ผบ.เหล่าทัพ ส่งต่อภารกิจ ‘ปิด-สร้าง-สู้’ ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ พร้อมส่งต่อ รัฐบาลใหม่ผบ.ทหารสูงสุด ชี้ ‘เปิด-ปิดด่าน’ อยู่ที่ ผบ.ทบ. หลัง สมช. มีมติให้ ทบ. คุมชายแดน แจงจำเป็นต้องสร้าง รั้วชายแดน ป้องกันภัยคุกคาม มอง18 ปี รปห.49 วันนี้ ทหารได้รับการยอมรับจากประชาชนจากการเสียสละเลือดเนื้อ-ชีวิต
19 กันยายน 2568 - ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (สปท.) พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด แถลงภายหลังการประชุมผู้บัญชาการทางทหาร และ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ว่า ได้ฝากภารกิจให้กับ ผบ.เหล่าทัพ ชุดใหม่ คือเรื่อง ‘ปิด-สร้าง-สู้’ โดยที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งด่านถาวรและด่านชั่วคราว ซึ่งเราได้เสนอไปยังรัฐบาลเพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน
เรื่องการสร้าง คือ การสร้างรั้วตามชายแดนและการสร้างแนวป้องกันเพื่อช่วยเรื่องความปลอดภัยต่างๆ
เรื่องการสู้ คือ เรื่องการใช้กำลังตามแนวชายแดนที่มีการปรับรูปแบบไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2554 ที่มีการใช้กำลังทางทหารเต็มรูปแบบ ที่มีการลักลอบวางระเบิด บินโดรน และการใช้มวลชนกดดัน ซึ่งการใช้กำลังต้องถูกต้องตามกฎหมายเราและกฎหมายสากลระหว่างประเทศ
เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แสดงท่าทีมีความพร้อมสู้ถ้าไทยรุกกัมพูชา ฝ่ายไทยมีการเตรียมพร้อมอย่างไร พล.อ.ทรงวิทย์ กล่าวว่า ที่เราปฏิบัติตั้งวันที่ 24 ก.ค.เป็นต้นมา ฝ่ายไทยเตรียมพร้อมตลอดเวลา วันนี้จึงต้องมีส่งต่อให้ ผบ.เหล่าทัพ ชุดใหม่ เพื่อไม่เป็นภาระของ ผบ.เหล่าทัพ รุ่นต่อไป ตนชื่นชม ผบ.เหล่าทัพ ในวันนี้ ทุกคนเห็นพ้องกันในเรื่อง ‘สู้-สร้าง-ปิด’ คือมาตรการที่ใช้อ้างอิงเพื่อปกป้องประเทศได้
เมื่อถามย้ำว่าในขณะนี้มีการเปลี่ยน ผบ.เหล่าทัพ และเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ จะมีรอยต่อระดับการเมืองและนโยบายหรือไม่ พล.อ.ทรงวิทย์ กล่าวว่า ไม่ขอก้าวล่วงการเมือง แต่ในระดับกองทัพต้องมีการเชื่อมต่อกัน โดยคณะผู้บัญชาการทางทหารได้พูดคุยทั้ง ผบ.เหล่าทัพ ชุดเก่าและใหม่ มาร่วมคิดและประชุมร่วมกัน ซึ่งมติในวันนี้จะส่งไปยังรัฐบาล ตรงนี้เป็นตัวเชื่อมสำคัญที่สุด
“ตัวเชื่อมที่ท่านมองไม่เห็น คือ จิตวิญญาณนักรบ วันนี้เราต้องสดุดีคนตัวเล็กๆ ที่มาปกป้องแผ่นดิน ไม่ว่า ผบ.เหล่าทัพ ฝ่าย เสธ. จะเก่งแค่ไหน สุดท้ายคนที่แลกด้วยชีวิต ก็คือทหารตัวเล็กๆที่อยู่แนวหน้า ซึ่ง ประชุมทุกคนรู้สึกซาบซึ้ง ในบุญคุณทหารทุกคนที่เสียไป ที่ยังอยู่ และที่บาดเจ็บ”
เมื่อถามถึงแนวรั้วลวดหนามที่เราสร้างในเขตไทย แต่ฝ่ายกัมพูชาเอาโล่ห์มนุษย์มารื้อ จะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ทรงวิทย์ กล่าวว่า ได้คุยกับ ผบ.ตร. โดยเมื่อวานนี้ รอง ผบ.ตร. ได้ลงพื้นที่ไป เพื่อดูเรื่องกฎหมายและวิธีการปฏิบัติตามที่ศาลชองไทยได้ตัดสินเรื่องการตวบคุมฝูงชน 7 ขั้นตอน ซึ่งจะวิธีที่เสริมเติมขึ้นมา โดย ผบ.ตร. ให้คำมั่นจะร่วมงานกับกองกำลังป้องกันชายแดน
เมื่อถามว่าฝ่ายกัมพูชาใช้มวลชน และทหารยืนสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ จะเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบหรือไม่ พล.อ.ทรงวิทย์ กล่าวว่า หากฝังจากรอง ผบ.ตร. ที่ลงพื้นที่ ระบุว่าถ้าใช้กฎหมายเข้มข้น สถานการณ์จะไม่บานปลายและเราสามารถชี้แจงกับต่างชาติได้
นอกจากนี้ พล.อ.ทรงวิทย์ กล่าวถึงกรณีอำนาจการเปิด-ปิดด่านชายแดนเป็นของผบ.ทหารสูงสุดใช่หรือไม่ ว่า เรื่องการเปิด-ปิดด่านเกิดขึ้นภายหลังวันที่ 6 มิ.ย. 2568 ที่มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมีการเสนอให้ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้ควบคุมตามแนวชายแดน ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติทางการทหารหรือการเปิด-ปิดด่าน และอำนาจที่มีการพูดคุยกันล่าสุดอยู่ในมือของ ผบ.ทบ. ในการใช้กฏอัยการศึกเปิด-ปิดด่านได้ในทุกพื้นที่ที่กองทัพบก (ทบ.) ดูแลอยู่
พล.อ.ทรงวิทย์ ยังกล่าวถึงกรณีการสร้างรั้วชายแดนติดขัดปัญหาใดหรือไม่ ว่า ในส่วนของตนต้องไปถกในเรื่องของเส้นเขตแดน และเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศโดยเป็นหน้าที่ของ สมช. แต่วันนี้เรายืนยันชัดเจนว่าคณะผู้บัญชาการทหารเห็นว่ามีความจำเป็นต่อการปกป้องอธิปไตยจากภัยคุกคาม ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เขตแนวนี้เท่านั้นยังมีอีกเขตพื้นที่หลายแนวที่เราไม่สามารถใช้ทหารลาดตระเวนได้ตลอดและในพื้นที่ที่เคยมีภัยคุกคามรอบประเทศไทย เช่น ทางตอนใต้ ประเทศที่เขาคิดว่ามีภัยคุกคามสมัยเมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่แล้ว ก็มีการสร้างรั้วขึ้นมา
ฉะนั้นการสร้างรั้วถือว่าเป็นมาตรการที่ทำให้การเคลื่อนที่ผ่านแดนโดยที่ผิดกฎหมายมันยากขึ้น ย้ำว่าตนคิดว่ามันจำเป็น และนโยบายระหว่างความมั่นคงของรัฐก็คงจะเห็นความจำเป็นของกองทัพตรงนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สื่อได้ถามว่าครบรอบ 19 ปี เหตุรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 บทบาทกองทัพเปลี่ยนแปลง และจากเหตุการณ์สู้รบทำให้ทหารได้รับการยอมรับมากขึ้น พล.อ.ทรงวิทย์ กล่าวว่า ผมคิดว่าการยอมรับของประชาชน มาจากการเสียสละของคนทั้งเลือดเนื้อและชีวิต อีกทั้งความเสียสละของผู้นำกำลังทหารต่างๆ ที่แสดงว่าเป็นทหารอาชีพ กองทัพเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เหมาะและควร เราจะต้องดำรงเจตนาของนักรบและทหารของแผ่นดินเพื่อรักษาไว้ โดยผมได้บอกกับคนรุ่นใหม่ว่า สิ่งต่างๆแรกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิต อีกทั้งความนับถือและเชื่อมั่นของประชาชน ก็แลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิต เราจึงต้องรักษาจิตวิญญาณของนักรบที่เสียสละไป ให้อยู่คงนานที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่
นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121 ล้าน สร้างรั้วชายแดน บังเกอร์ หลุมหลบภัย ถนนตรวจการณ์
ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จออก ณ ห้องประชุม ชั้น 11 อาคารอัครราชกุมารี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ พระราชทานพระวโรกาสให้ คุณหญิง
นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีความพร้อมเต็มที่ ดูแล-อพยพประชาชน
นายกฯ มอบนโยบายชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดเตรียมแผนดูแลประชาชน เผย ยืมสตาร์ลิงค์ทหารไว้สื่อสารแล้วเปรียบ ”ชรบ.“ เป็นกำแพงมหึมาดูแลแนวหลังให้ปลอดภัย - สร้างความสบายใจให้ทหารไม่ต้องพะวงหลังห่วงครอบครัว ชี้ ใครคิดรบกับไทยคงประสาทไม่ดี
โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน
รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568
หวิดเสียขาที่ 8! ทภ.2 แจงทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย เป็นของเก่ากัมพูชาวางไว้
กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงเหตุการณ์เสียงระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 14.20 น. หน่วย ร้อย.ร.1622 ซึ่งปฏิบัติภารกิจในพื้นที่
'มทภ.4' ระดม 400 นาย เร่งฟื้นฟู 'รพ.หาดใหญ่' ให้เสร็จวันนี้
'มทภ.4' กำชับทุกหน่วย-ทส. ระดมกำลังกว่า 400 นาย เร่งฟื้นฟูโรงพยาบาลหาดใหญ่ ปรับสภาพผิวจราจรโดยรอบให้เสร็จวันนี้ พร้อมลุยต่อถนนเส้นหลัก เปิดการจราจรให้ประชาชน ก่อนบิ๊กคลีนนิ่งเมืองทั้งหมด


