วาระแห่งภูมิภาค : เพศภาวะ ความเสมอภาค ความหลากหลาย และการมีส่วนร่วมในอุดมศึกษา

“สถาบันของเขามีนโยบายและมาตรการที่ชัดเจนในการส่งเสริมให้ผู้หญิงเข้าสู่ตำแหน่งผู้นำ และมีส่วนร่วมในโครงการวิจัย แต่บุคลากรหญิงเองต่างหากที่ไม่ฉวยโอกาสนี้ไว้ เพราะติดกรอบวิธีคิดเดิมๆ ว่าผู้นำต้องมีความเป็นชาย อีกส่วนหนึ่งคือผู้หญิงมักจะไม่มีคุณวุฒิทางการศึกษาที่สูงเทียบเทียมผู้ชาย”

นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 แวดวงอุดมศึกษาทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาคได้มีการถกแถลงเพื่อหาทางออกต่อข้อท้าทาย เช่น การดำรงอยู่ของมหาวิทยาลัยในยุคสมัยที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน บทบาทของสถาบันอุดมศึกษาในการพัฒนาอย่างยั่งยืน

การจัดการเรียนรู้ที่เตรียมผู้เรียนให้พร้อมสู่งานแห่งอนาคตและชีวิตปกติถัดไป แนวทางการสร้างความร่วมมือกับภาคีหลักเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในสังคม การปรับตัวของอุดมศึกษาเข้าสู่ยุคดิจิตอล การสร้างความเป็นนานาชาติของอุดมศึกษา 

หนึ่งในประเด็นที่มีการพูดถึงมากที่สุดคือ ความเหลื่อมล้ำในอุดมศึกษา เพราะเป็นประเด็นที่มีแง่มุมด้านสิทธิมนุษยชน กล่าวคือ ทำอย่างไรให้การศึกษาสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม และมีแง่มุมสำคัญในการสร้างการเรียนรู้อันจะเกิดผลดีกับผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนโดยตรง และประโยชน์โดยรวมของสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม 

องค์การระหว่างประเทศด้านการศึกษา อาทิ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) บริติช เคานซิล (British Council) สหภาพยุโรป แผนงานด้านการศึกษาของการประชุมเอเชีย-ยุโรป (ASEM) ต่างเห็นพ้องและผลักดันในแผนงานของตนขับเคลื่อนอุดมศึกษาที่ตระหนักถึง เพศภาวะ ความเสมอภาค ความหลากหลาย และการมีส่วนร่วมในอุดมศึกษา 

ในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ศูนย์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่าด้วยการอุดมศึกษาและการพัฒนา (Southeast Asian Minister of Education Regional Centre for Higher Education and Development : SEAMEO RIHED) ซึ่งทำงานภายใต้สภาคณะรัฐมนตรีกระทรวงศึกษา 11 ประเทศ ได้แก่ ประเทศสมาชิกอาเซียนและติมอร์เลสเต ร่วมกับบริติช เคานซิล

 ดำเนินโครงการ “เสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้นำอุดมศึกษา เพื่อความเสมอภาคทางเพศภาวะ ความหลากหลาย และการมีส่วนร่วมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ

 1.เพื่อเสริมสร้างศักยภาพผู้นำอุดมศึกษาในระดับอธิการบดี และรองอธิการบดีของมหาวิทยาลัยในเครือข่าย 35 มหาวิทยาลัย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับกระทรวง

 2.เปิดพื้นที่ให้ผู้นำอุดมศึกษาได้แลกเปลี่ยนข้อท้าทายในแง่ของความเหลื่อมล้ำ เพศภาวะ ความหลากหลาย และแสวงหาแนวปฏิบัติที่จะนำและสร้างให้มหาวิทยาลัยมีความเสมอภาคมากยิ่งขึ้น 

3.สร้างเครือข่ายการเรียนรู้ที่ยั่งยืนในกลุ่มผู้นำสถาบันอุดมศึกษา

ในโครงการนี้ บริติช เคานซิล ได้สนับสนุนงบประมาณและความเชี่ยวชาญจากสถาบันการพัฒนาศึกษา (Institute of Development Studies) มหาวิทยาลัยซัสเซ็กส์ (University of Sussex) คลังสมองระดับโลกที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบนโยบายและการผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมเสมอภาค พร้อมกันนี้ยังทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยจากสหราชอาณาจักรอีก 4 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (University of Oxford) มหาวิทยาลัยแอสตัน (Aston University) มหาวิทยาลัยเวสต์สกอตแลนด์ (University of West Scotland) และมหาวิทยาลัยกลอสเตอร์เชียร์ (University of Gloucestershire) ในการออกแบบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อนำสถาบันอุดมศึกษา ความเสมอภาค หลากหลาย และมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น ผ่านกิจกรรมการแลกเปลี่ยน

                    ภายใต้โครงการ “SEA UK Exchange Partnership Programme” จากการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในระหว่างวันที่ 7-9 มีนาคม 2565 ใช้วิธีการการเรียนอย่างมีส่วนร่วม (participatory peer learning)

 โดยผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนบริบทของความเหลื่อมล้ำและข้อท้าทายเรื่องความหลากหลายในสถาบันหรือวัฒนธรรมของตนเอง ซึ่งพบว่ามีข้อท้าทายที่แตกต่างกัน ผู้บริหารมหาวิทยาลัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว เล่าว่า “สถาบันของเขามีนโยบายและมาตรการที่ชัดเจนในการส่งเสริมให้ผู้หญิงเข้าสู่ตำแหน่งผู้นำ และมีส่วนร่วมในโครงการวิจัย แต่บุคลากรหญิงเองต่างหากที่ไม่ฉวยโอกาสนี้ไว้ เพราะติดกรอบวิธีคิดเดิมๆ ว่าผู้นำต้องมีความเป็นชาย อีกส่วนหนึ่งคือผู้หญิงมักจะไม่มีคุณวุฒิทางการศึกษาที่สูงเทียบเทียมผู้ชาย”

ซึ่งภาพเช่นนี้ก็พบในบางสถาบันด้วย แต่ในทางตรงกันข้าม ผู้บริหารจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติมาเลเซีย (University of Malaya) กล่าวถึง “การขาดการสนับสนุนเชิงโครงสร้างเพื่อให้บุคลากรและนักวิชาการที่เป็นผู้หญิงก้าวหน้าได้ เช่น การสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับการดูแลบุตร เป็นต้น” 

ความหมายของความหลากหลายเป็นมากกว่าประเด็นเพศภาวะ แต่เป็นความหมายแบบกว้างและตัดข้ามเกี่ยวพันกับความเป็นชายขอบอื่นๆ เช่น เชื้อชาติ ชนชั้น เพศวิถี และที่ตั้งในเชิงกายภาพ ในเมียนมา

 “ความไม่เสมอภาคทางเพศภาวะมีผลเกี่ยวเนื่องจากคุณมาจากพื้นที่ชนบทหรือไม่ เพราะฐานคิดและบรรทัดฐานในการคิดเรื่องเพศมักจะเข้มแข็งมากกว่าในพื้นที่ชนบท” ในฟิลิปปินส์ ประเด็นเรื่องเพศภาวะ แม้จะยังเป็นข้อท้าทาย แต่ก็ไม่เท่ากับประเด็นเรื่องของความพิการและโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาและการเข้าสู่ระดับการตัดสินใจ

เนื่องจากตระหนักถึงบริบทที่แตกต่าง จึงใช้วิธีการในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน และไม่ได้นำเสนอเครื่องมือในการวิเคราะห์ หรือเสนอนโยบายสำเร็จรูปให้นำไปปฏิบัติใช้ในแต่ละสถาบัน ในทางกลับกัน มหาวิทยาลัยจากสหราชอาณาจักรทั้ง 5 แห่ง จะทำงานร่วมกับผู้นำอุดมศึกษาทั้ง 35 แห่ง เป็นกลุ่ม โดยแต่ละสถาบันจะกำหนดประเด็นการพัฒนาของตนเองเพื่อยกระดับและสร้างการเปลี่ยนแปลงในสถาบันของตนเองต่อไป.

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ร่มเย็น โกไศยกานนท์
ผู้อำนวยการ SEAMEO RIHED

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ฟีฟ่า'ลงบทความ ชื่นชมฟุตซอลไทย และการเป็นเจ้าภาพที่ยอดเยี่ยม

สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า เขียนบทความชื่นชม ฟุตซอลทีมชาติไทย ที่มีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2012 ที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขัน FIFA Futsal World Cup

สมหมาย ภาษี -อดีตรมว.คลัง รัฐบาล-ฝ่ายการเมืองต้องหยุด ยุ่มย่าม ก้าวก่าย “แบงก์ชาติ”

การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หลังได้”ขุนคลังคนใหม่-พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง”หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร น่าติดตามอย่างยิ่ง

คนเถื่อนที่ไร้ธรรม .. ในวิกฤตการณ์โลกเดือด!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในภาวะวิกฤตการณ์ดินฟ้าอากาศแปรปรวน ก่อเกิดสภาวะโลกร้อน (Global warming) อุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นจากภาวะเรือนกระจก

ส่อเลื่อนประชามติ รอแก้กฎหมาย ร่างรธน.ฉบับใหม่ ต้องไม่จุดไฟความขัดแย้ง

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา รับทราบ รายงานผลการดำเนินงานของ”คณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ

บทธรรมดับโลกร้อน .. ที่นักปกครองต้องอ่าน!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. โลกกำลังเข้าสู่ห้วงธรรมวิกฤต.. ที่มนุษยชาติประพฤติตนอยู่ในมิจฉาทิฏฐิ มีความโลภที่รุนแรงและราคะความกำหนัดที่ผิดธรรม .. เป็นส่วนใหญ่

กกต.เริ่มขยับ พร้อมงัด 'กฎเหล็ก' คุมเข้มเลือก สว. 2567

ความเคลื่อนไหวการได้มาซึ่ง "สมาชิกวุฒิสภา" (สว.) ชุดใหม่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา