อิหร่านกร้าวพร้อมลุยปกป้องตัวเอง หลังโดนอิสราเอลโจมตี

อิหร่านประกาศกร้าวจะปกป้องตัวเอง หลังโดนอิสราเอลโจมตีทางอากาศ จนสูญเสียทหารอย่างน้อย 2 นาย ทำให้ความกังวลต่อการขยายตัวของสงครามในตะวันออกกลางกลับมาอีกครั้ง

กองทหารอิหร่าน (Photo by ATTA KENARE / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2567 กล่าวว่า อิสราเอลโจมตีครั้งใหม่ใส่อิหร่าน สังหารทหารอย่างน้อย 2 นาย และเตือนว่าอิหร่านจะสาหัสกว่านี้หากตอบโต้การโจมตีดังกล่าว ขณะที่สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี และอังกฤษเรียกร้องให้รัฐบาลเตหะรานอดกลั้น เพื่อไม่ทำให้ความขัดแย้งรุนแรงไปกว่าเดิม

เช่นเดียวกับสหภาพยุโรปที่เรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้นอย่างที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการทวีความรุนแรงที่ควบคุมไม่ได้ในตะวันออกกลาง พร้อมเตือนว่า "วงจรอันตรายของการโจมตีและการตอบโต้มีความเสี่ยงที่จะทำให้ความขัดแย้งในภูมิภาคขยายตัวมากขึ้น"

ประเทศอื่นๆ รวมถึงเพื่อนบ้านของอิหร่านหลายประเทศ ประณามการโจมตีของอิสราเอล และบางประเทศ เช่น รัสเซีย เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายอดทนและหลีกเลี่ยงสิ่งที่รัฐบาลมอสโกเรียกว่า "สถานการณ์หายนะ"

ล่าสุด อิหร่านออกแถลงการณ์ยืนยันว่าพวกตนมีสิทธิ์และหน้าที่ที่จะปกป้องตนเอง ในขณะที่กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ซึ่งเป็นพันธมิตรในเลบานอนกล่าวว่าได้ตอบสนองด้วยการยิงจรวดโจมตีพื้นที่ที่อยู่อาศัย 5 แห่งในภาคเหนือของอิสราเอลไปแล้ว ซึ่งอิสราเอลแจ้งตรงกันว่ามีการยิงขีปนาวุธ 80 ลูกข้ามพรมแดนจากเลบานอน

หลังจากเกิดการระเบิดและการยิงต่อสู้อากาศยานทั่วกรุงเตหะรานอย่างไม่คาดคิด กองทัพอิสราเอลประกาศในเวลาต่อมาว่าพวกตนได้โจมตีโรงงานขีปนาวุธและฐานทัพทหารของอิหร่านในหลายภูมิภาค

โฆษกกองทัพฯกล่าวว่า "การโจมตีเสร็จสิ้นแล้ว, ภารกิจสำเร็จลุล่วง และเครื่องบินของอิสราเอลกลับจากปฏิบัติการอย่างปลอดภัย"

อิหร่านยืนยันว่าอิสราเอลโจมตีฐานทัพทหารรอบเมืองหลวงและส่วนอื่นๆ ของประเทศ โดยกล่าวว่าการโจมตีดังกล่าวสร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อย แต่ทำให้ทหารเสียชีวิต 2 นาย

ที่มาของการโจมตีครั้งนี้เกิดจากที่อิสราเอลเคยให้คำมั่นว่าจะตอบโต้ขีปนาวุธประมาณ 200 ลูกของอิหร่านที่โจมตีใส่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งถือเป็นการโจมตีโดยตรงครั้งที่สองต่ออิสราเอล และขีปนาวุธส่วนใหญ่ถูกสกัดกั้นไว้ได้ แต่มีผู้เสียชีวิต 1 ราย

การเอาคืนของอิสราเอลทำให้เกิดการประณามจากอิรัก, ปากีสถาน, ซีเรีย และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเตือนว่าไม่ควรเพิ่มความรุนแรงขึ้นอีก ขณะที่จอร์แดนกล่าวว่าเครื่องบินเจ็ทของอิสราเอลไม่ได้ใช้พื้นที่น่านฟ้าของตน ส่วนตุรเคียเรียกร้องให้ยุติการก่อการร้ายที่อิสราเอลสร้างขึ้น

ในสถานการณ์ปัจจุบัน อิสราเอลได้เข้าร่วมการทำสงครามในสองแนวรบแล้ว ทั้งกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาและกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอนตั้งแต่เดือนที่แล้ว รวมถึงการโจมตีที่ทำให้ผู้นำระดับสูงของทั้ง 2 กลุ่มเสียชีวิตและการรุกภาคพื้นดินเพื่อทำลายฐานขีปนาวุธ

และเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้วนับตั้งแต่การโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ที่อิสราเอลได้ต่อสู้ในสงครามฉนวนกาซาซึ่งทำให้พลเรือนเสียชีวิตจำนวนมากในดินแดนปาเลสไตน์ที่มีประชากรหนาแน่น

สหประชาชาติได้เตือนว่า "ช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของความขัดแย้งดังกล่าวกำลังก่อตัวขึ้น โดยชาวปาเลสไตน์เผชิญกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายและการทิ้งระเบิดของอิสราเอลทุกวัน"

นอกจากกลุ่มฮิซบุลเลาะห์และกลุ่มฮามาสแล้ว กลุ่มพันธมิตรของอิหร่านในเยเมน, อิรัก และซีเรีย ได้รุมโจมตีอิสราเอลด้วยเช่นกัน

ในเวลาไล่เลี่ยกันกับที่อิสราเอลโจมตีเป้าหมายล่าสุดในอิหร่าน สำนักข่าว SANA ของซีเรียรายงานว่า อิสราเอลยังได้โจมตีแบบกำหนดเป้าหมายใส่ที่มั่นทางทหารในซีเรียตอนกลางและตอนใต้อีกด้วย

ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯให้ความเห็นว่าการตอบโต้ของอิสราเอลต่ออิหร่านเป็น "การป้องกันตนเอง"

เขาเรียกร้องให้อิหร่านหยุดโจมตีอิสราเอล เพื่อที่วัฏจักรแห่งการสู้รบนี้จะยุติลงได้โดยไม่เกิดความรุนแรงขึ้นอีก

กองทัพอิสราเอลกล่าวโทษอิหร่านและกลุ่มพันธมิตรติดอาวุธในภูมิภาคว่าโจมตีอิสราเอลอย่างไม่ลดละตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมเพื่อสนับสนุนกลุ่มฮามาส ทำให้อิสราเอลจำเป็นต้องตอบโต้ไปยังพื้นที่ที่กลุ่มเหล่านั้นซ่องสุมกำลังอยู่ หากสงครามขยายตัวในภูมิภาค ทั้งหมดจะเป็นความผิดของกลุ่มดังกล่าวทั้งหมด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง