'อนุทิน' นำ สตช. ตีปี๊บกวาดล้างสแกมเมอร์ 13 วัน จับกุม 7,004 คดี

“อนุทิน” นำ สตช.แถลง “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์” กวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ 13 วัน จับกุม 7,004 คดี นายกฯ ย้ำเคลียร์ไม่ได้ ไม่มีการเคลียร์ เจ้าหน้าที่คนใดเกี่ยวข้องดำเนินคดีเด็ดขาด มั่นใจภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ไม่มีอะไรที่ตำรวจทำไม่ได้ในสิ่งที่ถูกที่ชอบที่ควรด้วยกฎหมาย

10 พฤศจิกายน 2568 - นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการแถลงข่าวการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์” United Thailand Against Scammers ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข อาคารศูนย์ฝึกอบรม ตม. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย รอง ผบ.ตร. ประกอบด้วย พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์, พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง, พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร และผู้ช่วย ผบ.ตร., รองจเรตำรวจแห่งชาติ, ผู้บัญชาการและผู้แทนหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมงาน

ในการระดมกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยในการระดมกวาดล้างครั้งล่าสุดในห้วงตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2568 (รวม 13 วัน) มีผลการจับกุม รวม 7,044 คดี ผู้ต้องหา 7,174 คน เป็นการจับกุมดังนี้ 1.จับกุมคดีสำคัญที่เป็นองค์กรเครือข่าย รวม 90 คดี ผู้ต้องหา 315 คน 2. จับกุมคดี 14 ประเภท รวม 2,580 คดี ผู้ต้องหา 2,432 คน 3. จับกุมคดีเกี่ยวกับซิมผี บัญชีม้า รวม 795 คดี ผู้ต้องหา 759 คน 4. จับกุมอุปกรณ์การสื่อสารผิดกฎหมาย เช่น SIMBOX, False base station รวม 11 คดี ผู้ต้องหา 7 คน 5. สำรวจเสาส่งสัญญาณ และสายสัญญาณอินเทอร์เน็ตบริเวณแนวชายแดนทั่วประเทศ แยกเป็น เสาส่งสัญญาณ จำนวน 1,575 จุด และ สายสัญญาณอินเทอร์เน็ต จำนวน 105 จุด เพื่อส่งข้อมูลใน กสทช.ทำการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย

6. ตรวจสอบโกดังสินค้าในทุกพื้นที่ ที่มีความเชื่อมโยงกับขบวนการหลอกลวงส่งสินค้าโดยที่ประชาชนไม่ได้สั่งซื้อจริง หรือได้รับสินค้าไม่ตรงกับที่โฆษณาไว้ ซึ่งเป็นประเภทคดีที่มีผู้เสียหายมากที่สุดในขณะนี้ 7. ติดตามเงินคืนให้กับผู้เสียหาย (Money Cash Back) ได้รวม 234 ราย และจับกุมผู้ต้องหาได้ 224 คน โดยในวันนี้มีผู้เสียหายเดินทางมารับเงินคืนในงานแถลงข่าว รวมจำนวน 31 ราย เป็นเงินรวม 14,604,248 บาท (ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มโครงการ Money Cash Back กุมภาพันธ์ 2568-ปัจจุบัน สามารถคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้ 322 ราย เป็นจำนวนเงินรวม 312,014,202.15 บาท)

8. สกัดกั้นคนไทยที่จะเดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปร่วมขบวนการ Scammer ได้ 123 ครั้ง 201 คน 9. ปฏิบัติการขยายผลเส้นทางการเงินต้องสงสัยจากศูนย์ War Room รวม 128 ราย ผู้ต้องหา 133 คน 10. มีการระดมจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยในห้วงวันที่ 1 – 8 พฤศจิกายน 2568 (รวม 8 วัน) จับกุมได้ 965 คน 11. จับกุมคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น การพนันออนไลน์, จำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ ฯลฯจำนวน 3,083 คดี ผู้ต้องหา 3,103 คน

12. สืบสวนจับกุมเว็บไซต์ แพลตฟอร์ม สื่อออนไลน์ช่องทางต่างๆ ที่โฆษณาเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ โดยเน้นจับกุมผู้จัดให้มีการเล่นและผู้ประกาศโฆษณาชักชวน โดยเฉพาะอินฟูลเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง และขยายผล ยึดและอายัดทรัพย์สิน โดยในห้วงวันที่ 1 – 8 พฤศจิกายน 2568 (8 วัน) จับกุมผู้จัดให้มีการเล่นและผู้โฆษณาชักชวนบนสื่อออนไลน์ ได้ 22 ราย ผู้ต้องหา 27 คน (ทั้งนี้ ในห้วงวันที่ 1 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2568 ในภาพรวมมีการจับกุมเครือข่ายการพนันออนไลน์รายใหญ่ 26 ราย ผู้ต้องหา 196 คน ตรวจยึดทรัพย์สิน 41,720,000 บาท)

13. ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอปิดกั้นเว็บไซต์ แพลตฟอร์ม สื่อออนไลน์ช่องทางต่างๆ ที่โฆษณาชักชวนหรือเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ รวมทั้งที่กระทำผิดกฎหมายอื่นๆ เช่น ยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า อาวุธปืน โดยในห้วงวันที่ 1 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2568 เสนอปิดกั้นที่เกี่ยวกับการพนันออนไลน์และที่กระทำผิดกฎหมายอื่นๆ ดังนี้ 1-31 ต.ค. 68 : ปิดเว็บไซต์การพนันออนไลน์ 22,416 URL, ปิดแพลตฟอร์มการพนันออนไลน์และที่ผิดกฎหมายอื่นๆ (Facebook/YouTube/X/TikTok/Line) 4,984 ครั้ง 1-5 พ.ย.68 : ปิดเว็บไซต์การพนันออนไลน์ 15,978 URL, ปิดแพลตฟอร์มการพนันออนไลน์และที่ผิดกฎหมายอื่นๆ (Facebook/YouTube/X/TikTok/Line) 3,818 ครั้ง รวม ปิดเว็บไซต์การพนันออนไลน์ 38,394 URL, ปิดแพลตฟอร์มการพนันออนไลน์และที่ผิดกฎหมายอื่นๆ (Facebook/YouTube/X/TikTok/Line) 8,802 ครั้ง

นายอุทิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เป็นวันการแสดงจุดยืนร่วมกันอีกครั้งว่าทุกภาคส่วนของประเทศที่จะร่วมกันปราบปรามอาชญากรรมสแกมเมอร์ให้มหดไปจากประเทศไทย อาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เราเผชิญอยู่ตอนนี้สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนทุกระดับไม่ว่าจะเป็นคนทำงาน ประชาชน แม่ค้าออนไลน์ เยาวชนไปจนถึงผู้สูงอายุที่รับโทรศัพท์คนแปลกหน้าแทรกเข้ามาได้ถึงทุกพื้นที่ในบ้านของประชาชน เราต้องเร่งปราบปรามสแกมเมอร์ให้หมดไปจากประเทศไทย

ปัญหาสแกมเมอร์นั้นไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องของความเชื่อมั่นของประชาชน ของประเทศ ของระบบเศรษฐกิจการค้าการลงทุนและเป็นตัวชี้วัดของรัฐบาลรัฐบาล จึงได้ประกาศกับสงครามสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติและในวันนี้ผมก็ได้ใช้โอกาสนี้มารายงานความคืบหน้าเพิ่มหน้า รัฐบาลจึงได้จัดตั้งคณะอำนวยการคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามอารยธรรมทางเทคโนโลยีขึ้นมา โดยมีผมเป็นประธานเพื่อให้ทุกหน่วยงานทำงานภายในทิศทางเดียวกันในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่าง 15 หน่วยงานหลักทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนสถาบันการเงินเพื่ออุดช่องโหวตทางการเงินและตัดเส้นเงินของกระบวนการอาชญากรรมเหล่านี้ให้เสร็จ เราเปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นเชิงรุก

โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สะท้อนถึงความก้าวหน้าอย่างชัดเจนที่ผ่านมาเราได้อายัดทรัพย์สินเป็นจำนวนเงินหลายหมื่นล้านบาท เพิกถอนวีซ่าผลักดันผู้กระทำความผิดชาวต่างชาติออกนอกประเทศ ตลอดจนเพิกถอนสัญชาติและกำจัดบัญชีม้าได้แล้วเป็นจำนวนมาก ทั้งหมดนี้คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

อย่างไรก็ดีในฐานะนายกรัฐมนตรีทราบดีว่าพี่น้องประชาชนมีคำถามและบางคนอาจตั้งข้อสงสัยว่าในเครือข่ายอาชญากรรมเช่นนี้ มีคนของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องโดยหรือไม่ ผมขอเรียนให้ทุกท่านได้ทราบว่ารัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจและรับฟังทุกเสียงสะท้อนที่เกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยงานได้ทำงานอย่างเต็มที่ในภารกิจนี้และขอความร่วมมือว่าหากท่านใดมีข้อมูลว่ามีนักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปพัวพันขอให้ส่งข้อมูลถึงผู้บังคับบัญชาในหน่วยงานซึ่งมีอำนาจหน้าที่ ที่จะดำเนินการเรื่องนี้โดยตรง

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรีหัวหน้ารัฐบาลและเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบสูงสุด อย่างที่เรียนเรื่องนี้เคลียร์ไม่ได้ ไม่มีการเคลียร์ เรื่องนี้ทำงานดูจากพฤติกรรมพฤติการณ์และความเดือดร้อนของที่น้องประชาชนเป็นสำคัญ ไม่รู้ถ้าชื่อคนไหนโผล่ออกมาคนนั้นต้องถูกดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดและเด็ดขาดไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะให้ความคุ้มครองพวกแจ้งเบาะแสอย่างเต็มที่และอยากจะขอย้ำว่า ให้แจ้งในช่องทางที่มีอำนาจหน้าที่โดยไม่รอช้าเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการได้อย่างทันท่วงทีและถูกต้องตามกฎหมาย

อีกเรื่องที่อยากขอความร่วมมือคือร่วมกันบอกเรื่องราวให้ความรู้ความเข้าใจกับสังคมเกี่ยวกับกลเม็ดในการล่อลวงต่างๆของสแกมเมอร์ เพราะอาชญากรเหล่านี้จะใช้ความไม่รู้ ความไม่เข้าใจของเราเป็นอาวุธและวิธีที่จะสู้ได้ดีที่สุดคือทำให้ประชาชนรู้เท่าทัน วันนี้ขอให้พี่น้องประชาชนยึดหลักเกณฑ์ 3 ข้อไม่ยากคือ ไม่เชื่อ ไม่รีบ และไม่โอน ซึ่งจะช่วยให้เรามีสติพิจารณาอย่างครอบครองและป้องกันการถูกล่อลวงได้ หากมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆมีการส่งลิงก์ให้กรอกข้อมูลส่วนตัวและหยุดยืนยันตัวตนสันนิษฐานว่าเป็นมิจฉาชีพ รัฐบาลจะเดินหน้าและรณรงค์อย่างต่อเนื่องและดำเนินการทุกวิถีทางทุกช่องทางเพื่อให้คนไทยทุกวัยรู้ทันสแกมเมอร์และปกป้องตนเองได้

“ยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่ศูนย์กลางสแกมเมอร์ นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่าผู้รักษากฎหมายไม่ยินยอมให้เกิดการดำเนินการของสแกมเมอร์อย่างเป็นรูปธรรมได้ สิ่งที่เราจะทำคือต้องแสวงหาความร่วมมือต่างๆการกดดันถ้ามีความจำเป็นต่อประเทศที่ยังให้เปิดโปรแกรมเมอร์เหล่านี้ใช้พื้นที่ของเขาเป็นศูนย์กลางดำเนินการอยู่ รัฐบาลยินดีที่จะสนับสนุนในทุกวิถีทางทุกช่องทาง ขอความร่วมมือไปยังช่องทางโซเชียล ไลน์ เฟ๊ซบุ๊ก หรือแฟลตฟอร์ม แอฟิเคชั่นต่างๆเพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่สแกมเมอร์อาชญากรใช้เป็นช่องทางในการติดต่อกับประชาชน

พวกเราต้องดำเนินการปิดทุกช่องทางและมั่นใจเหลือเกินว่าภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ในสิ่งที่ถูกที่ชอบที่ควรด้วยกฎหมาย ในฐานะรัฐบาลขอเป็นกำลังใจและสนับสนุนทุกรูปแบบในทุกสิ่งที่อำนาจหน้าที่นิยมเพื่อให้ภารกิจของประชาชนของตำรวจบรรลุเป้าหมายเป็นอย่างดีก่อให้เกิดประโยชน์อันสูงสุดต่อประเทศชาติ”นายอนุทิน กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใครกล้าทำ นายกฯ โวทำงาน2เดือนปราบสแกมเมอร์ ยึดเงินหมื่นล้าน คนบอกไม่ดำเนินคดีไม่รู้เรื่อง

นายกฯ ย้ำ รัฐบาลทำงาน2เดือนจริงจังปราบสแกมเมอร์ ยึดเงินหมื่นล้าน - เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกคนบอกไม่ดำเนินคดีคือ ไม่รู้เรื่อง

บึ้มสนั่น! หนุ่มโรงงานลอบทำพลุขายปีใหม่ พลาดเจ็บสาหัส

ศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบนจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับแจ้งเกิดเหตุพลุระเบิด ที่ห้องเช่าเป็นห้องแถว หมู่ที่ 3 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