราพร้อมจะยืนหยัด ไม่หนี ไม่ยอมและไม่กลัว ....

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จ.บุรีรัมย์ ให้ 'ผู้อพยพ' กลับบ้านได้บางส่วน เฉพาะพื้นที่ประเมินแล้วไม่เสี่ยง หลังเสียงปืนเบาลง

จากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 16 วัน ซึ่งถือว่าเป็นการปะทะที่ยาวกว่าครั้งที่ผ่านมาจนผู้อพยพเกิดความกังวลว่าจะสงบลงเมื่อไหร่

ธกส. ช่วยคนชายแดน ยกหนี้กรณีเสียชีวิต ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ

ธกส. ออกมาตรการช่วยลูกค้าได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา ยกหนี้กรณีลูกหนี้เสียชีวิตหรือสาบสูญ พร้อมปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงิน 2 หมื่นบาท

ปักธงเนิน 350 กวาดล้างพื้นที่ - จัดตั้งฐานที่มั่น คุมสถานการณ์ได้ต่อเนื่อง

ทภ.2 เผย ทำการกวาดล้างพื้นที่และจัดตั้งฐานที่มั่น ปักธงเนิน 350 หลังยึดปราสาทตาควายสำเร็จ ระบุ คุมสถานการณ์ชายแดนได้ต่อเนื่อง พบปะทะประปรายหลายจุด ตรวจพบกัมพูชาใช้ UAV ไทยทำลายเสาสัญญาณโดรนเนิน 333

คืนอธิปไตยสู่มาตุภูมิ! 'แม่ทัพกุ้ง' ผู้แทน ผบ.ทบ. ตรวจแนวรบปราสาทตาควาย-เนิน 350

พลโท บุญสิน พาดกลาง ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก ลงพื้นที่ตรวจแนวหน้าการสู้รบ ณ ปราสาทตาควาย และบริเวณ เนิน 350 ในพื้นที่อำเภอ พนมดงรัก จังหวัด สุรินทร์ เพื่อตรวจสภาพพื้นที่จริง หลังถูกใช้เป็นฐานที่มั่นของฝ่ายตรงข้าม พร้อมติดตามผลการปฏิบัติการที่กองกำลังไทยสามารถผลักดันผู้รุกรานและยึดคืนพื้นที่อธิปไตยได้อย่างสมบูรณ์

หน่วยงาน-จิตอาสา บริการตัดผมฟรีให้แก่ผู้อพยพชายแดน

ส่วนราชการ อาสาสมัครภาคประชาชน และจิตอาสา ให้บริการตัดผมชาย-หญิงฟรี แก่ประชาชนผู้อพยพหนีภัยสู้รบ และเจ้าหน้าที่ ยังศูนย์พักพิงชั่วคราว จ.บุรีรัมย์ เพื่อสร้างรอยยิ้ม ความประทับใจ และผ่อนคลายความตึงเครียดจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา