กรีดใจ เฉลิมชัย-หน.พรรคปชป. 'ผมจะเอาหลักการ กลับมาแทนหลักกูให้ได้'

ผมอยู่พรรคประชาธิปัตย์มา 22 ปี ส่วนตัวผมยอมที่จะเจ็บ แต่ผมจะไม่ยอมทำให้พรรคเสียหาย ทุกครั้งและหลายครั้ง ผมก็โดนแบบเจ็บแทบตายเหมือนกัน แต่พรรคต้องอยู่....ยอมเสียคำพูดผมเจ็บ แต่เนรคุณพรรค พรรคเจ็บ ผมเลือกที่จะเจ็บ เพื่อให้พรรคเดินไปข้างหน้า และผมจะต้องทำอย่างเต็มที่ รู้ว่าหนัก แต่ผมเลือก และหลายครั้ง ผมก็ทำแบบนี้มาตลอด

หลังได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ให้ เฉลิมชัย ศรีอ่อน ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่

พบว่าเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา คือวันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม เฉลิมชัย ศรีอ่อน-หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรียกประชุมใหญ่กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์นัดแรกอย่างเป็นทางการ โดยมีการมอบหมายแนวทางการขับเคลื่อนพรรคในด้านต่างๆ ให้กับกรรมการบริหารพรรคแต่ละคน โดยต้องยอมรับกันว่ากรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ยุค "เฉลิมชัย" เป็นหัวหน้าพรรค ถูกจับตามองอย่างมาก ถึงการขับเคลื่อนพรรคต่อจากนี้จะเป็นไปในทิศทางใด?

เฉลิมชัย-หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับรายการ อิสรภาพทางความคิด-ไทยโพสต์ ถึงการขับเคลื่อนพรรคประชาธิปัตย์ต่อจากนี้ รวมถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังการตัดสินใจเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ทางการเมืองที่ตามมา เช่น การถูกจับตามองว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจมีโอกาสเข้าร่วมรัฐบาลในอนาคต

โดย เฉลิมชัย-หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวนำถึงการเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค ปชป.ครั้งนี้ว่า เป็นสถานการณ์ซึ่งตอนที่ตัดสินใจก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าต้องเจอเหตุการณ์หลายอย่างแบบที่เจอตอนนี้ โดยจริงๆ แล้วการตัดสินใจของผม ตัดสินใจกันตอนสี่ทุ่ม วันที่ 8 ธ.ค. (ก่อนหน้าการประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์วันที่ 9 ธ.ค.) โดยผมขอรอดูข้อมูลชุดสุดท้ายก่อนถึงได้ตัดสินใจ ซึ่งข้อมูลชุดสุดท้ายคือเรื่องของความชัดเจนในการดำเนินงานของพรรคประชาธิปัตย์-ความชัดเจนของสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการเช็กครั้งสุดท้ายของผมต่อเหตุการณ์หลายอย่างว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นจริงหรือไม่

..ซึ่งเรื่องหนึ่งก็คือ ความเป็นเอกภาพ ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเรื่องนี้ผมพูดตลอดเวลา เป็นสิ่งที่ผมย้ำตั้งแต่เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ครั้งที่สอง (ตอนช่วงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นหัวหน้าพรรคหลังการเลือกตั้งใหญ่ปี 2562) ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเดินไปข้างหน้าได้ พลังอย่างหนึ่งก็คือความเป็นเอกภาพ โดยสี่ปีที่ผ่านมาก็เรียกร้องคำนี้คำเดียวเลย แต่ไม่ค่อยได้รับการตอบรับเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นวันนี้ หากผมต้องสูญเสียหลายอย่างในชีวิตไปเพื่อมารับตำแหน่งนี้แล้วพาพรรคขับเคลื่อนไป อันดับแรกต้องมีตรงนี้ก่อน ทุกคนต้องให้ความมั่นใจกับผมก่อนว่า ตรงนี้ต้องพร้อม รวมถึงยังมีอีกหลายปัจจัย แต่ปัจจัยสำคัญที่สุดคือปัจจัยที่เกิดขึ้นภายในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพูดตรงๆ เราไม่สามารถไปพูดนอกพรรคได้

"ผมอยู่พรรคประชาธิปัตย์มา 22 ปี ส่วนตัวผมยอมที่จะเจ็บ แต่ผมจะไม่ยอมทำให้พรรคเสียหาย ทุกครั้งและหลายครั้ง ผมก็โดนแบบเจ็บแทบตายเหมือนกัน แต่พรรคต้องอยู่"

-ตอนที่ตัดสินใจคืนวันที่ 8 ธ.ค. ตอนนั้นรู้หรือยังว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะถูกเสนอชื่อในที่ประชุมวันที่ 9 ธ.ค.ด้วย?

ไม่ทราบเลยครับ ตอนที่มีการเสนอชื่อก็แปลกใจ แต่ถามว่าเซอร์ไพรส์มากหรือไม่ ก็ไม่มาก แต่แปลกใจ เพราะคิดว่าคุณอภิสิทธิ์ไม่น่าจะลงสมัครในความรู้สึก แต่พูดตรงๆ อยู่ตรงนี้ก็ต้องมีการคาดคะเนไว้ส่วนหนึ่งแล้วว่าจะมีเหตุการณ์อะไรบ้าง

-แล้วเซอร์ไพรส์หรือไม่ที่คุณอภิสิทธิ์ท้ากลางที่ประชุมให้ไปคุยกันสองต่อสอง?

ตรงนี้ต้องยอมรับว่าไม่เคยคิดเลย แต่ก็พร้อมคุย ความจริงแล้ว การที่ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นคุณอภิสิทธิ์หรือใคร ผมพร้อมจะคุยสองต่อสองหมด เพราะไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ผมพร้อมจะตอบคำถามทุกคำถามได้

-สิบนาทีที่ไปปิดห้องคุยกันสองต่อสองกับคุณอภิสิทธิ์ คุยอะไรกัน?

ผมก็บอกคุณอภิสิทธิ์ว่า ผมจะพูดสิ่งที่เป็นความจริง และเราจะรู้กันสองคน และเป็นสิ่งที่ต้องให้คุณอภิสิทธิ์รับรู้ว่าภายในพรรคเป็นอย่างไร มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง คุณอภิสิทธิ์อยู่ข้างนอก อาจไม่ได้รับรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์เวลานี้เป็นอย่างไร

และเมื่อท่านอยากคุยกับผม อะไรที่เป็นความจริง ผมต้องคุยกับเขา พอคุยกัน ผมก็บอกว่ามันเป็นอย่างไร แล้วต่อไปมันจะเกิดอะไรขึ้น พอคุณอภิสิทธิ์ฟังแล้ว เขาก็บอกโอเค เขาก็รับทราบแล้ว เขาก็มีความคิดเห็นว่า เป็นไปได้ที่ผมพูดมา ที่เป็นเรื่องของสถานการณ์ของพรรค

-ตอนที่คุยกับคุณอภิสิทธิ์ มีการพูดกันหรือไม่ว่า "ขอบอกไว้ก่อน อนาคตจะร่วมรัฐบาล" มีหรือไม่?

ไม่มีเด็ดขาด ผมอยากบอกผ่านสื่อไปด้วยว่า ถ้าไม่ได้ฟังเอง อย่าไปเขียน อย่าไปเดา ผมไม่ได้พูดเลยแม้แต่คำเดียว เรื่องการร่วมรัฐบาล ไม่มีหรอกครับ ไม่มี ไปถามคุณอภิสิทธิ์ดูว่าผมพูดหรือไม่ ผมบอกแต่ว่าให้เชื่อใจผม จะเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่เข้มแข็งและสมบูรณ์ ผมจะนำความเป็นประชาธิปัตย์กลับคืนมา

ฝากด้วยคนที่เอาข่าวไปเต้าอะไรกัน มันไม่เป็นธรรมกับพรรค ส่วนตัวผม คุณตั้งใจขยี้อยู่แล้ว ไม่เป็นไรครับ เพราะชีวิตผม ผมก็เอาตัวรับแทนพรรคมาทุกสถานการณ์

-แต่ตรงนี้แม้ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับคุณอภิสิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าจะปิดทางตัวเองในการที่จะไปร่วมรัฐบาล?

