สหรัฐฯ หยุดจ่ายน้ำในหลายรัฐรวมถึงเม็กซิโก หลังเผชิญภัยแล้งหนัก

น้ำประปาในบางรัฐของสหรัฐฯ และเม็กซิโกจะถูกตัดการจ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลายครั้งใหญ่ของแม่น้ำโคโลราโด

แฟ้มภาพ ส่วนหนึ่งของแม่น้ำโคโลราโด ในแกรนด์แคนยอน รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา (Photo by RHONA WISE / AFP) 

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 กล่าวว่า หลายรัฐในสหรัฐอเมริการวมถึงเม็กซิโกจะถูกตัดน้ำใช้ หลังปริมาณน้ำในแม่น้ำโคโลราโดลดระดับลงเรื่อยๆจนน่ากังวล

เจ้าหน้าที่รัฐบาลในกรุงวอชิงตันดีซีกล่าวเมื่อวันอังคารว่า “เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลายของระบบนิเวศในแม่น้ำโคโลราโด การใช้น้ำในลุ่มน้ำจะต้องลดลง”

ปริมาณน้ำฝนที่ตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมากว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโคโลราโด ซึ่งถือเป็นแหล่งน้ำหลักทางภาคตะวันตกของสหรัฐฯ อยู่ในขั้นวิกฤต เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์ ทำให้วงจรภัยแล้งตามธรรมชาติรุนแรงมากขึ้น

แม้จะมีคำเตือนสถานการณ์มาหลายปี และมีการออกคำสั่งเด็ดขาดจากรัฐบาลกลาง แต่บรรดารัฐที่พึ่งพาแม่น้ำโคโลราโดก็ไม่สามารถลดการใช้น้ำลงได้ จนในที่สุดรัฐบาลกลางต้องออกคำสั่งและมาตรการเด็ดขาดเมื่อวันอังคาร เพื่อดำเนินการอย่างจริงจังก่อนสถานการณ์จะย่ำแย่เกินแก้ไข

การจัดสรรน้ำในแม่น้ำให้แก่รัฐแอริโซนาจะลดลง 21% ในปี 2566 ในขณะที่รัฐเนวาดาจะได้รับน้ำน้อยลงกว่าเดิม 8%  ส่วนการจัดสรรน้ำจากแม่น้ำไปยังเม็กซิโกจะลดลงจากเดิม 7%

แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นแหล่งบริโภคน้ำในแม่น้ำรายใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในรัฐทางตะวันตก จะไม่ได้รับผลกระทบในปีหน้า

แม่น้ำโคโลราโดในเทือกเขาร็อคกี้ ไหลผ่านรัฐโคโลราโด, ยูทาห์, แอริโซนา, เนวาดา, แคลิฟอร์เนีย  และเม็กซิโกตอนเหนือ ก่อนไหลลงสู่อ่าวแคลิฟอร์เนีย

แต่ปริมาณน้ำฝนที่ลดลงและอุณหภูมิที่สูงขึ้นจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลในปริมาณมหาศาลของมนุษยชาติ ทำให้น้ำในแม่น้ำไม่เพียงพอสำหรับประชากรหลายสิบล้านคนและพื้นที่เกษตรกรรมอีกนับไม่ถ้วน

การก้าวเข้ามาจัดการของรัฐบาลกลางสร้างความไม่พอใจให้กับบางรัฐเพราะมองว่าถูกลดปริมาณน้ำอย่างไม่เป็นธรรม ขณะที่บางรัฐอย่างแคลิฟอร์เนีย กลับไม่ได้รับผลกระทบ

ทอมมี โบโดรว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยสหรัฐฯ กล่าวว่า หน่วยงานของเขาซึ่งดูแลการจัดหาน้ำของประเทศ กำลังบริหารจัดการทรัพยากรทั้งหมดที่มีเพื่ออนุรักษ์น้ำ และรับประกันว่าระบบชลประทาน สำหรับผู้คน, ชนเผ่า และชุมชนในลุ่มน้ำ จะได้รับการจัดสรรอย่างเพียงพอ"

"วิกฤตภัยแล้งรุนแรงซึ่งส่งผลกระทบต่อลุ่มน้ำโคโลราโดได้รับอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งอุณหภูมิที่ร้อนจัดและปริมาณน้ำฝนต่ำ" โบโดรว กล่าว และเสริมว่า "ในทางกลับกัน สภาพภัยแล้งที่รุนแรง จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงจากไฟป่าและการหยุดชะงักของระบบนิเวศ ซึ่งเพิ่มความตึงเครียดให้กับชุมชนและภูมิประเทศโดยรวม"

ทางตะวันตกของสหรัฐฯ กำลังประสบกับภัยแล้งต่อเนื่องเป็นปีที่ 23 ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 1,000 ปี และความแห้งแล้งดังกล่าวจะทำให้พื้นที่ของประเทศเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าที่รุนแรงขึ้นและทำลายล้างมากขึ้น.