'บิ๊กโจ๊ก' เข้าแจง 'กมธ. การกฎหมายฯ สว.' ซัดตำรวจซื้อขายตำแหน่ง เป็นเรื่อง 'เลวระยำ' ลั่น ถ้าเราไม่ส่งเสริม ลูกน้องก็ไม่กล้าทำ ชี้ จากคนไร้อำนาจ พอขึ้นมาก็เอาหมดทุกอย่าง จี้ 'ผบ.ตร.' หากบอกไม่เกี่ยว ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ เอาผิดคนเกี่ยวข้องทั้งหมด บีบ 'นายกฯ หนู' รีบตัดสินใจ หากปล่อยไปเสี่ยงละเว้นปฏิบัติหน้าที่
19 พฤศจิกายน 2568 - ที่รัฐสภา พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนการเข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมายและการยุติธรรม วุฒิสภา กรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สแกมเมอร์ และเว็บพนัน ว่า วันนี้เป็นข้อมูลคล้ายเดิมกับข้อมูลที่เคยให้กับคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฎิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แต่อาจจะมีเพิ่มเรื่องเส้นเงินนิดหน่อย
โดยในวันที่ 26 พ.ย. ซึ่งจะเข้าให้ข้อมูลต่อ กมธ.ความมั่นคงฯ สภาฯ จะมีมากกว่านี้ คือเรื่องการซื้อขายตําแหน่งที่เป็นข่าวอยู่ เนื่องจาก นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ซึ่งได้ข้อมูลส่วนนี้มาพอสมควรแล้ว เพียงรอเวลาให้ข้อมูลต่อ กมธ.ความมั่นคงฯ สภาฯ และได้มีการเปิดเผยจากหลายภาคส่วนออกมาแล้ว วันนี้นายอัจฉริยะจึงไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ
"องค์กรตํารวจวันนี้มันพังพินาศ เพราะคนที่ขึ้นมาเป็น ผบตร. ถ้าคนที่ขึ้นมาอย่างเหมาะสม องค์กรตํารวจเราต่อสู้กับเรื่องอย่างนี้มาอย่างยาวนาน ในเรื่องซื้อขายตําแหน่ง เป็นเรื่องที่เลวระยำมาก แต่วันนี้องค์กรเรา จะยุบ ผบ.ตร.ต่อศักดิ์ ทั้งส่วยเว็บพนัน ส่วยต่างๆ ยาเสพติด ยังจะยุบ ผบ.ตร.กิตติ์รัฐอีก และยังมาเจอเรื่องซื้อขายตําแหน่งอีก คุณไม่มีทางปฏิเสธได้เลยว่า คุณไม่รู้เรื่อง เพราะมันเป็นลายของตัวเอง" พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ กล่าว
พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ กล่าวต่อว่า เรื่องการซื้อขายตําแหน่งต่างๆ แสดงว่ามีคนที่ไม่พอใจ เมื่อเอาตังค์เขาไปแล้ว ก็ไม่ดําเนินการให้เขา ต้องกราบเรียนว่า ถ้าวันนี้ พลตำรวจเอกกิตติรัตน์ พันธุ์เพชร์ ผบ.ตร. จะแสดงความบริสุทธิ์ใจ ต้องดําเนินคดีกับผู้ที่มาขอให้แต่งตั้ง ตามพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ มาตรา 87 ระบุ ผู้ขอให้แต่งตั้งหรือไม่แต่งตั้งเป็นความผิดทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น พลตำรวจเอกกิตติรัตน์จะต้องดําเนินคดีกับทุกคนที่มาขอ หรือส่งไลน์มา และรวมถึงภรรยาของตัวเองด้วย หากตัวเองไม่เกี่ยวข้องจริงๆ พร้อมย้ำว่า วันนี้ท่านปฏิเสธไม่ได้ เพราะมันร้อนทุกหัวระเหง ไม่มีใครเขาทำระยําแบบนี้ ถ้าเราไม่ส่งเสริม ลูกน้องก็ไม่กล้าทำ เห็นหรือไม่ว่า วันนี้ตํารวจกล้าโอนเงินจากบัญชีเว็บไซต์พนันเข้าบัญชีของตัวเอง ไม่รวมภาพกระเป๋า เงินสด นาฬิกา รถ ที่สามารถไปตรวจสอบได้หมด
"คนนี้มาจากคนไม่มีอำนาจ พออยู่ๆ มีอํานาจ โห เอาหมดทุกอย่าง เหมือนคนไม่เคยเจอของ เว็บพนันก็เอา ซื้อขายตำแหน่งก็เอา ไม่เลือก เราต้องรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ปล่อยข้างล่างให้เขาแต่งตั้งกันไป อย่าเอื้อมมือไปล้วง นอกจากนั้น ยังทราบมาว่า มีโควตาตำแหน่งด้วย" พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ กล่าว
พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ยืนยันว่า การเปิดเผยเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคดีของตนเอง มันคนละเรื่องกัน ขออย่าทำให้สังคมบิดเบือน ถามว่าคดีของตนเองเกี่ยวข้องอะไรกับนายชนนพัฒน์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม จะไปเกี่ยวอะไรกับเว็บพนันที่จ่ายให้ตำรวจไซเบอร์ มันคนละประเด็นกัน