คืออย่างนี้ เราอย่าไปมองว่าพรรคการเมืองต้องเป็นรัฐบาลในวันนี้ ภาพของนักการเมือง พรรคการเมือง คุณต้องพร้อมเป็นทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล แต่การเป็นหน้าที่อะไร คุณต้องทำหน้าที่นั้นให้สมบูรณ์

วันนี้เราเป็นฝ่ายค้าน เราก็ทำหน้าที่ให้เต็มที่ ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้เข้มแข็งและสมบูรณ์ วันนี้เราก็เริ่มแล้ว ตรวจสอบรัฐบาล เพียงแต่ว่าเราถูกปรามาสทางสังคมที่ผมไม่ได้ว่าสังคม เพราะแม้กระทั่งคนในพรรคด้วยกันเอง ยังดูถูกกันเอง คนอื่นเขาก็ไม่ไว้หน้าอยู่แล้ว

-แต่พูดเยี่ยงนี้ไม่ได้หมายถึงว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่?

ผมยืนยันว่า วันนี้เราไม่ร่วมรัฐบาล

-แต่วันหน้าก็เป็นเรื่องของวันหน้าใช่ไหม?

มันต้องมีเหตุและผล การร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ผมว่าทุกคนรู้ดี ไม่ได้ผมตัดสินใจ อย่างวันนี้ ถ้าจะร่วม ผมยืนยัน ประชาธิปัตย์ไม่มีทางเป็นพรรคอะไหล่ ไม่มีวันไปขอร่วม ยืนยันได้เลย ไม่มีวันที่จะไปขอร่วมรัฐบาล เมื่อวันนี้ผมเข้ามารับผิดชอบ ไม่มีทางครับ เราไม่ใช่พรรคอะไหล่ ไม่มีทางไปขอร่วม และสอง การที่หากจะมีการส่งเทียบเชิญมา ไม่ใช่ว่าอยู่ที่ใครตัดสินใจ แต่อยู่ที่กรรมการบริหารพรรคกับ สส.ของพรรค

ผมขอยกตัวอย่าง คืออดีตหัวหน้าพรรคทุกคน ท่านชวน หลีกภัย ท่านบัญญัติ บรรทัดฐาน ท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ต้องรับทราบและต้องมีการระดมความคิดเห็น ว่าสมควรหรือไม่สมควร วันนี้สื่อที่ออกไปเหมือนกับว่า ที่ผมเข้ามาเพื่อจะได้ตัดสินใจเพียงคนเดียว ซึ่งมันผิดข้อเท็จจริงตั้งแต่ต้น เพราะประชาธิปัตย์มีระบบ มีหลักการ

ย้ำหนักแน่น ปชป. ไม่มีวันเป็นพรรคอะไหล่

-ก็คือไม่ใช่ประกาศว่าชาตินี้ เราจะไม่เข้าร่วมรัฐบาล ไม่ใช่ แต่ว่าหากจะเข้าร่วมรัฐบาล คือต้องมีความชอบธรรม มีเหตุมีผล และไม่ใช่เพราะไปร้องขอเขา?

ใช่ครับ และยืนยัน ไม่เคยเป็นพรรคอะไหล่ใคร อย่ามาพูดว่าประชาธิปัตย์เป็นพรรคอะไหล่ ผมขอร้อง พูดแบบนี้ ทำลายพรรค

-พรรคอะไหล่ ในนิยามของคุณเฉลิมชัยคืออะไร?

