
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงพยาบาลโซโรคาในเมืองเบียร์เชบา ทางตอนใต้ของอิสราเอล หลังถูกขีปนาวุธที่อิหร่านยิงโจมตี เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน (Photo by Marc Israel SELLEM / POOL / AFP)
อิสราเอลและอิหร่านยังคงเปิดฉากยิงตอบโต้กัน หลังจากความขัดแย้งระหว่างสองศัตรูคู่อาฆาตดำเนินมาได้หนึ่งสัปดาห์
นี่คือพัฒนาการล่าสุด:
- การประชุมอิหร่าน -
นักการทูตระดับสูงของยุโรปจะพบกับอับบาส อาราฆชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านที่เจนีวา เพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
รัฐมนตรีต่างประเทศจากฝรั่งเศส, เยอรมนี, อังกฤษ และสหภาพยุโรปเรียกร้องให้ลดความตึงเครียด โดยรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษกล่าวว่าอีกสองสัปดาห์ข้างหน้าจะเป็นช่วงเวลาที่จะหาทางออกทางการทูต
นอกจากนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะประชุมกันอีกครั้งเพื่อหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย, จีน และปากีสถาน
- ทรัมป์กำลังรอตัดสินใจ -
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังพิจารณาว่าจะนำสหรัฐฯเข้าร่วมกับอิสราเอลในการโจมตีอิหร่านหรือไม่ ภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากเชื่อว่ายังมีโอกาสสูงที่จะเจรจายุติความขัดแย้งได้ก่อน
ทรัมป์บอกกับผู้ช่วยว่าเขาอนุมัติแผนการโจมตี แต่ยังคงรอดูว่าอิหร่านจะยอมแพ้กรณีโครงการนิวเคลียร์หรือไม่
รัฐบาลมอสโกซึ่งเป็นพันธมิตรของเตหะรานระบุว่า การดำเนินการทางทหารของสหรัฐจะเป็นขั้นตอนที่อันตรายอย่างยิ่ง ในขณะที่กลุ่มสนับสนุนอิหร่านในอิรักขู่ว่าจะโจมตีตอบโต้
ล่าสุด ภาพถ่ายดาวเทียมเปิดเผยว่า ไม่พบเห็นเครื่องบินทหารสหรัฐหลายสิบลำได้จากฐานทัพสหรัฐในกาตาร์อีกต่อไป ซึ่งอาจเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องเครื่องบินเหล่านี้จากการโจมตีของอิหร่าน
- หัวหน้าหน่วยข่าวกรองคนใหม่ของอิหร่าน -
อิหร่านได้แต่งตั้งหัวหน้าหน่วยข่าวกรองคนใหม่ให้กับกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติ หลังจากผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าของเขาเสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
พลตรีโมฮัมหมัด ปักปูร์ ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) แต่งตั้งพลจัตวามาจิด คาดามี เป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองคนใหม่
เขาเข้ามาแทนที่โมฮัมหมัด คาเซมี ซึ่งเสียชีวิตพร้อมกับเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอีก 2 นาย คือ ฮัสซัน โมฮาเกห์ และโมห์เซน บาเกรี ในการโจมตีของอิสราเอล
- การโจมตีโรงพยาบาล -
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในภาคใต้ของอิสราเอลถูกโจมตีเมื่ออิหร่านยิงขีปนาวุธหลายสิบลูกเข้าใส่ประเทศ
โรงพยาบาลโซโรคาในเมืองเบียร์เชบาถูกไฟไหม้ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 40 คน
อิหร่านกล่าวว่าเป้าหมายหลักของการโจมตีด้วยขีปนาวุธไม่ใช่โรงพยาบาล แต่เป็นฐานทัพและหน่วยข่าวกรองที่อยู่ใกล้เคียง
หน่วยงานสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติเรียกร้องให้ทั้งอิหร่านและอิสราเอลใช้ความอดกลั้น โดยกล่าวว่า "น่าตกใจที่เห็นว่าพลเรือนถูกปฏิบัติราวกับเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจจากปฏิบัติการสู้รบ"
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลประกาศกร้าวว่าอิหร่านจะถูกเอาคืนอย่างสาสม
- ฐานปฏิบัติการนิวเคลียร์ แท่นยิงขีปนาวุธ -
กองทัพอิสราเอลได้โจมตีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ไม่ได้ใช้งาน ในเมืองอารักของอิหร่านเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา และยังโจมตีโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมในเมืองนาตันซ์อีกระลอก
กองทัพกล่าวว่าการโจมตีฐานปฏิบัติการในอารักนั้นดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการซ่อมแซมเตาปฏิกรณ์
หัวหน้าหน่วยพลังงานปรมาณูของอิหร่านประณามการโจมตีที่โหดร้ายและผิดกฎหมาย พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลนิวเคลียร์ของสหประชาชาติเข้าแทรกแซง
เนทันยาฮูกล่าวว่าอิสราเอลได้ทำลายเครื่องยิงขีปนาวุธของอิหร่านไปแล้วมากกว่าครึ่งนับตั้งแต่สัปดาห์ก่อน
ขณะที่กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่านกล่าวว่าส่งโดรนโจมตีมากกว่า 100 ลำยิงใส่อิสราเอลล่าสุด
- ยอดผู้เสียชีวิต -
เจ้าหน้าที่อิสราเอลพบศพผู้หญิงคนหนึ่งจากอาคารที่ถูกขีปนาวุธของอิหร่านยิงเมื่อ 4 วันก่อน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลเพิ่มขึ้นเป็น 25 ราย นับตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้น
อิหร่านกล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ว่าการโจมตีของอิสราเอลได้สังหารผู้คนไปอย่างน้อย 224 ราย รวมถึงผู้บัญชาการทหาร, นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ และพลเรือน แต่จนถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ได้ประกาศยอดผู้เสียชีวิตอีกเลย
- การจับกุมและปิดกั้นอินเทอร์เน็ต -
ตำรวจอิหร่านประกาศจับกุมผู้ต้องสงสัย 24 คนจากข้อหาจารกรรมให้อิสราเอล
ทางการทั้งในอิสราเอลและอิหร่านประกาศจับกุมผู้ต้องสงสัยในข้อหาจารกรรมและข้อกล่าวหาอื่นๆ นับตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มขึ้น
องค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนอิหร่านซึ่งมีฐานอยู่ในนอร์เวย์กล่าวว่ามีผู้ถูกจับกุมทั่วประเทศอย่างน้อย 223 คนในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือกับอิสราเอล โดยเตือนว่าตัวเลขจริงน่าจะสูงกว่านี้
อิหร่านประกาศปิดกั้นสัญญาณอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในปี 2019
การปิดกั้นดังกล่าวจึงส่งผลกระทบต่อความสามารถของประชาชนในการเชื่อมต่อในช่วงเวลาที่การสื่อสารมีความสำคัญ.


