เหนื่อยแทนทหารแนวหน้า! 'บิ๊กเล็ก' ไฟเขียวกฎการใช้กำลัง ให้เจรจา-เตือน-ยิงตรง หากเขมรรุกล้ำ

"บิ๊กเล็ก" ไฟเขียวกฎการใช้กำลังสามขั้น เจรจา-เตือน-ยิงตรง หากเขมรรุกล้ำหลังมีคลิปเผชิญหน้าที่ช่องอ่านม้า ขณะที่กองทัพพร้อมหนุน กต. ช่วยเหลือคนไทยที่ถูกสแกมเมอร์หลอกไปทำงานในกัมพูชา

19 พฤศจิกายน 2568 - ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงการแก้ปัญหาสแกมเมอร์ โดยเฉพาะการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ได้สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศใช้กลไกกระทรวงการต่างประเทศในการตรวจสอบข้อมูล และการปฏิบัติงานในด้านนี้ จะต้องขับเคลื่อนโดยคณะกรรมการ ปราบปรามสแกมเมอร์ที่รัฐบาลตั้งขึัน แต่หากรัฐบาลมอบหมายให้กองทัพดำเนินการก็พร้อมสนับสนุนงานด้านนี้ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีการประสานมา และยังอยู่ในขั้นของกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการ ซึ่งทราบว่า กำลังตรวจสอบข้อมูลอยู่

ส่วนกรณีที่กัมพูชาใช้สงครามข่าวสาร และปล่อยเฟกนิวส์รายวัน เรื่องนี้ทางกัมพูชามีการเตรียมสร้างสถานการณ์ และวางทุกอย่างไว้หมดแล้ว

พร้อมย้ำว่าไทยไม่มีการสร้างสถานการณ์ แต่ยึดตามข้อเท็จจริง พร้อมย้ำว่าได้พยายามชี้แจง เรื่องต่างๆด้วยความรวดเร็ว เช่น การนำคณะผู้สังเกตการณ์หรือ AOT ลงพื้นที่ และ ทีมโฆษกของกระทรวงกลาโหมก็จะพยายามชี้แจงข่าวสารให้รวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งปรับการชี้แจงของกองทัพให้เป็นเอกภาพมากขึ้น แต่ต้องขอความเห็นใจ เพราะในบางเรื่องต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ถ้ามีประเด็นเกี่ยวข้องกับเหล่าทัพใดก็ให้เหล่าทัพนั้นเป็นผู้ชี้แจง

ส่วนกรณีการมอบนโยบายให้กองทัพเตรียมพร้อมสูงสุดหากเกิดสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำว่า ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดการปฏิบัติ แต่ทั้งนี้ ถ้ามีกำลังของฝ่ายกัมพูชารุกล้ำเข้ามา ฝ่ายไทยก็จะปฏิบัติตามกฎการใช้กำลัง เริ่มจากการเตือน ด้วยวาจา แต่หากยังรุกล้ำ ก็จะยิงเตือน และถ้ารุกล้ำเข้ามาอีกก็ต้องยิงตรง

ส่วนกรณีที่กัมพูชานำเชลยศึกที่ถูกปล่อยตัวไปมาอยู่ในพื้นที่แนวหน้าเพื่อสร้างสถานการณ์นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า กองทัพยังไม่ดำเนินการใดๆ แต่ได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศให้ประณามการกระทำดังกล่าวเพราะการทำลักษณะนี้ผิดอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งที่ผ่านมากัมพูชาได้ดำเนินการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาและอนุสัญญาออตตาวา หลายครั้ง

ดังนั้นทางกัมพูชาก็คงไม่ให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ แต่ขอยืนยันว่า ไทยก็ต้องประนามต่อไป เพื่อเป็นการเก็บรวบรวมประเด็นเหล่านี้ไว้ เมื่อถึงเวลาจำเป็นอย่างน้อย การประณามก็จะทำให้กัมพูชาขาดการยอมรับจากนานาชาติ และขาดความน่าเชื่อถือ ทั้งนี้หากกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยเมื่อไหร่จะดำเนินการตามกฎการใช้กำลังอย่างแน่นอน

ส่วนไทยจะใช้กรณีนี้เพื่อแสดงให้เห็นเหตุถึงเหตุจำเป็นที่จะไม่ปล่อยเชลยศึก 18 คนที่เหลือหรือไม่นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมย้ำว่า ไทยไม่ได้ใช้เรื่องนี้มาเป็นตัวกำหนด แต่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่า หากกัมพูชายังไม่สิ้นสุดความเป็นปรปักษ์ก็ไม่สามารถปล่อยตัวเชลยศึก 18 คนได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่

นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล

นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีความพร้อมเต็มที่ ดูแล-อพยพประชาชน

นายกฯ มอบนโยบายชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดเตรียมแผนดูแลประชาชน เผย ยืมสตาร์ลิงค์ทหารไว้สื่อสารแล้วเปรียบ ”ชรบ.“ เป็นกำแพงมหึมาดูแลแนวหลังให้ปลอดภัย - สร้างความสบายใจให้ทหารไม่ต้องพะวงหลังห่วงครอบครัว ชี้ ใครคิดรบกับไทยคงประสาทไม่ดี

โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน

รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568

หวิดเสียขาที่ 8! ทภ.2 แจงทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย เป็นของเก่ากัมพูชาวางไว้

กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงเหตุการณ์เสียงระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 14.20 น. หน่วย ร้อย.ร.1622 ซึ่งปฏิบัติภารกิจในพื้นที่