คือเป็นพรรคที่เป็นลูกน้องเขา เป็นพรรคเสริม พรรคอะไรต่างๆ ให้เขา ซึ่งแบบนี้ ประชาธิปัตย์ไม่เคยเป็น หลายคนไปพูดหาเสียงว่าเราจะไม่เป็นพรรคอะไหล่ แล้วเราเคยเป็นพรรคอะไหล่เมื่อไหร่ คุณลองบอกมา

-สมมุติรัฐบาลอยู่ไปสักประมาณหนึ่งปีครึ่ง แล้วบ้านเมืองมีความจำเป็น แล้วพรรคอธิบายกับสังคม แล้วสังคมไม่ขัดข้อง ขณะเดียวกัน พรรคก็เห็นพ้องแบบเป็นฉันทามติ แบบนี้ก็ไม่เป็นไร ก็ร่วมได้ ?

ก็อยู่ที่สถานการณ์ ณ วันนั้น แต่ ณ วันนี้ ผมยืนยันว่าเราเป็นพรรคฝ่ายค้าน และไม่มีวันที่เราจะไปขอร่วมรัฐบาล

-ตอนนี้ คุณอภิสิทธิ์ก็ลาออกจากสมาชิกพรรคไปแล้ว ฟังจากคุณอภิสิทธิ์ก็เหมือนกับว่าอยากตัดปัญหา คล้ายๆ กับว่าในช่วงที่ผ่านมา 2-3 ปีมานี้ คนมองจากภายนอกว่าความวางใจต่อกันมันน้อย มีข่าวว่าคนนี้จะล้มคนนั้น อันนี้เรื่องจริงหรือไม่?

ผมอยากจะพูดแบบนี้ว่า ประชาธิปัตย์เป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนโดยบุคคล ขับเคลื่อนด้วยคน เพราะฉะนั้น จะเอาคนนี้กับคนนั้นไปเปรียบเทียบกันมันไม่ได้ ผมถึงอยากบอกว่า ผมกับคุณอภิสิทธิ์เราสนิทกัน เรามีความเชื่อใจกัน ถ้าถามผมว่าคำนี้จะได้ยินจากคุณอภิสิทธิ์หรือไม่ ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน เพราะความสนิทกัน ความเชื่อใจกัน ในการทำงานร่วมกัน มันมีอยู่ ผมถึงบอกว่าอย่าเอาผมไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เวลานี้ หากมีเหตุผล มีความจำเป็นที่พรรคจะเดินไปข้างหน้า ผมว่ามันต้องมีเหตุผลที่ดีกว่านี้สำหรับผม

ฉากหลังการเมืองในวันที่ 'ค้ำ' เก้าอี้หัวหน้าพรรค ปชป.

-หลังจากนี้ไทม์ไลน์ในการเข้ามากอบกู้ ปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ เป็นอย่างไร?

ผมคิดไว้แบบนี้ คือส่วนตัวผมจะไม่ใช่คำว่า กอบกู้ เพราะประชาธิปัตย์คือสถาบันการเมืองที่อยู่คู่กับประเทศไทย อาจจะมีขึ้นบ้างลงบ้าง วันนี้อาจเป็นช่วงที่เรากำลังลง แต่ไม่ถึงกับว่าต้องกอบกู้ เพียงแต่ว่าเราจะพาประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มีหลักการและอุดมการณ์เดิม ให้พรรคประชาธิปัตย์เข้มแข็งขึ้น ให้ประชาธิปัตย์เปิดกว้างมากขึ้น คือสิ่งที่ผมจะบอกว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคประชาธิปัตย์ นี่คือเป้าหมายเลย ที่ก็พูดมาตั้ง 2-3 ปีแล้วว่าประชาธิปัตย์ต้องมีการเปลี่ยนแปลงหลังการเลือกตั้ง

วันนี้ถามว่ารู้หรือไม่ ทำไมผมพูดแบบนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่ได้บอกกับสังคม เพราะว่าผมยึดหลักการพรรคประชาธิปัตย์จริงๆ

กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ยุคหัวหน้าจุรินทร์ แล้วผมเป็นเลขาธิการพรรค หมดวาระวันที่ 15 พ.ค.2566 ซึ่งการเลือกตั้งมีวันที่ 14 พ.ค.2566

