เอาแล้ว! อดีตประธาน กสม.ข้องใจแถลง การณ์ กสม.เอนเอียง

23 ต.ค.2568 - นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “แถลงการณ์ กสม. อันสืบเนื่องมาจากการแสดงความคิดเห็นสาธารณะต่อการจัดการปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา” ระบุว่า เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์ (Statement) ขอ “ให้ทุกฝ่ายเคารพในความเห็นต่างและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนทุกคนที่แม้จะแตกต่างกันด้วยเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา หรือสถานะทางสังคมอื่นใด แต่ต่างก็มีคุณค่าในตนเอง ทั้งนี้ ขอให้สังคมร่วมกันสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็นและการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ ไม่ยอมรับการสร้างความเกลียด (ที่ถูก ต้องมีคำว่า “ชัง” ตามหลัง) และการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ในทุกรูปแบบ” อันสืบเนื่องมาจากการแสดงความคิดเห็นสาธารณะต่อการจัดการปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา

ผู้เขียนมีข้อสังเกตดังต่อไปนี้

1.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เป็น 1 ใน 5 องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่หลักในการ ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ของประชาชนในประเทศไทย ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญ 2540 ที่เรียกกันว่า “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” ต่อมา มีการบัญญัติให้คงอยู่ต่อเนื่องในรัฐธรรมนูญ 2550 และรัฐธรรมนูญ 2560 (ฉบับปัจจุบัน)

2.“สิทธิมนุษยชน หมายความว่า ศักดิ์ความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล บรรดาที่ได้รับการรับรองหรือคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย หรือตามสนธิสัญญาที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตาม” (พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง)

3.กรณีบุคคลย่อมมีเสรีภาพทางความคิดและมีสิทธิที่จะแสดงมองเคารพในสิทธิหรือชื่อเสียงของบุคคลอื่น แถลงการณ์ของ กสม. อ้างกฎหมายระหว่างประเทศ คือ ข้อ 18 และ 19 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่ประเทศไทยเป็นภาคีเพียงอย่างเดียว ไม่ได้อ้างรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 32 และมาตรา 34 ซึ่งคุ้มครองสิทธิเหล่านี้ จึงเป็นการละเลยไม่ให้ความสำคัญแก่รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ และเป็นกฎหมายที่ก่อกำเนิดองค์กรนี้

4.เป็นการถูกต้องแล้วที่ กสม. กังวลว่า ไม่มีบุคคลใดสมควรถูกข่มขู่คุกคาม ทำให้หวาดกลัว หรือถูกจำกัดเสรีภาพในการสื่อสารเพราะการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่หากแถลงเพิ่มเติมว่า การกระทำดังกล่าวอาจถูกกล่าวหาเป็นความผิดต่อเสรีภาพตามมาตรา 309 หรือฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญตามมาตรา 392 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ก็น่าจะทำให้แถลงการณ์มีน้ำหนักให้รับฟังมากขึ้น

5.แถลงการณ์ของ กสม. ฉบับนี้ ไม่ได้เกิดจากการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน (ซึ่งต้องใช้เวลาดำเนินการค่อนข้างนาน) จึงเป็นการฟังข้อเท็จจริงจากมุมองของ กสม. โดยลำพังในช่วงเวลาอันจำกัด อาจทำให้ได้ข้อเท็จจริงมาไม่รอบด้าน ส่งผลให้การขอให้ทุกฝ่ายเคารพในความเห็นต่าง ขาดความชัดเจน และอาจจะเป็นการเอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จนก่อให้เกิดคำถามว่า การปฏิบัติหน้าที่และการใช้อำนาจของ กสม. เป็นไปโดยเที่ยงธรรม ปราศจากอคติทั้งปวงในการใช้ดุลพินิจแล้วหรือไม่ (รัฐธรรมนูญมาตรา 215 วรรคสอง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 มาตรา 25 วรรคหนึ่ง)

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

3 สมาคมข่าว ออกแถลงการณ์ ห่วงสื่อลงพื้นที่รายงานข่าวชายแดน คำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด

3 สมาคมนักข่าว ออกแถลงการณ์เรื่อง ข้อห่วงใยสื่อมวลชน ในการลงพื้นที่รายงานข่าวที่มีความเสี่ยง

เกมแห่งพันธมิตรที่จบลงไม่ไกลเกินคาด 'ส้ม' ถูก 'น้ำเงิน' ต้มจนเปื่อย กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินแก้

นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ การเมืองสารขัณฑ์: เกมแห่งพันธมิตรที่จบลงไม่ไกลเกินคาด มีเนื้อหาดังนี้

'อดีตผู้พิพากษา' อธิบาย 'ปิดงานงดจ้าง' กับ 'หยุดกิจการ' เหตุข้อพิพาทแรงงาน 'ไดกิ้น '

นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ปิดงานงดจ้างกับหยุดกิจการ มีเนื้อหาดังนี้

'อดีตผู้พิพากษา' ชำแหละ MOU 2543 เครื่องมือทางการทูต หรือ กับดักทางการเมือง

นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ MOU 2543 : เครื่องมือทางการทูต หรือกับดักทางการเมือง มีเนื้อหาดังนี้

ย้อนแย้ง 'อดีตประธานกสม.' แฉ 'นักสิทธิมนุษยชน' กลายเป็นผู้ละเมิดสิทธิของผู้อื่น

นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า เมื่อ “นักสิทธิมนุษยชน” กลายเป็นผู้ละเมิดสิทธิของผู้อื่น?