ส่วนที่ พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองจเรตำรวจแห่งชาติ ขอให้ประชาชนคิดก่อนฟังข้อมูลที่ตนเผยแพร่นั้น สิ่งที่ที่ตนพูดไม่ได้คาดหวังให้ประชาชนเชื่อ แต่อย่าคิดว่าประชาชนโง่ การที่พูดเช่นนี้ เป็นการดูถูกประชาชน เค้ารู้ว่าอะไรคือเท็จหรือจริง ตนตามพยานหลักฐานและเอกสาร ส่วนคดีความของตนขอให้ประชาชนตราหน้าไปว่าตนผิด ตนจะต่อสู้เอง แต่วันนี้สิ่งที่ประชาชนสงสัยคือเหตุใดถึงเลือกดำเนินคดีแค่กับตน อีกทั้งตำรวจ 200 คน ที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันก็ยังทำงานอยู่ตามปกติ
“ถ้านายกฯ หนู ไม่สั่งให้ ผบ.ตร. หยุดปฎิบัติหน้าที่หรือให้ไปช่วยราชการดังนั้น ก็จะต้องโดนเรื่องละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ด้วย ผมไม่เชื่อว่านายกฯ หนูจะรับเงินรับทอง แต่ประชาชนสงสัยว่ารับประโยชน์อื่นใดหรือเปล่า นายกฯ หนูจึงต้องรีบตัดสินใจ” พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ กล่าว
จากนั้น ในช่วงต้นของประชุมกรรมาธิการฯ ที่มี พลตำรวจโทบุญจันทร์ นวลสาย สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ เป็นประธานในที่ประชุม ได้กล่าวขอบคุณ พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ที่เดินทางมาให้ข้อมูล รวมถึงสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าว
พลตำรวจโทบุญจันทร์ กล่าวด้วยว่า ตามที่มีหลายคนถามว่าเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในประเทศ สว. มีไว้ทำอะไร ก็เพื่อการนี้แหละ เรามาศึกษาวิเคราะห์ว่า ข้อมูลที่ พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ชี้แจงมากับทางเรา เราจะส่งตรงไปสู่ผู้บริหารประเทศ รวมถึงผู้บริหารหน่วยงานราชการ ให้ได้ปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้บ้านเมืองเราดูดีในสายตาชาวโลก
อย่างไรก็ตาม เลขาธิการคณะกรรมาธิการฯ ได้แจ้งว่า ตามที่ได้เรียนเชิญทั้ง พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ และ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม มาชี้แจงต่อกรรมาธิการฯ นายอัจฉริยะแจ้งว่า ไม่ได้มาร่วมการประชุม จึงคงเหลือพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ทั้งนี้ ก่อนที่เมื่อจะเข้าสู่วาระการประชุม ประธานในที่ประชุม ได้เชิญสื่อมวลชนออกจากห้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
เพื่อไทยกระอัก! 'อนุทิน' ย้อนเจ็บ มีภาพคู่ทักษิณเยอะ ไม่เห็นมีปัญหา
"อนุทิน" เหน็บ "สุริยะ-โฆษกเพื่อไทย" ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่ได้ร่วมวง การสนทนาสำหรับผมต้องระดับสูงขึ้นไป ย้อนเจ็บภาพถ่ายคู่ทักษิณก็มีตั้งเยอะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ
โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ
'อนุทิน' รับรู้จัก 'เบน สมิธ' แต่ไม่สนิท ชี้ภาพเก่า 10 ปี รู้อยู่แล้วใครปล่อย
“อนุทิน” รับรู้จัก “เบนสมิท” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน ชี้ภาพที่เห็นออกเป็นรูปเก่า10ปี บอกสื่อก็รู้ว่าใครปล่อย ยันถ้าสนิททำไมไม่ได้สัญชาติ ไทย รับเป็นเหตุต้องพ้น มท. 1 โต้ “โรม” รู้จักผมน้อยไป หลังวิจารณ์ไม่ตั้งใจปราบสแกมเมอร์
เพจดังงัดภาพใหม่กว่า ตบหน้าแฟนคลับพรรคแดง ขว้างงูไม่พ้นคอ ทักษิณก็รู้จัก 'เบน สมิธ'
จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หลังปรากฏภาพนายเบน สมิธ ถ่ายร่วมเฟรมกับบุคคลระดับสูงในแวดวงการเมืองไทย ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง


