รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมประกาศอย่างเป็นทางการว่า ความรุนแรงที่กองทัพเมียนมากระทำต่อชนกลุ่มน้อยชาวโรฮีนจาถือเป็นการ "ล้างเผ่าพันธุ์" คาดจะนำไปสู่การคว่ำบาตรและตัดความช่วยเหลือเพิ่มเติม

เอเอฟพีรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2565 อ้างเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลสหรัฐว่า แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ เตรียมจะประกาศอย่างเป็นทางการว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตัดสินใจจะเรียกการปราบปรามชนกลุ่มน้อยชาวโรฮีนจาในเมียนมาว่าเป็นการล้างเผ่าพันธุ์อย่างเป็นทางการ ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในกรุงวอชิงตันวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น
การปราบปรามของกองทัพเมียนมาในรัฐยะไข่ทางภาคตะวันตกของประเทศเมื่อปี 2560 ส่งผลให้ชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮีนจาไม่ต่ำกว่า 730,000 คน อพยพหนีข้ามชายแดนเข้าบังกลาเทศ พร้อมกับคำบอกเล่าเกี่ยวกับการเข่นฆ่า, ข่มขืนหมู่ และวางเพลิงชุมชนชาวโรฮีนจา ปัจจุบันมีชาวโรฮีนจาอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยที่บังกลาเทศราว 850,000 คน ส่วนที่รัฐยะไข่ ยังหลงเหลือชาวโรฮีนจาอีกราว 600,000 คน ที่รายงานเผชิญการกดขี่อย่างกว้างขวาง
ชาวโรฮีนจารายหนึ่งในค่ายพักพิงสำหรับผู้ไร้ถิ่นฐานใกล้เมืองซิตตเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ กล่าวว่า เรื่องนี้ควรทำตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่ตนก็เชื่อว่าการตัดสินใจของสหรัฐจะเอื้อกระบวนการพิจารณาคดีสำหรับชาวโรฮีนจาในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ)
บลิงเคนเคยกล่าวไว้ระหว่างเดินทางเยือนมาเลเซียเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาอย่างแข็งขันว่าการปฏิบัติต่อชาวโรฮีนจาถือเป็นการล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเคยเผยแพร่รายงานฉบับหนึ่งเมื่อปี 2561 ให้รายละเอียดเกี่ยวกับความรุนแรงต่อชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่ว่า มีความรุนแรง, ขนาดใหญ่, กว้างขวาง และดูเหมือนว่ามีเป้าหมายเพื่่อสร้างความหวาดกลัวต่อประชากรชาวโรฮีนจาและขับไล่พวกเขาออกไป
นิวยอร์กไทมส์กล่าวว่า การกำหนดการล้างเผ่าพันธุ์ตามกฎหมาย ซึ่งตามคำนิยามขององค์การสหประชาชาติ หมายถึง การกระทำที่ตั้งใจกระทำเพื่อทำลายกลุ่มชาติ, ชาติพันธุ์, เชื้อชาติ หรือศาสนา ทั้งหมดหรือบางส่วน อาจนำไปสู่ลงโทษรัฐบาลทหารเมียนมาเพิ่มขึ้น เช่น การคว่ำบาตรและการจำกัดความช่วยเหลือเพิ่มเติม
สหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรพวกผู้นำทหารเมียนมาแล้วหลายประการ สืบเนื่องจากข้อกล่าวหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติจากการกระทำทารุณโหดร้ายต่อชาวโรฮีนจา และยังจำกัดด้านอาวุธเช่นเดียวกับอีกหลายชาติในโลกตะวันตก มาตั้งแต่ก่อนหน้าการก่อรัฐประหาร
การพิจารณาคดีในไอซีเจหรือศาลโลกตามคำฟ้องของรัฐบาลแกมเบียเมื่อปี 2562 เผชิญปัญหายุ่งยากสืบเนื่องจากการก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนของนางอองซาน ซูจี เมื่อปีที่แล้ว ปัจจุบันนางซูจี ซึ่งเคยรับหน้าที่แก้ต่างให้พวกนายพลในศาลแห่งนี้ กำลังถูกกักบริเวณในบ้านพักและกำลังถูกดำเนินคดีด้วยข้อกล่าวหามากมาย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
3 ชาติผนึกกำลังทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทุบ 'KK Park - ชเวก๊กโก' ราบคาบ เตรียมหิ้วตัวกลับจีนล็อตใหญ่
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอ
'ผบ.ทสส.' ฮึ่ม! ใช้กฎการใช้กำลัง หากกระสุนรบเมียนมา-ชนกลุ่มน้อยตกชายแดนไทยอีก
ผบ.ทสส. รับทราบรายงานกระสุนรบเมียนมา-ชนกลุ่มน้อย ตกชายแดนไทย บอก ประสานพื้นที่แจ้งเตือนแล้ว หากเกิดซ้ำ เตรียมใช้กฎการใช้กำลัง พร้อมเตรียมสั่งอพยพ ปชช.จากที่เสี่ยง
ครม. เห็นชอบต่อใบอนุญาตทำงานให้คนต่างด้าว 3 สัญชาติ
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้กับคนต่างด้าว 3 สัญชาติ
ทหารยกระดับคุมเข้มชายแดนไทย-เมียนมา ป้องรุกล้ำอธิปไตย
ทหารไทยหน่วยเฉพาะกิจรามนู กองกำลังนเรศวร พร้อมอาวุธปืนหนัก-รถยานเกราะ นำกำลังพลออกลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา และวางกำลังตามจุดล่อแหลม
ทหารเมียนมาเปลี่ยนจุดบึ้ม 'เคเคปาร์ค' ส่วนตึก 5 ชั้นเอียงใกล้ถล่ม
ทหารเมียนมาร่วมกับกะเหรี่ยงกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF.) พันธมิตรของทหารเมียนมา ยังคงเดินหน้าวางระเบิดทำลายอาคาร สำนักงานในพื้นที่เมืองเอ่งจี่เหมี่ยง
ทบ. คุมเข้มชายแดนไทย-เมียนมา ต่างด้าวทะลักข้ามฝั่งกว่า 1,500 คน ชาวอินเดียมากสุด
ทบ.เผยสถานการณ์ชายแดนไทย–เมียนมา ยังคงเฝ้าระวังใกล้ชิด หลังแรงงานต่างชาติหลบหนีจากพื้นที่โครงการ KK-Park ข้ามมายังฝั่งไทยกว่า 1,500 คน

