สมชัยยังกุมขมับ! บอกเคส สว.นันทนาเป็นเรื่องเข้าใจยาก

30 ต.ค.2568 – นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “กรณี สว. นันทนา เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก” ระบุว่า การลงมติของวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงถึง 130 ต่อ 26 ว่า มีการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อาจเป็นการใช้วิจารณญานข้างมากของวุฒิสภาวินิจฉัยที่ดูเป็นการทำลายฝ่ายตรงข้ามแบบมีอคติ มากกว่า การรักษามาตรฐานทางจริยธรรมของผู้เป็น สว.

ประมวลจริยธรรม ของ สว. เป็นไปตามมาตรฐานจริยธรรมที่บังคับใช้กับ ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ สส. สว. และรัฐมนตรี ที่ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ ส่วนที่ 1 จริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ส่วนที่ 2 จริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก และ ส่วนที่ 3 จริยธรรมทั่วไป โดยในประมวลจริยธรรมของ สว. มีเพิ่มส่วนที่ 4 คือ จริยธรรมที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ สว. และกรรมาธิการ

เมื่อพลิกอ่านประมวลจริยธรรมโดยละเอียดและด้วยใจเป็นกลาง พฤติกรรมการด้อยค่า สว. ที่มีอาชีพขายหมูว่ามีความไม่เหมาะสมที่จะได้รับโหวตให้เป็นกรรมาธิการพัฒนาการเมืองแทนที่จะเป็นตัวเองที่สอนด้านสื่อสารการเมือง หากจะมีผิดจริยธรรมก็น่าจะมีเพียงข้อที่ 31 ในส่วนที่ 4 จริยธรรมที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ สว. และกรรมาธิการ ประมวลดังกล่าว ที่ระบุว่า

“ต้องให้เกียรติและเคารพสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลของสมาชิก กรรมาธิการและผู้อื่น ไม่แสดงกริยาหรือใช้วาจาอันไม่สุภาพ ใส่ร้ายหรือเสียดสีบุคคลใด หรือนำเรื่องที่เป็นเท็จมาอภิปรายหรือให้ความเห็นในการประชุม”

การทำผิดในส่วนที่ 1 จริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยในส่วนอื่นไม่ถือว่าร้ายแรง แต่อาจตีความเป็นร้ายแรงได้ จาก “พฤติกรรม เจตนา ตำแหน่ง ความสำคัญของตำแหน่ง หน้าที่ความรับผิดชอบ อายุ ประวัติและความประพฤติของผู้นั้น มูลเหตุจูงใจ สภาพแวดล้อมแห่งกรณี ผลร้ายหรือความร้ายแรงของความเสียหาย” มาประกอบการพิจารณา

ส่วนการลงโทษ มี 2 ระดับ คือ หากผิดไม่ร้ายแรง วุฒิสภามีมติ ว่ากล่าว ตักเตือน ซึ่งต้องใช้เสียงเกินครึ่งของวุฒิสภา และมีมติว่าผิดร้ายแรง ให้ ส่ง ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการถอดถอนต่อไป ซึ่งใช้เสียง 3 ใน 5 ของวุฒิสภา

สว. มี 200 คน 3 ใน 5 คือ 120 คน การที่ สว. 130 คน ลงมติ จึงเป็นไปตามข้อกำหนดในข้อบังคับฯ

แม้จะถูกต้องครบถ้วนตามกติกา แต่สมาชิกข้างมากของวุฒิสภา กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ที่เข้าใจได้ยาก ว่าการกล่าวถ้อยคำข้างต้นถือเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานอย่างร้ายแรง และสร้างความรู้สึกแก่ประชาชนว่าเลือกปฏิบัติต่อฝ่ายตรงข้ามของตน เพราะในอดีตมีเรื่องราวของ สว. อีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ใช้วาจาไม่เหมาะสมต่อผู้อื่น มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ การใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อผู้อื่น กลับไม่มีการนำพิจารณาในเรื่องการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

กระบวนการคงเดินหน้าต่อไปที่ ป.ป.ช. ต้องมีการไต่สวนและลงมติจาก ป.ป.ช. เพื่อส่งไปยังศาลฎีกา หากศาลฎีกาประทับรับฟ้องต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ หากศาลฎีกาว่าผิด ต้องพ้นจากตำแหน่ง สว. นับแต่วันที่ประทับรับฟ้อง

คำว่า มาตรฐานจริยธรรม ที่ตั้งใจออกแบบเป็นเครื่องมือกำกับฝ่ายการเมือง วันนี้ อาจกลายเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมืองกันไปแล้ว คงต้องรอดูว่า ป.ป.ช. หรือ หากไปถึงศาล จะมีวินิจฉัยที่แปลกประหลาดตามหรือไม่

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สภาสูงตามบี้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นเจ้าภาพซีเกมส์

'กมธ.ติดตามงบประมาณ สว.' สอบเจ้าภาพ 'ซีเกมส์'ใช้งบคุ้มค่าหรือไม่ ด้าน 'กกท.'แจง เหตุใช้งบกลาง เพราะเงินที่มีไม่ครบถ้วน 'ภิญญาพัชญ์' เผยเรียกแจงเพิ่มสัปดาห์หน้าทำไมเปลี่ยนออแกไนซ์กลางคัน

ดร.ณัฏฐ์ ผ่าเกมแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 คือดักทาง ยุบสภาปี 68 เป็นศูนย์

นักกฎหมายมหาชนชี้ แก้รัฐธรรมนูญแม้ผ่านวาระ 2 ไม่ยาก แต่ต้องแช่แข็งร่าง 15 วันก่อนขึ้นวาระ 3 ทำเกมยุบสภาไร้ทางเกิดขึ้นภายในปีนี้ ขณะตัวแปรชี้ชะตาอยู่ที่เสียง สว. สีน้ำเงิน ในขั้นสุดท้ายก่อนประชามติ