เกาหลีเหนือยิงกระสุนปืนใหญ่ ไปตกใกล้หมู่เกาะของเกาหลีใต้

เกาหลีเหนือยิงกระสุนปืนใหญ่จำนวนมากไปตกใกล้เกาะบริเวณชายแดน 2 เกาะ ส่งผลให้กองทัพเกาหลีใต้ต้องจัดการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงเพื่อตอบโต้

คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ตรวจสอบเครื่องยิงขีปนาวุธเคลื่อนที่ ที่โรงงานผลิตยานพาหนะทางทหารแห่งหนึ่งในเกาหลีเหนือ เมื่อวันที่ 5 มกราคม (Photo by KCNA VIA KNS / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 กล่าวว่า กองทัพเกาหลีเหนือดำเนินการยิงกระสุนปืนใหญ่หลายชุดไปตกใกล้เกาะบริเวณชายแดน 2 เกาะของเกาหลีใต้ จนทางการออกต้องคำสั่งให้อพยพผู้อยู่อาศัยในเกาะทั้งสองไปอยู่ในที่หลบภัย และระงับการเดินเรือข้ามฟากทั้งหมด

เพื่อเป็นการตอบโต้การคุกคามดังกล่าว กองทัพเกาหลีใต้จึงทำการซ้อมรบด้วยกระสุนจริง ซึ่งเป็นหนึ่งในการยกระดับทางทหารที่ตึงเครียดที่สุดบนคาบสมุทรนับตั้งแต่ทหารเปียงยางยิงกระสุนใส่หนึ่งในเกาะเดียวกันเมื่อปี 2553

การยิงถล่มหวังผลเมื่อวันศุกร์เกิดขึ้นตามคำเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากรัฐบาลของคิมจองอึนในเปียงยางว่า เกาหลีเหนือเตรียมทำสงครามกับเกาหลีใต้และสหรัฐฯ

กระทรวงกลาโหมของรัฐบาลโซลกล่าวว่า กองทัพของเกาหลีเหนือยิงกระสุนปืนใหญ่มากกว่า 200 นัดเมื่อเช้าวันศุกร์ใกล้กับยอนพย็องและแบ็งนย็อง ซึ่งเป็นเกาะ 2 แห่งของเกาหลีใต้ที่มีประชากรอาศัยอยู่จำนวนหนึ่ง ทางใต้ของชายแดนทางทะเลระหว่างสองเกาหลี

กระสุนดังกล่าวตกลงในบริเวณที่เรียกว่าเขตกันชนตามแนวชายแดน ซึ่งสร้างขึ้นตามข้อตกลงลดความตึงเครียดปี 2560 แต่หลังจากเกาหลีเหนือปล่อยดาวเทียมสอดแนมเมื่อเดือนพฤศจิกายน ข้อตกลงดังกล่าวก็ถูกสองฝ่ายระงับไปในทางปฎิบัติ

ชิน วอนซิก รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เปิดเผยว่า การยิงปืนใหญ่ภายในเขตกันชนถือเป็นการกระทำยั่วยุที่คุกคามสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี และทำให้ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น

"เพื่อตอบสนองต่อการกระทำของรัฐบาลเปียงยาง กองทัพเกาหลีใต้จะดำเนินการตอบโต้ทันทีด้วยความรุนแรง เพื่อสันติภาพและอธิปไตย" เขากล่าวเสริม

จีนซึ่งเป็นพันธมิตรและผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ของรัฐบาลเปียงยาง เรียกร้องให้ทั้งสองเกาหลียับยั้งชั่งใจ

"เราหวังว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะรักษาความสงบและอดกลั้นจากการกระทำที่ทำให้ความตึงเครียดรุนแรงขึ้น, หลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์บานปลายอีกต่อไป และสร้างเงื่อนไขสำหรับการเริ่มต้นการเจรจาที่มีความหมายอีกครั้ง" หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวกับผู้สื่อข่าว

ทั้งนี้ เกาะยอนพย็องซึ่งมีผู้อยู่อาศัยประมาณ 2,000 คน อยู่ห่างจากกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ ประมาณ 115 กิโลเมตร ขณะที่เกาะแบ็งนย็องซึ่งมีประชากรราว 4,900 คนอยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันตกประมาณ 210 กิโลเมตร

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบนเกาะทั้งสองบอกกับเอเอฟพีว่า ประชาชนได้รับคำสั่งให้อพยพ โดยอธิบายคำสั่งดังกล่าวว่าเป็น "มาตรการป้องกัน" ก่อนการซ้อมรบของเกาหลีใต้ แต่คำสั่งดังกล่าวก็ถูกยกเลิกหลังจากนั้นไม่นาน

ย้อนหลังไปในปี 2553 เกาหลีเหนือได้ทิ้งระเบิดโจมตีเกาะยอนพย็อง ทำให้ชาวเกาหลีใต้เสียชีวิต 4 ราย แบ่งเป็นทหาร 2 นายและพลเรือน 2 ราย ซึ่งครั้งนั้นเกาหลีเหนืออ้างว่าทำเพื่อตอบโต้การซ้อมรบด้วยกระสุนจริงของเกาหลีใต้ใกล้ชายแดนทางทะเล

การโจมตีของเกาหลีเหนือครั้งนั้นถือเป็นการโจมตีพื้นที่พลเรือนครั้งแรกนับตั้งแต่ยุคสงครามเกาหลี (2493-2496)

ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีตกต่ำที่สุดในรอบหลายทศวรรษ หลังจากที่คิมจองอึนบรรจุสถานะพลังงานนิวเคลียร์ไว้ในรัฐธรรมนูญของประเทศ และทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลขั้นสูงหลายต่อหลายครั้ง

ในการประชุมนโยบายสำคัญส่งท้ายปีของรัฐบาลเปียงยาง คิมจองอึนเคยกล่าวถึงการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ใส่เกาหลีใต้ และเรียกร้องให้ประเทศของตนเร่งสะสมคลังแสงอาวุธ เพื่อตอบสนองต่อความขัดแย้งทางทหารที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

รัฐบาลวอชิงตันพยายามปรามเกาหลีเหนือด้วยการส่งเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์เข้าประจำการในเมืองท่าปูซานของเกาหลีใต้เมื่อปลายปีที่แล้ว และได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลมาใช้ในการฝึกซ้อมร่วมกับกองทัพเกาหลีใต้และญี่ปุ่น

เกาหลีเหนือกล่าวถึงการติดตั้งอาวุธทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ เช่น เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ที่ใช้ในการฝึกซ้อมร่วมบนคาบสมุทรเกาหลี ว่าเป็น "การเคลื่อนไหวที่ยั่วยุให้เกิดสงครามนิวเคลียร์โดยเจตนา"

ล่าสุด สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (เคซีเอ็นเอ) ระบุว่า ผู้นำคิมจองอึนเรียกร้องให้ประเทศเพิ่มการผลิตเครื่องยิงขีปนาวุธ เนื่องจากต้องเตรียมพร้อมมากขึ้นสำหรับการเผชิญหน้าทางทหารกับศัตรู.

เพิ่มเพื่อน