โอมิครอนกลายเป็นไวรัสโควิดสายพันธุ์หลักที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดในสหรัฐแล้ว โดยพบผู้ป่วยเสียชีวิต 1 รายที่เทกซัส ขณะผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกเรียกร้องยกเลิกงานฉลองขึ้นปีใหม่

รายงานเอเอฟพีและรอยเตอร์เมื่อวันอังคารที่ 21 ธันวาคม 2564 กล่าวว่า ไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอนกำลังทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกอีกครั้ง โดยพบผู้ติดเชื้อแล้วในประมาณ 90 ประเทศ และทำให้หลายประเทศอยู่ในภาวะเฝ้าระวังหรือต้องกลับไปใช้มาตรการควบคุมเข้มงวดก่อนหน้าจะถึงวันหยุดยาวเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
ที่สหรัฐ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีกำหนดแถลงต่อชาวอเมริกันในวันอังคารตามเวลาวอชิงตัน แต่โฆษกทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดนไม่มีแผนจะล็อกดาวน์ประเทศ ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ระดับกลางรายหนึ่งที่ฉีดวัคซีนครบโดสรวมถึงโดสกระตุ้นแล้ว ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 สามวันก่อนหน้านั้นเจ้าหน้าที่ผู้นี้อยู่ใกล้กับประธานาธิบดีไบเดนนาน 30 นาที แต่ผลตรวจของไบเดนไม่พบการติดเชื้อ
ก่อนหน้านี้ ดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อชั้นนำของสหรัฐ กล่าวเตือนว่า การเดินทางช่วงคริสต์มาสจะเพิ่มการแพร่ระบาดของโอมิครอน แม้แต่ในกลุ่มผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว
ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (ซีดีซี) เปิดเผยว่า ขณะนี้โอมิครอนคิดเป็น 73.2% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาถึงวันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม และในบางภูมิภาคคือในฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือติดฝั่งแปซิฟิก, ภาคใต้และบางพื้นที่ของเขตมิดเวสต์ ผู้ติดเชื้อโอมิครอนคิดเป็นมากกว่า 90% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่
การแพร่ระบาดรวดเร็วปานสายฟ้าแลบทำให้ชาวอเมริกันในหลายเมือง รวมถึงนิวยอร์กและวอชิงตัน แห่กันไปตรวจโควิด-19 เพื่อตรวจว่าติดเชื้อไวรัสหรือไม่ ก่อนที่จะไปร่วมฉลองเทศกาลวันหยุดกับครอบครัว
เมื่อวันจันทร์ มีรายงานว่า ผู้ป่วยโควิดที่เป็นชายวัยประมาณ 50 ปีที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน เสียชีวิตรายแรกจากการติดไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ชายคนนี้เป็นชาวเมืองแฮร์ริสเคาน์ตี ในรัฐเทกซัส ซึ่งมีรายงานพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนรายแรกของสหรัฐเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม
ทางการสหรัฐมีคำแนะนำพลเมืองงดเดินทางไปยังมากกว่า 80 ประเทศที่ซีดีซีขึ้นบัญชีเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงมากจากโควิด-19 รวมถึงเกือบทุกประเทศในยุโรป อย่างไรก็ดี สหรัฐก็อยู่ในบัญชีที่หลายประเทศแนะนำให้เลี่ยงการเดินทางเช่นกัน
ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) แถลงที่นครเจนีวาเมื่อวันจันทร์ เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ เพิ่มความพยายามอีกเท่าตัวเพื่อช่วยกันยุติการแพร่ระบาด และว่า ขณะนี้มีหลักฐานว่าโอมิครอนแพร่เร็วกว่าสายพันธุ์เดลตาอย่างมีนัยสำคัญ
ด้านซูมยา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของดับเบิลยูเอชโอ เสริมว่า เป็นเรื่องไม่ฉลาดที่จะสรุปจากหลักฐานเบื้องต้นว่า โอมิครอนเป็นสายพันธุ์ที่อ่อนกว่าสายพันธุ์อื่นก่อนหน้านี้
ทีโดรสกล่าวว่า ทุกคนย่อมอยากใช้เวลากับมิตรสหายและครอบครัว ทุกคนย่อมอยากกลับสู่ภาวะปกติ แต่ตอนนี้เราต้องให้ความสำคัญกับการยุติการแพร่ระบาด และทุกคน ทั้งผู้นำและปัจเจกบุคคล ต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากเพื่อปกป้องผู้คน รวมถึงการยกเลิกหรือการชะลอการจัดงานฉลอง
"ยกเลิกในตอนนี้แล้วฉลองในภายหลัง ดีกว่าฉลองตอนนี้แล้วมาเสียใจทีหลัง" ทีโดรสกล่าว
เมื่อวันจันทร์ กรุงลอนดอนของอังกฤษประกาศแล้วว่าจะยกเลิกงานฉลองส่งท้ายปีเก่าขึ้นปีใหม่ที่จัตุรัสทราฟัลกากลางกรุงลอนดอน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงาน 6,500 คน
ก่อนหน้านี้ กรุงปารีสของฝรั่งเศสสั่งยกเลิกการฉลองปีใหม่แล้วเช่นกัน ส่วนเยอรมนีเตรียมออกกฎข้อบังคับจำกัดการจัดงานเลี้ยงของเอกชนและปิดไนต์คลับ ขณะโมร็อกโกห้ามการฉลองต้อนรับปีใหม่
การพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนยังทำให้หลายประเทศ อาทิ เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, เยอรมนี และไอร์แลนด์ เริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบหรือบางส่วน หรือบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พัทยาอ่วม! ฝุ่นพิษปกคลุมทั้งเมืองดัชนีเกินมาตรฐานเกือบ 18 เท่า
พัทยา 'ขาวโพลนทั้งเมือง' AQI พุ่ง 174 ฝุ่น PM2.5 ทะลุแดง เตือนอันตรายเสี่ยงสุขภาพ
'นักวิชาการ' ชี้นายกฯป้องอธิปไตย ไม่ทำไทยเสี่ยง 'รัฐบริวาร'
รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ไทยไม่ใช่ “รัฐบริวาร”!
ไม่พลาด ‘สว.นันทนา’ ฟาดนายกฯฝึกงานสื่อสารจนพังไปทั้งประเทศ!
น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า “นายกฝึกงาน” สื่อสารจนพังไปทั้งประเทศ
โบว์ เตือนแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา ต้องใช้เหตุผลรอบคอบทุกมิติ ไม่ใช่ตามกระแสอารมณ์
โบว์ ชี้การคิดเอาเองว่าประธานาธิบดีสหรัฐเข้าข้างกัมพูชา ประธานอาเซียนก็เข้าข้างกัมพูชา เป็นความคิดแบบมโนไปเอง
ไทยหวังพึ่งจีนได้หรือไม่ ในกรณีถูกสหรัฐฯกดดัน 'เอ็ดดี้' มีคำตอบ
ไทยสามารถหวังพึ่งจีนในมิติของการสนับสนุนทางการทูตและเศรษฐกิจเพื่อคานอำนาจได้ แต่ไม่สามารถคาดหวังความช่วยเหลือทางทหารโดยตรงในปัญหาชายแดนกับกัมพูชา
อดีตรองอธิการบดี มธ. สะกิด 'สภาหอการค้า-สภาอุตฯ' หนุน 'นายกฯ' หาตลาดใหม่สู้สหรัฐ
อดีตรองอธิการบดี มธ. ขอเชียร์ให้นายกรัฐมนตรียึดมั่นในความถูกต้อง ไม่ยอมก้มหัวให้ประเทศมหาอำนาจ จัดการกับกัมพูชาให้จบให้ได้ หากทำได้โอกาสที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง จะเท่ากับ 100%


