สหรัฐฯ เปิดเผยเอกสารชุดสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ซึ่งเป็นคดีที่ยังคงเป็นเชื้อเพลิงให้กับทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ มากมาย แม้ว่าจะผ่านมาแล้วกว่า 60 ปีหลังมรณกรรมช็อกโลก

แฟ้มภาพ กล้องที่ใช้บันทึกเหตุการณ์ลอบสังหารจอห์น เอฟ. เคนเนดี ถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ชั้นที่ 6 ซึ่งเป็นที่ตั้งของคลังหนังสือเรียนเท็กซัส เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2013 ในเมืองดัลลาส รัฐเท็กซัส (Photo by Brendan SMIALOWSKI / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 19 มีนาคม 2568 กล่าวว่า หอจดหมายเหตุแห่งชาติของสหรัฐฯ เปิดเผยเอกสารชุดสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ซึ่งเป็นคดีที่ยังคงเป็นเชื้อเพลิงให้กับทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ มากมาย แม้ว่าจะผ่านมาแล้วกว่า 60 ปีหลังมรณกรรมที่ช็อกคนทั้งโลก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อเดือนมกราคม ให้เปิดเผยเอกสารที่เหลือซึ่งเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารจอห์น เอฟ. เคนเนดี, โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี และมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
"ตามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บันทึกทั้งหมดที่เคยถูกกักไว้เพื่อจำแนกประเภทในฐานะส่วนหนึ่งของเรื่องราวการลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี จะถูกเปิดเผยโดยไม่มีการแก้ไขหรือเรียบเรียงใดๆ" หอจดหมายเหตุฯระบุในแถลงการณ์บนเว็บไซต์เมื่อเย็นวันอังคาร
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา หอจดหมายเหตุแห่งชาติได้เปิดเผยเอกสารหลายล้านหน้าที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดีในเดือนพฤศจิกายน 1963 แต่มีเอกสารหลายพันฉบับที่ถูกกักไว้ตามคำขอของสำนักข่าวกรองกลางและสำนักงานสอบสวนกลาง โดยอ้างถึงข้อกังวลด้านความมั่นคงของชาติ
คณะกรรมาธิการ 'วอร์เรน' ที่สอบสวนการลอบยิงประธานาธิบดีวัย 46 ปี ระบุว่า ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ อดีตมือปืนนาวิกโยธินเป็นผู้ลงมือเพียงคนเดียว
แต่ข้อสรุปอย่างเป็นทางการดังกล่าวไม่สามารถระงับการคาดเดาที่ว่าเบื้องหลังการฆาตกรรมเคนเนดีในรัฐเท็กซัสอาจมีแผนการชั่วร้ายมากกว่านี้ และการเปิดเผยเอกสารของรัฐบาลที่ประวิงเวลามาตลอดก็ได้ทำให้ทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ กลายเป็นเชื้อเพลิงที่ก่อไฟไหม้ลาม
นักวิชาการด้านเคนเนดีกล่าวว่าเอกสารที่ยังคงถูกกักไว้ในหอจดหมายเหตุนั้นไม่น่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกตะลึงหรือยุติทฤษฎีสมคบคิดที่แพร่หลายเกี่ยวกับการลอบสังหารประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐแต่อย่างใด
ออสวอลด์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยแปรพักตร์ไปอยู่กับสหภาพโซเวียต ถูกยิงเสียชีวิตโดยแจ็ก รูบี เพียงสองวันหลังจากที่ฆ่าเคนเนดี ขณะที่เขากำลังถูกย้ายออกจากคุกของเมือง
หนังสือและภาพยนตร์หลายร้อยเรื่อง เช่น ภาพยนตร์เรื่อง "JFK" ของโอลิเวอร์ สโตน ที่ออกฉายในปี 1991 ได้จุดชนวนให้เกิดกระแสในอุตสาหกรรมการสมคบคิด โดยกล่าวหาคู่แข่งในสงครามเย็นอย่างรัสเซียหรือคิวบา, กลุ่มมาเฟีย และแม้แต่ลินดอน จอห์นสัน รองประธานาธิบดีของเคนเนดี ว่าอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารดังกล่าว
ส่วนเอกสารจำนวนมากที่เปิดเผยไปแล้วนั้นเป็นเพียงข่าวกรองดิบๆ รวมถึงรายงานจำนวนมากจากเจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ติดตามเบาะแสอันไม่นำพาไปสู่บทสรุปที่ต่างออกไป
การเปิดเผยเอกสารดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากรัฐสภาได้ออกพระราชบัญญัติเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 1992 ซึ่งกำหนดให้ต้องเปิดเผยบันทึกการลอบสังหารฉบับดั้งเดิมซึ่งเก็บรักษาไว้ในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ภายใน 25 ปีต่อมา.