เรือUSS Nimitz (CVN 68) เรือธง กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 11 (csg11)สหรัฐอเมริกา ได้เปิดให้คณะสื่อมวลชนไทยเยี่ยมชม ระหว่างแวะพัก ท่าเรือแหลมฉบัง จ. ชลบุรี โดยเรือดังกล่าวออกเดินทางจากเมืองเบรเมอร์ตัน รัฐวอชิงตัน เพื่อปฏิบัติการทั่วไปในเดือนพฤศจิกายน 2565 ได้เข้าร่วมการฝึกผสมกับมิตรประเทศหลายครั้ง และปฎิบัติหน้าที่ทีี่ได้มอบหมายในพื้นที่รับผิดชอบกองเรือที่7 แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมทั้งทะเลจีนใต้และทะเลฟิลิปปินส์ รวมทั้งเข้าเยี่ยมท่าเรือของภาคีและพันธมิตรหลายแห่งทั่วภูมิภาค ก่อนเดินทางถึงประเทศไทย
สำหรับกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 11 ประกอบด้วย เรือ USSNimitz (CVN 68)มีศักยภาพด้านการควบคุมทะเล การโจมตีเป้าหมายหลายประเภท ปฏิบัติการทะเล การช่วยเหลือด้านมนุษยธรมและการบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงการฝึกร่วมและผสมในพื้นที่ปฏิบัติการต่างๆ มีฝูงบินประจำเรือบรรทุกเครื่องบินที่ 17 (CVV 17) ประกอบด้วยอากาศยานต่าง ๆ 9 กองบินกว่า 70 เครื่อง เช่นเครื่องบินขับไล่ FA-18E/F Super Hornet,เครื่องบินโจมตีทางอิเล็กทรอนิกส์A-18GGrowler,เครื่องบินบังคับบัญชาและควบคุมทางอากาศ E-2 CHawkeye,เฮลิคอปเตอร์MH-60R/S Sea Hawk,เครื่องบินลำเลียง C-2A Greyhound รวมถึงหมู่เรือพิฆาตที่ 9 (DESRON 9) และเรือ USS Bunker HIll (CG 52)- ประกอบด้วยเรือ เช่น เรือพิฆาตติดอาวุธนำวิถีชั้น Arleigh Burkeเรือลาดตระเวนติดอาวุธนำวิถีชั้น Ticonderogaปฏิบัติการปัจจุบัน
สำหรับเรือ USS Nimitz มีชื่อเป็นสำนวนเปรียบเทียบว่า “ old salt “ประจำการเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2518 ขนานนามเพื่อเป็นเกียรติแก่จอมพลเรือ เชสเตอร์ ดับเบิลยู. นิมิตซ์ ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในฐานะผู้บัญชาการกองเรือภาคพื้นแปซิฟิกระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบัน เรือลำนี้ประจำการที่เมืองเบรเมอร์ตันรัฐวอชิงตัน และลูกเรือชายหญิงกว่า 5หมื่นคน ซึ่งรวมทั้งผู้ที่ประจำการบนเรือ ในฝูงบินประจำเรือบรรทุกเครื่องบินที่ 17 และส่วนอื่น ๆ โดยมีกำลังพลผู้หญิง15 เปอร์เซ็นต์
ภารกิจของเรือ USS Nimit และฝูงบินประจำเรือคือการดำเนินปฏิบัติการทางอากาศ และสนับสนุยุทธศาสตร์ทางทะเลในส่วนหน้า ลำเรือยาว 1,092 ฟุต กว้าง 252 ฟุต และสูง 244(เทียบเท่าตึก 23 ชั้น) ระวางขับน้ำของเรือเท่ากับ 97,000 ตัน และใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 เครื่องเพื่อชับเคลื่อนได้เป็นระยะไกลและเป็นเวลานานโดยไม่มีข้อจำกัด เรือมีความเร็วสูงสุดมากกว่า 30 นอต ส่วนดาดฟ้าบินที่กว้างที่สุดวัดได้ 257 ฟุต (78 เมตร)ปฏิบัติการบินลิฟต์ 4 ตัวของเรือลำเลียงอากาสยานและอุปกรณ์เครื่องมือต่างบนดาดฟ้าบินได้อย่างรวดเร็ว อกจากนี้ ยังมีลิฟต์สำหรับยุทโธปกรณ์อีก 9 ตัวติดตั้ง
ในโรงเก็บเครื่องบิน เพื่อขนส่งสรรพาวุธจากคลังแสงของเรือขึ้นไปยังโรงเก็บเครื่องบินและดาดฟ้าบิน เดิมมีกำหนดการปลดประจำการ 2025 แต่กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ขยายเวลาเป็นปี 2027
ภารกิจก่อนหน้านี้ ได้ร่วมกับกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี ฝึกร่วมกับสาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น แล้วเล่นเข้าสู่น่านน้ำสากลที่่จีนอ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ ก่อนมายังประเทศเทศไทยเพื่อแวะพัก และได้จัดงานเลี้ยงรับรองเพื่อฉลองวาระครบรอบ 190 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐฯ-ไทย หรืองานปาร์ตี้ “บิ๊กท็อป”ที่บริเวณโรงจอดอากาศยานของเรือเมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา โดยมี นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัคราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย กล่าวว่าประเทศไทยเป็นเพื่อนและพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในเอเชีย มิตรภาพของเรามีมาอย่างยาวนานร่วมสองศตวรรษ ซึ่งเราได้บรรลุความสำเร็จมากมายร่วมกัน ปีนี้เรากำลังฉลองวาระครบรอบ 190 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการระหว่างกัน
“สัมพันธไมตรีของเราช่วยส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพสำหรับทั้งภูมิภาค ช่วยทำให้ผู้คน สินค้า และความคิดใหม่ ๆ เดินทางได้อย่างเสรี ช่วยนำมาซึ่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการตอบสนองต่อภัยพิบัติที่สำคัญ และล่าสุดนี้ ช่วยให้เรารับมือกับการระบาดใหญ่ทั่วโลก…นอกจากนี้ ผมอยากจะขอบคุณเหล่าเจ้าหน้าที่ชายหญิงแห่งกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสหรัฐฯ สำหรับความมุ่งมั่นที่มีต่อความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันและคอยดูแลให้ประชาชนของเราปลอดภัย เรามีเรือ ทหารเรือ และนักบินของกองทัพเรือประจำการ 24 ชั่วโมงต่อวัน 365 วันต่อปี พร้อมที่จะตอบสนองต่อภัยคุกคามด้านความมั่นคงและภัยพิบัติทางธรรมชาติเมื่อร่วมมือกัน เราจะสามารถถักทออนาคตที่สดใสกว่าเดิมให้ชาวไทย ชาวอเมริกัน และผู้คนทั่วโลกครับ”
ในงานยังมี พลเรือเอกเชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนเหล่าทัพ เจ้าหน้าที่ฑูต รวมถึงนักการเมือง เช่น นายพิชัย นริพทะพันธ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย นายรังสิมันต์ โรม แกนนำพรรคก้าวไกล เข้าร่วมงานด้วย
สำหรับ “เพรสทัวร์ พาสื่อชมเรือครั้งนี้ เรือเอก เบน บูชง ในฐานะโฆษกเรือนิมิตส์ ได้นำสื่อไปที่บริเวณโรงจอดอากาศยาน ซึ่งมีเพียงเครื่องบอนจอดอยู่ไม่มากนัก โดยเขากล่าวว่า ถ้าไม่ได้มีงานเลี้ยงก็จะมีเครื่องบินจอดเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าไม่ได้ทำการบินก็จะมีการจอดและซ่อมบำรุงที่นี่ ทั้งเครื่องบินF-18 ซุปเปอร์ฮอร์นิก หรือเครื่องบินโกลเบอร์ (เครื่องต่อต้านสงครามอิเลคโทรนิกส์) และเฮลิคอปเตอร์ซีฮอล์ค
นอกจากนั้น ยังพาชมห้องบังคับการเรือดาดฟ้าเรือ ซึ่งมีเครื่องบิน F-18 จอดเรียงรายหลายสิบลำ ห้องออกกำลังกายฟิตเนส และห้องสวดมนต์ภาวนาเล็กๆ สำหรับศาสนาคริสต์ ซึ่งมีอนุศาสนาจารย์ 4 คน ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต
โฆษกฯ บอกว่า นับเป็นการออกเดินเรือในระยะเวลายาวครั้งแรกหลังช่วงสถานการณ์โควิดที่ว่างเว้นไปเกือบ3ปี ซึ่งถือเป็นช่วงโอกาสที่ดีในการเดินทางแวะพักที่ท่าเรือมีประเทศต่างๆอีกทั้งยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับลูกเรือที่ได้ออกมาปฎิบัติงานอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นการเดินทางตามเส้นทางปกติ
“ เราไปเทียบท่าที่เกาหลีใต้แล้วก็ผ่านทะเลจีนใต้ก่อนมาประเทศไทยการเดินทางก็ปกติปลอดภัยเรียบร้อยดี” โฆษก นิมิตซ์ระบุ
สำหรับรรยากาศบริเวณบนเรือ มีกำลังพลอยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเข้าไปที่ตัวเมืองพัทยาเพื่อจับจ่ายใช้สอย พักผ่อนหย่อนใจ มีเงินหมุนเวียนในพื้นที่จำนวนมาก บริเวณด้านล่างบริเวณท่าเรือ ก็มีการตั้งร้านค้าขายอาหาร เสื้อผ้าและของที่ระลึก มีการตั้งเต็นท์ วาง โต๊ะและเก้าอี้รองรับ ให้กำลังพลมาผ่อนคลายอริยบท ก่อนที่เรือ ดังกล่าวจะเสร็จสิ้นภารกิจในวันที่ 29 เมษายน เดินทางออกสู่ท้องทะเลครั้งเพื่อไปสู่เป้าหมาย ประเทศอื่นต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรมอุตุฯ คาดวันนี้ 'ภาคตะวันออก-ใต้-กทม.' เจอฝนถล่มหนัก 70%ของพื้นที่
กรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าในลักษณะทั่วไป
'มรสุม-พระพิรุณ' ขนาบซ้าย-ขวา ฝนถล่มไทยทุกภาค
กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่า
พยากรณ์อากาศ 10 วันล่วงหน้า พบสัญญาณการก่อตัว 'พายุไต้ฝุ่น'
กรมอุตุนิยมวิทยา อัปเดตผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน (ทุกๆ 24 ชม. : (นับตั้งแต่ 07.00 น. ถึง 07.00 น.วันรุ่งขึ้น) และลมที่ระดับ 925hPa (750 ม.) 10 วันล่วงหน้า
กรมอุตุฯ เปิดเส้นทางพายุดีเปรสชัน โค้งกลับมหาสมุทรแปซิฟิก ไม่มีผลกระทบไทย
กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์เส้นทางพายุดีเปรสชัน ศูนย์กลางอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศฟิลิปินส์