'มิน อ่อง หล่าย' ลดโทษให้ 'อองซาน ซูจี' เหลือจำคุก 2 ปี

สื่อทางการเมียนมาเผย พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลเมียนมา ให้อภัยโทษโดยลดโทษจำคุกนางอองซาน ซูจี และอดีตประธานาธิบดีวิน มยิน จากจำคุก 4 ปี เหลือ 2 ปี ขณะนานาชาติรุมประณาม

เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม 2564 ศาลพิเศษของเมียนมาในกรุงเนปยีดอมีคำพิพากษาจำคุก 4 ปี นางซูจี อดีตผู้นำรัฐบาลพลเรือนที่โดนทหารยึดอำนาจ และอดีตประธานาธิบดีวิน มยิน จากความผิด 2 กระทง ฐานยุยงต่อต้านทหารและฝ่าฝืนกฎหมายควบคุมโรคระบาด โดยลงโทษจำคุกกระทงละ 2 ปี แต่ต่อมาในวันเดียวกัน สถานีโทรทัศน์ของทางการเมียนมารายงานว่า พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย มีคำสั่งอภัยโทษลดโทษบางส่วนแก่ทั้งคู่ เหลือโทษจำคุกคนละ 2 ปี

สื่อทางการเมียนมารายงานด้วยว่า นางซูจีและวิน มยิน จะรับโทษในสถานที่ที่พวกเขาถูกควบคุมตัวอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่เปิดเผย บ่งชี้ว่าทั้งคู่จะไม่ถูกส่งเข้าคุก

คำพิพากษาจำคุกนางซูจี ซึ่งเป็นคดีแรกจากข้อกล่าวหา 11 ข้อหา ที่มีอาทิการครอบครองวิทยุสื่อสารอย่างผิดกฎหมาย, คอร์รัปชัน และฝ่าฝืนกฎหมายความลับทางราชการ ทำให้นานาชาติแสดงความกังวลและประณาม

รัฐบาลสหรัฐประณามคำพิพากษานี้ว่าเป็นการดูหมิ่นประชาธิปไตยและความยุติธรรม แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ กล่าวในแถลงการณ์ว่า สหรัฐเรียกร้องให้เมียนมาปล่อยตัวนางอองซาน ซูจี และผู้ที่ถูกคุมขังอย่างอยุติธรรมทุกคน รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

สหภาพยุโรป (อียู) ประณามว่าเป็นคำตัดสินที่มีแรงจูงใจจากการเมืองและเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างโจ่งแจ้ง โจเซป บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศอียูออกแถลงการณ์ในนาม 27 ชาติสมาชิกว่า คำพิพากษานี้เป็นอีกก้าวหนึ่งของการรื้อถอนหลักนิติธรรม

มิเชล บาเชเลต์ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ระบุในแถลงการณ์ว่า การตัดสินลงโทษมนตรีแห่งรัฐหลังจากการพิจารณาคดีหลอกๆ ในศาลที่ทหารควบคุม ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากแรงจูงใจทางการเมือง และเรียกร้องให้เมียนมาปล่อยตัวนางซูจี

รัฐบาลอังกฤษโดยรัฐมนตรีต่างประเทศ ลิซ ทรัสส์ กล่าวว่า การตัดสินจำคุกนางซูจีเป็นอีกความพยายามที่น่าตกใจของรัฐบาลทหารเมียนมา เพื่อยับยั้งฝ่ายค้านและกำจัดเสรีภาพและประชาธิปไตย อังกฤษเรียกร้องให้เมียนมาปล่อยนักโทษการเมือง, สานเสวนา และอนุญาตให้กลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตย การจับนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งมาคุมขังตามอำเภอใจเสี่ยงที่จะเกิดความไม่สงบยิ่งขึ้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทหารยกระดับคุมเข้มชายแดนไทย-เมียนมา ป้องรุกล้ำอธิปไตย

ทหารไทยหน่วยเฉพาะกิจรามนู กองกำลังนเรศวร พร้อมอาวุธปืนหนัก-รถยานเกราะ นำกำลังพลออกลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา และวางกำลังตามจุดล่อแหลม

ทหารเมียนมาเปลี่ยนจุดบึ้ม 'เคเคปาร์ค' ส่วนตึก 5 ชั้นเอียงใกล้ถล่ม

ทหารเมียนมาร่วมกับกะเหรี่ยงกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF.) พันธมิตรของทหารเมียนมา ยังคงเดินหน้าวางระเบิดทำลายอาคาร สำนักงานในพื้นที่เมืองเอ่งจี่เหมี่ยง

ทบ. คุมเข้มชายแดนไทย-เมียนมา ต่างด้าวทะลักข้ามฝั่งกว่า 1,500 คน ชาวอินเดียมากสุด

ทบ.เผยสถานการณ์ชายแดนไทย–เมียนมา ยังคงเฝ้าระวังใกล้ชิด หลังแรงงานต่างชาติหลบหนีจากพื้นที่โครงการ KK-Park ข้ามมายังฝั่งไทยกว่า 1,500 คน

'จตุพร' จี้เร่งจัดการแก๊งสแกมเมอร์ ชี้ทั่วโลกเอาจริงแล้ว เมียนมาทิ้งบอมบ์ล้างบาง

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน เมื่อ 31 ต.ค. 2568 กรณีปราบปรามสแ

รวบชาวฟิลิปปินส์ แก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ หลบหนีเข้าไทยหลังถูกกวาดล้างจากเมียนมา

พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผบก.ป.,ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว ชาวฟิลิปินส์ 21 ราย ข่อหาเป็นบุคคลต่างด้าว (สัญชาติฟิลิปปินส์)