สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ มีพระราชประสงค์ให้คามิลลา ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ พระชายาในเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมาร ได้ขึ้นเป็นพระราชินีของอังกฤษ เมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ได้ขึ้นสืบราชบัลลังก์ต่อจากพระองค์ เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดแล้วสำหรับสถานะในอนาคตของพระสุณิสา
รายงานเอเอฟพีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 กล่าวว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ซึ่งมีพระชนมพรรษา 95 พรรษา มีพระราชสาส์นถึงชาวสหราชอาณาจักรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ล่วงหน้าวันฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปีในวันอาทิตย์ โดยพระองค์รับสั่งว่า หากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์ก็ทรงหวังว่าชาวอังกฤษจะให้การสนับสนุนพระราชโอรสและพระชายาในแบบเดียวกับที่ให้การสนับสนุนพระองค์ โดยทรงหวังว่า คามิลลา จะได้เป็นพระราชินี (Queen Consort) ของอังกฤษ
พระราชสาส์นนี้เป็นการรับสั่งสนับสนุนพระสุณิสาองค์นี้อย่างเปิดเผย หลังจากคามิลลาเคยถูกกล่าวร้ายว่าเป็นต้นเหตุการหย่าร้างของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ และไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์
หลังจากยุติชีวิตสมรสของทั้งคู่ลงอย่างอื้อฉาวแล้ว เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และคามิลลา ซึ่งเคยรักกันมายาวนาน ได้เข้าพิธีเสกสมรสอย่างเรียบง่ายเมื่อปี 2548 แต่ยังคงเป็นข้อกังขามาโดยตลอดว่า ชาวอังกฤษจะให้การยอมรับคามิลลาในฐานะว่าที่ราชินีคนต่อไปหรือไม่ ความอ่อนไหวในประเด็นนี้ทำให้สำนักพระราชวังอังกฤษเคยประกาศว่า คามิลลาจะใช้พระอิสริยยศว่า เจ้าหญิงพระราชชายา (Princess Consort) แทน เมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เสด็จขึ้นครองราชย์
อย่างไรก็ดี ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ค่อยๆ ได้รับการยอมรับในฐานะพระชายาผู้ภักดีต่อกษัตริย์ในอนาคตของอังกฤษ ซึ่งรายงานของเดอะไทมส์อ้างแหล่งข่าวว่า เจ้าชายทรงสนับสนุนมาโดยตลอดว่า "พระชายาอันเป็นที่รัก" ของพระองค์สมควรได้เป็นพระราชินี
โฆษกของพระตำหนักคลาเรนซ์กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า ทั้งสองพระองค์ทรงซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระราชินีเมื่อได้รับทราบข่าวนี้
หนังสือพิมพ์ฉบับวันอาทิตย์ของอังกฤษพากันตีข่าวนี้ในหน้าหนึ่ง โดยเดลีเมล์พาดหัวว่า "คามิลลาจะได้เป็นพระราชินี" ส่วนซันเดย์ไทมส์กล่าวว่า "ควีนทรงแต่งตั้งควีนคามิลลา" และว่าจากการณ์นี้ได้ยุติ "ความขัดแย้งและความสับสนยาวนานหลายปีเกี่ยวกับอิสริยยศในอนาคตของคามิลลา"
คำประกาศมีออกมาล่วงหน้าวันครบรอบ 70 ปีการฉลองสิริราชสมบัติของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่ทรงขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2495 ภายหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 พระราชบิดา ขณะนั้นเจ้าหญิงเอลิซาเบธมีพระชนมายุ 25 พรรษา
ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ทรงสร้างประวัติศาสตร์เป็นองค์ประมุขที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดของอังกฤษ โดยทรงทำลายสถิติการครองราชย์นาน 63 ปี 7 เดือน ของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย เมื่อเดือนกันยายน 2558
อังกฤษจัดเตรียมงานฉลองการครองราชย์ครบรอบ 70 ปี (Platinum Jubilee) อย่างยิ่งใหญ่ด้วยพระราชพิธี, เทศกาลดนตรีและกิจกรรมมากมายนาน 4 วัน ช่วงต้นเดือนมิถุนายน ที่ตรงกับพระราชพิธีราชาภิเษก 2 มิ.ย. 2496.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ในหลวงทรงรับทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
6 เม.ย.2567 เวลา 17.24 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คณะบุคคลต่าง ๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ตามลำดับดังนี้ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้
'ในหลวง' ทรงเปิดโครงการพัฒนาบึงสีไฟ-สนามจักรยาน 'สราญจิตมงคลสุข'
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
'ในหลวง-พระราชินี' พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ทหาร-ตำรวจชั้นนายพล เฝ้าฯ ถวายสัตย์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสุทิน คลังแสงรัฐมนตรีว่าการ
ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา
ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา
'ในหลวง-พระราชินี' ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันมาฆบูชา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการทรงบำเพ็ญ พระราชกุศลเนื่องในวันมาฆบูชา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง
ในหลวง-พระราชินี ทรงรับผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลียและภริยา ในโอกาสเยือนไทย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ทรงรับ พลเอก เดวิด เฮอร์ลีย์ (His Excellency the Honourable General David Hurley AC DSC) ผู้สำเร็จราชการ แห่งเครือรัฐออสเตรเลีย และนางลินดา เฮอร์ลีย์ (Her Excellency Mrs. Linda Hurley) ภริยา และพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำ