ทบ. เปิดข้อมูลทหารไทยเสียชีวิต 16 นาย จาก 11 สมรภูมิรบ 5 วันไทย-กัมพูชา

27 กันยายน 2568 - กองทัพบก ได้จัดทำวีดีทัศน์เผยแพร่วีรกรรมของ 16 ทหารกล้า ใน 11 สมรภูมิรบ5 วัน ไทย-กัมพูชา พร้อมเปิดเหตุการณ์ในวันที่ทหารเหล่านั้นเสียชีวิต ระหว่างทำหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้การรบที่ดุเดือด ท่ามกลางดงระเบิด ปืนใหญ่ ปืนเล็กโดรนสังหาร โดยเฉพาะในช่วงสุดท้าย ตามเวลาของข้อตกลงหยุดยิง
 
1.สมรภูมิบ้านโนนวันชัย เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เมื่อเวลา 10:24 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 13 ได้รับมอบภารกิจให้ยิงตอบโต้และทำลายฐานที่มั่นกัมพูชา พลทหาร ( ..)วรัญชิด ยวงสุวรรณ ในตำแหน่ง พลกระสุน หมู่เครื่องยิงลูกระเบิดหนักที่ 3กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 13 ได้ปฎิบัติหน้าที่ยิงทำลายข้าศึกบริเวณเนิน 391 หรือภูผี ในระหว่างปฎิบัติการมีอาวุธวิถีโค้งจากฝ่ายกัมพูชาตกลงมาอย่างหนาแน่นนอกพื้นที่ แต่พลทหาร วรัญชิต ยังคงทำหน้าที่เอากระสุนและบรรจุให้กับหน่วยอย่างต่อเนื่องด้วยความกล้าหาญจนเวลา 10:45 ขณะที่ทำการยิงทำลายฐานที่มั่นลสนับสนุนการยิง มี กระสุนปืนใหญ่ จากฝ่ายข้าศึกตกลงมาใกล้หมู่ ของตนเองทำให้พลทหารวรัญชิตซึ่งอยู่ ใกล้จุดตกที่สุดถูกแรงอัด และสะเก็ดระเบิด เข้าศีรษะและทั่วร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งปฎิบัติการครั้งนี้ทำให้สามารถทำลายฐานที่มั่นข้าศึกได้ 5 แห่ง และสังหารทหารกัมพูชาได้มากกว่า 100 นาย
 
2.สมรภูมิปราสาทตาควาย หลังเปิดฉากยิงของทหารกุมพูชาในวันที่ 24 กรกฎาคม2568 กองกำลังสุรนารีจัดให้ชุดโดรนทิ้งระเบิดสังหาร ของกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่เข้าไปปฎิบัติหน้าที่ใน พื้นที่ปราสาทตาควายในวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 เวลา 05.00 มีการปรับเปลี่ยนกำลังพลของ ชุดโดรนทิ้งระเบิดสังหาร เวลา 09:10 ระหว่างที่กำลังเซ็ตระบบโดรน โดยมี สิบเอก กฤษฎา น้อยโคตร(เจ้าหน้าที่เทคนิค)และ สิบเอก จิรายุ สิงห์อ้น นักบินผู้ช่วย ได้นำโดรนไปติดตั้งกับแท่นปล่อย เพื่อเตรียมขึ้นบิน เมื่อติดตั้งเสร็จกำลังพลทั้ง2นาย กำลังเข้าบังเกอร์ ระหว่างนั้นกัมพูชาได้ยิงเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 82 มิลลิเมตร ตกลงที่ชุดโดรนขณะที่จะทำการบิน เป็นเหตุให้ สิบเอก นพพล บุญเลิศ เสียชีวิตทันที นาย ขณะที่ สิบเอก กฤษฎา น้อยโคตรและ สิบเอก จิรายุ สิงห์อ้น ได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้เสียชีวิตระหว่างถูกนำส่งโรงพยาบาลสนาม
 
วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เวลา 05:00 น. ชุดอัลฟ่าซึ่งมี จ่าสิบเอกอโณทัย ป้องแก้ว เป็นหัวหน้าชุดโจมตี ได้เริ่มแทรกซึมด้วยเท้าเข้าพื้นที่ปฏิบัติการ เพื่อเข้าตีและยึดที่หมายเนิน 350 โดยเวลา 10:00 น. ก่อนเข้าตี กองทัพอากาศได้ทิ้งระเบิดจาก F-16 และรถถังยิงสนับสนุน จ่าสิบเอกอโณทัยฯ ได้นำกำลังเข้าวางตัวและเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บของชุดบราโว่ ก่อนเข้าไปประจำที่แล้วยิงตอบโต้กัมพูชาที่ตีโอบ ขณะกำลังเคลื่อนที่เจาะเส้นทางซึ่งเป็นป่าและก้อนหินไปด้านหน้า ท่ามกลางการระดมยิงอย่างต่อเนื่อง ได้มีระเบิดขว้างไม่ทราบชนิด ตกบริเวณด้านหลังพื้น ลูกระเบิดได้ระเบิดก่อนตกถึงพื้น ทำให้สะเก็ดระเบิดสาดใส่กำลังพลในชุด ได้รับบาดเจ็บ5นาย เวลา 11:00 น. จ่าสิบเอกอโณทัยฯล้มลงกับพื้นทันทีและหมดสติไป เขาได้รับการปฐมพยาบาลและพยามส่งกลับ สายการแพทย์แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา
 
3.สมรภูมิฐานตาสิงห์ ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เกิดการประทะต่อเนื่องตลอดแนวชายแดน เวลา 03:00 ของวันที่ 25 กรกฎาคม กัมพูชาเริ่มยิงอาวุธเข้าใส่ฐานปฏิบัติการฐานตาสิงห์ สิบโท ศราวุธ นามสวัส ได้รับคำสั่งให้ยิงตอบโต้ จนเวลาประมาณ 10:30 น. สิบโทศราวุธ ตรวจ พบทหารกัมพูชาประมาณ 10 ถึง 20 นาย เคลื่อนที่เข้ามาทางทิศตะวันออกห่างประมาณ 200 เมตร ยิงด้วยปืนเอ็ม 79 และปืนเล็ก ความกล้าหาญ ของสิบโทศราวุธ สังเกตุเห็นทหารกัมพูชา3ถึง4นายอยู่ใกล้ จึงตัดสินใจขยับตัวออกนอกบังเกอร์เพื่อใช้ปืนอาร์พีจียิงใส่ ทำให้ทหารกัมพูชาบาดเจ็บราย ในขณะที่กำลังจะกลับเข้าบังเกอร์ มีระเบิดจากเครื่องยิงลูกระเบิดของกัมพูชาตกใกล้กับบังเกอร์ทำให้สิบโทศราวุธ ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณศีรษะและหมดสติ ถูกนำส่งโรงพยาบาลกันทรลักษ์และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
 
4.สมรภูมิภูมะเขือ กองร้อยจู่โจมได้รับการแจ้งเตือนภารกิจล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อเตรียมแผนผลักดันพื้นที่ภูมะเขือ หลังจากเกิดความขัดแย้งรุนแรงในพื้นที่ชายแดนหลังจากที่ได้รับแจ้งว่ามีการปะทะที่ปราสาทตาเหมือนธม และปราสาทตาควายในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 กองร้อยจู่โจมได้เคลื่อนย้ายกำลังพลพร้อมรถบรรทุกและรถปฏิบัติการไปยังฐานปฎิบัติการภูมะเขือ ท่ามกลางการยิงปะทะด้วยอาวุธวิถีตรง และวิถีโค้งตลอดเส้นทาง ฝ่ายเราได้ทำการลิดรอนอาวุธยิงสนับสนุนของกัมพูชาโดยอากาศยานไร้คนขับ ในคืนวันที่ 24 และ 25 กรกฎาคม จนเช้าวันที่ 25 กรกฎาคม กองร้อยจู่โจม ได้รับคำสั่งให้เข้าตีที่หมายยอดภูมะเขือ สิบเอก จิรายุส อินทุมาน ในตำแหน่งนายสิบทำลายชุดจู่โจมที่ 1หมวดจู่โจมที่ได้รับมอบหมาย ภารกิจ ในการลิดรอน ทำลายเสาสัญญาณ สะพาน และกระเช้า และ รวมทีมเจาะที่หมายในระหว่างทำการเจาะมีปืนเล็กของกัมพูชายิงมา สิบเอก จิรายุส ได้ทำการยิงตอบโต้และเมื่อทีมที่วางตัวเป็นฐานยิงให้ทีมที่1แล้ว สิบเอกจิรายุส ได้ลุกขึ้นโผตัวเป็นฐานยิง ทันใดนั้นกัมพูชายิงปืนเล็กสวนออกมา ถูก สิบเอก จิรายุส อินทุมาน ล้มลงต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที การปฎิบัติการครั้งนี้สามารถยึดภูมะเขือได้ และสังหารทหารกัมพูชาเสียชีวิต 17 นาย สามารถทำลายเสาสัญญาณกระเช้าลำเลียงพลและคลังเก็บอุปกรณ์ได้
 
5.สมรภูมิปราสาทโดนตรวน หลังเกิดการประทะตามแนวชายแดนวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 นั้นวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 มีการยิงสนับสนุนเพื่อสกัดกั้นตลอดทั้งวัน จนวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 08:30 กัมพูชาได้เปิดฉากยิงโดยรถถังและอาวุธวิถีโค้งโค้งใส่ฐานปฎิบัติการภูผา จนเกิดการประทะกันอย่างรุนแรงพลทหาร ญาณพัฒน์ โคตรสาขา ในตำแหน่งพลยิงผู้ช่วยหมู่เครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 60 มิลลิเมตรที่ 2 ได้รับภารกิจให้ทำการยิงทำลายฝ่ายตรงข้ามเพื่อต่อต้านการเข้าตี และ เวลา 09:30 กัมพูชาได้ เพิ่มเติมกำลังจำนวนมากพร้อมรถถัง และอาวุธวิถีโค้ง ระดมยิงอย่างหนาแน่นและรุนแรง ทำให้มีกระสุนปืนตกในฐานหลายนัด พลทหารญาณพัตร์ ถูกแรงอัดกระแทกจากระเบิด แม้ได้รับคำสั่งให้ถอนตัวแต่เจ้าตัวปฏิเสธและยังคงยืนหยัดทำหน้าที่อย่างกล้าหาญเพื่อยิงกดมาให้กัมพูชาเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ในระหว่างที่กำลังยิงต่อสู้มีกระสุนลูกระเบิดขนาด 82 มิลลิเมตรตกใส่บริเวณที่ตั้งปืนทำให้พลทหาร ญาณพัตร์ ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่หน้าอกและเสียชีวิตทันที
 
6.สมรภูมิสัตตโสม วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 10:45 เกิดการยิงจากฝ่ายกัมพูชาเข้ามาบริเวณปราสาทตาเหมือนธม จากการยิงตอบโต้โดยรถถัง T-44 อย่างหนักมายังจุดตรวจการพ้าอัน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของกัมพูชา จ่าสิบเอกธวัชชัย บุสภา ซึ่งปฎิบัติหน้าที่อยู่ที่จุดตรวจการณ์พ้าอัน ได้รับอันตรายจากถูกกระสุนรถถัง T-44 และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที
 
7.สมรภูมิปราสาทตาเมือนธม วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 สิบเอก อัมรินทร์ ผาสุข ในตำแหน่งหัวหน้าชุดยิงของหมู่ปืนเล็กที่ได้รับภารกิจวางกำลังต่อสู้ต้านทานทหาร กัมพูชาที่พยายามเข้าตีฐานที่มั่นบริเวณฐานปฏิบัติการหมุดน้ำเงิน ในระหว่างยิงต่อสู้ สิบเอกอัมรินทร์ ผาสุข ถูกแรงอัดระเบิดจากกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดไม่ทราบชนิด ได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าเล็กน้อยและตัดสินใจกลับเข้าแนวรบอีกครั้ง หลังรักษาตัวที่โรงบาลสนาม จนวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เวลา 09:00 ทหารกัมพูชาเสริมกำลังและระดมยิงอาวุธนานาชนิดเข้าใส่อย่างหนักเพื่อแย่งยึดพื้นที่ปราสาทตาเหมือนธม ในระหว่างการต่อสู้มีกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดไม่ทราบขนาด ตกบริเวณหลังบังเกอร์ ที่จ่าสิบเอก อัมรินทร์ ประจำอยู่ สะเก็ดระเบิดพุ่งเข้าใส่บริเวณศีรษะทำให้หมดสติเขาถูกส่งโรงพยาบาลสนาม แต่เนื่องจากได้รับบาดเจ็บรุนแรงจาก สะเก็ดระเบิดบริเวณศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
 
พลทหาร พิทยุตม์ โสดา ตำแหน่งพลปืนเล็ก หมู่ปืนเล็ก หมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่กรมทหารราบที่ 23 วันที่ 23 สิงหาคม 2568 มีภารกิจ ให้จัดชุดลาดตระเวนพิสูจน์ทราบแนววางกำลังของฝ่ายกัมพูชาบริเวณฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม จำนวนนาย โดยให้ สิบเอกชัยบุญ นวนจันทร์ เป็นหัวหน้าชุด โดยพลทหาร พิทยุตม์ โสดา เป็นลูกชุด ในการปฎิบัติภารกิจตั้งแต่เวลา 08:30 ซึ่งการปฎิบัติการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและได้แยกย้ายพักผ่อนตามอัธยาศัยจนเวลา 16:30 จากการตรวจสอบยอดกำลังพลปรากฏว่าพลทหาร พิทยุตม์ ไม่อยู่ในฐานปฏิบัติการและไม่มีผู้พบเห็นจึงได้ออกตามหา จนกระทั่งเวลา 17:15 มีกำลังพลพบร่างของพลทหาร พิทยุตม์ นอนหมดสติอยู่ในห้องสุขา บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธมในลักษณะท่านอนตะแคง จึงได้แจ้งหมวดเสนารักษ์เขาช่วยเหลือปรากฏว่าพลทหาร พิทยุตม์ ได้เสียชีวิตก่อนหน้าแล้ว
 
8.สมรภูมิพื้นที่ซำแต วันที่ 28 กรกฎาคม เวลา 14:30 กองกำลังทหารกัมพูชาที่อยู่หน้าฐานปฏิบัติการของไทยได้เตรียมเปิดฉากการยิงด้วยเครื่องยิงลูกระเบิดและปืนเล็กพร้อมกับเติมกำลังพลประมาณ 100 นายขึ้นหน้าแนวปะทะก่อนข้อตกลงหยุดยิงจะมีผลเวลา 14:50 มีกระสุนปืนใหญ่ไม่ทราบชนิดตกบริเวณฐานปฏิบัติการป่ามัน และกัมพูชาพยามเข้าตีฐานปฏิบัติการของไทย พลทหารสิรวิชญ์ ภิญโญสุขปฎิบัติหน้าที่ พลกระสุน ป้อนกระสุนให้พลยิงปืนกลอย่างต่อเนื่อง ขณะปะทะมีกระสุนปืนใหญ่ตกบริเวณรอบฐานอย่างหนักรวมถึงกระสุนไม่ทราบชนิดที่ยิงใส่ลังปืนกล ที่พลทหารสิรวิชญ์ ประจำอยู่ ด้วยความกล้าหาญไม่เกรงกลัวต่อกระสุนที่ยิงเข้ามา พลทหารสิรวิชญ์ ถูกกระสุนปืนไม่ทราบชนิดยิงเข้าใส่ที่บริเวณศีรษะ ลำคอหน้าอก ทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
 
9.สมรภูมิฐานแดนไกล วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 กัมพูชาเปิด ฉากยิงเข้ามาในบริเวณเขาพระวิหารและช่องอานม้าจนวันที่ 28 กรกฎาคมเวลา 21:00 ทหารกัมพูชาเพิ่มเติมกำลังและได้รับแจ้งจากฐาน ทหารพราน ซึ่งเป็นหน่วยข้างเคียงว่ามีโดรนทิ้งระเบิดของทหารกัมพูชาจำนวนมากในพื้นที่หน้าแนว หน่วยจึงได้จัดชุดลาดตระเวนตรวจการณ์และพยายามยิงทำร้ายโดรนเหล่านั้น แต่เนื่องจากมีโดรนจำนวนมากและการตรวจการณ์จำกัดทำให้ชุดลาดตระเวนทั้งหมด 13 นายได้รับบาดเจ็บ โดยบาดเจ็บสาหัส 3 นายทำให้ สิบโท ต่อพงษ์ พันดวง บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
 
10.สมรภูมิช่องสายตะกู ตั้งแต่เริ่มมีการปะทะในวันที่ 24 กรกฎาคม กองบังคับการกองร้อยทหารราบที่ 251 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณฐานทหารพราน 2604 ช่องสายตะกู มีหน้าที่บังคับบัญชาและตั้งรับจนวันที่ 28 กรกฎาคม เวลาประมาณ 18:00 ได้เกิดการปะทะกันอย่างประปรายระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา จ่าสิบเอก ธีรยุทธ สีจุ้ยจ้าย ซึ่งเป็นจ่ากองร้อยได้ช่วยผู้บังคับกองร้อยบังคับบัญชาและสั่งการให้กำลังพลในฐานปฏิบัติการเข้าที่กำบัง
จากการยิงกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชาตกบริเวณโดยรอบฐาน ด้วยความกล้าหาญ จ่าสิบเอกธีรยุทธ วิ่งตามแนวคูติดต่อ เพื่อกำชับกำลังพลให้เข้าที่มั้นแข็งแรง เพื่อความปลอดภัยจากการโจมตีทางอากาศและฝากกระสุนปืนเล็ก เข้าไปบังคับบัญชาทหารที่อยู่ใน บังเกอร์ ระหว่างกำกับดูแลและบังคับบัญชา ได้มีกระสุนปืนใหญ่และปืนเล็กของฝ่ายกัมพูชายิงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มีกระสุนปืนใหญ่ตกไม่ทราบทิศทางเข้ามายังบริเวณฐานปฏิบัติการ ทำให้ จ่าสิบเอก ธีรยุทธ ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกสะเก็ดระเบิดถูกนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
 
11.สมรภูมิฐานตาฮอง วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ในขณะที่มีการเจรจาหยุดยิงในเวลา 24:00 . 14:00 ฝ่ายกัมพูชาพยามรุกรานอธิปไตยโดยการโจมตีด้วยอาวุธหลายชนิดเพื่อยึดภูมิประเทศสำคัญบริเวณฐานปฏิบัติการตาฮองจ่าสิบเอกอภิรมย์ ทรงพุฒิ ซึ่งปฎิบัติหน้าที่ผู้บังคับหมู่ปืนเล็กที่ได้สั่งการให้กำลังพลยิงต่อสู้ ท่ามกลางกระสุนปืนใหญ่แตกอากาศเข้ามายังฐานทำให้มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ และได้รับแจ้งว่าปืนกลสนับสนุนติดขัด จ่าสิบเอกอภิรมย์ สั่งการให้กำลังพลยิงกดอย่างต่อเนื่อง และพยายามวิ่งฝ่าแนวกระสุนปืนใหญ่และลูกระเบิด เพื่อเข้าไปช่วยเหลือพลยิงปืนกล ในระหว่างเคลื่อนที่ มีกระสุนปืนใหญ่ไม่ทราบชนิดตกบริเวณฐานทำให้จ่าสิบเอกอภิรมย์ ถูกสะเก็ดระเบิด แต่เขายังคงนำกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บเข้าที่กำบังปลอดภัยจนเป็นเหตุให้ตนเองทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
 
และในฐานปฏิบัติการเดียวกันนี้ ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมเริ่มการประทะอย่างต่อเนื่องตลอดแนวชายแดนจนถึง 28 กรกฎาคม การประทะยังคงต่อเนื่องอย่างหนาแน่นตลอดทั้งวันจนทั่งเวลา 22:00 น. ฝ่ายกัมพูชาพยายามแทรกซึมเข้าตี เพื่อยึดพื้นที่ก่อนคำสั่งหยุดยิง มีการปะทะด้วยปืนเล็กยาวอย่างต่อเนื่องจนถึงเวลา 23:30 น. กัมพูชายิงเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 82 มิลลิเมตรลงพื้นที่ ฐานปฏิบัติการตาฮอง2 ทำให้พลทหารธีรยุทธ กระจ่างทอง ซึ่งกำลังยิงปะทะเพื่อต้านทานได้รับบาดเจ็บจากอาวุธเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 82 มิลลิเมตร โดยวิธีกระสุนเข้าบริเวณจุดสำคัญอวัยวะภายในของร่างกาย ทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121 ล้าน สร้างรั้วชายแดน บังเกอร์ หลุมหลบภัย ถนนตรวจการณ์

ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จออก ณ ห้องประชุม ชั้น 11 อาคารอัครราชกุมารี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ พระราชทานพระวโรกาสให้ คุณหญิง

'ผบ.ทสส.' สั่ง ศป.กฉ.ส่วนหน้า 8 ข้อ เร่งฟื้นฟู 'หาดใหญ่'

'ผบ.ทสส.' สั่ง ศป.กฉ.ส่วนหน้า 8 ข้อ จัดระเบียบ ‘ศูนย์พักพิง-การแพทย์’ เร่งเปิดระบบ ‘ไฟฟ้า-ประปา’ แจกถุงยังชีพ-อาหาร มาตรการ รปภ. เก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิต ตั้งจุดรวบรวมขยะ 4 พื้นที่ ย้ายยานพาหนะกีดขวาง

กองทัพบก น้อมรับพระราชกระแส 'ในหลวง' พระราชทานโดรนช่วยอุทกภัยภาคใต้

กองทัพบกน้อมรับพระราชกระแส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรง พระราชทานความห่วงใย กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ และพระราชทานอากาศยานไร้คนขับ เพื่อช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

ทบ. ชี้เหตุชายจีนเหยียบระเบิด สะท้อนเขมรวางทุ่นระเบิดใหม่ ไม่ร่วมมือเก็บกู้

ทบ. ชี้เหตุชายจีนเหยียบระเบิด สะท้อนปัญหาทุ่นระเบิดชายแดน ชี้กัมพูชายังวางต่อเนื่องไม่ร่วมมือเก็บกู้ กระทบความปลอดภัยประชาชน

ชายจีนเหยียบกับระเบิดขณะลักลอบเข้าไทย กกล.บูรพารีบส่งทีมเก็บกู้ช่วยชีวิต

เช้ามืด ตชด. ได้ยินเสียงระเบิดจากป่าละเมาะใกล้ถนนศรีเพ็ญ ตรวจด้วยโดรนพบชายจีน คาดลักลอบเข้าประเทศ บาดเจ็บจากทุ่นระเบิดในพื้นที่บ้านหนองจาน กกล.บูรพาส่งชุดเก็บกู้เข้าช่วยทันที ก่อนประสาน ตม. ดำเนินขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป

ทบ. ส่งทหารช่างกองพลพัฒนา 4 ลุยหาดใหญ่ เร่งฟื้นฟูทันทีหลังน้ำลด

กองทัพบกระดมกำลังพล-ยานพาหนะ-เครื่องมือช่าง เข้าฟื้นฟูหาดใหญ่ทันที หลังระดับน้ำลด เน้นเคลียร์ถนนสำคัญ คอหงส์ พร้อมเดินหน้าสำรวจซ่อมบ้านเรือนสาธารณูปโภค และเร่งช่วยชาวบ้านในจุดได้รับผลกระทบ