ผมถึงบอกว่าหลังการเลือกตั้งจะมีการเปลี่ยนแปลงในพรรคประชาธิปัตย์ นี่คือเหตุผลที่ผมบอก เป็นเหตุผลที่หลายๆ ครั้งที่มีข่าวว่าประชาธิปัตย์มีปัญหา ผมยืนอยู่เคียงข้างหัวหน้าจุรินทร์ ด้วยหลักการประชาธิปัตย์ และไม่ต้องมาอ้างว่าคนโน้นคนนี้เป็นคนช่วยหัวหน้าจุรินทร์ ผมนี่แหละครับเป็นคนค้ำหัวหน้าจุรินทร์ ไปถาม ท่านยังอยู่ ลองไปถาม ไปถามได้ ทุกเหตุการณ์

-คำว่า "ค้ำ" คืออะไร?

ทุกอย่าง ในหน้าที่การเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อพรรคและหัวหน้า นี่คือสิ่งที่ผมทำ และไม่ต้องการให้ประชาธิปัตย์เสียหลักการ ประชาธิปัตย์ไม่เคยปลดหัวหน้าพรรคกลางคัน

-ค้ำ ก็คือ ค้ำเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ถูกหรือไม่?

ก็หลายๆ คน ความจริงผมไม่อยากจะพูด แต่หลายๆ คนออกมาพูด เหมือนกับตัวเองเอาความชอบ เหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนกำหนด แต่ข้อเท็จจริง บุคคลต่างๆ ที่อยู่ในกลุ่มนั้นยังมีชีวิตอยู่ มันไม่สามารถจะหลอกได้ หลอกตัวเองน่ะหลอกได้ แต่หลอกข้อเท็จจริง ความจริง หลอกไม่ได้

-ก่อนหน้านี้ตอนเกิดเหตุคดี ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ก็มีการเคลื่อนไหวจะให้กรรมการบริหารพรรคลาออกกัน เพื่อจะได้ทำให้คุณจุรินทร์ออกจากหัวหน้าพรรค แล้วคุณเฉลิมชัยมาค้ำไว้ ถูกต้องไหม?

จริงๆ แล้วมันก่อนหน้านั้นอีกที่จะมีปัญหาภายใน
ซึ่งผมบอกแล้วว่า การพูดปัญหาภายในกันไม่ใช่วิสัยที่ผมจะทำ พูดแล้ว พรรคก็เสียหาย แต่วันนี้หลายๆ คนเพื่อประโยชน์ตัวเอง ก็พยายามเอาสิ่งนี้มาพูด ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในวงจรตรงนั้น หรือมีคนไปเท็จทูลให้ฟัง ถามหัวหน้าจุรินทร์ ท่านจะรู้ดีที่สุดว่าอะไรเกิดขึ้น หรือถามกรรมการบริหารพรรค ถาม สส. ที่เป็นผู้หญิงในพรรค แล้วจะทราบ รายชื่อก็ยังมี วันนี้ทุกคนยังอยู่ครบ ทุกคนไม่ได้ไปไหน ลองไปถามดูแล้วความจริงจะปรากฏ แต่ความจริงอะไรก็แล้วแต่ภายในพรรค พูดแล้วพรรคเสียหาย ผมไม่ทำ ถึงวันนี้ ผมก็ไม่ทำ

-ไม่ใช่คำว่ากอบกู้พรรค แล้วจะใช้คำว่าอะไร?

เปลี่ยนแปลงพรรค ฟื้นฟูพรรค อันดับแรก ผมจะทำภาพนี้ให้เกิดขึ้น ไม่เกินวันประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่อยู่ในช่วงประมาณต้นเดือนเมษายน 2567 คือเป็นภาพที่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงหลายเรื่อง ทั้งเชิงโครงสร้าง-แนวทาง-วิธีการและภาพลักษณ์

โดยเรื่องอุดมการณ์แน่นอนอยู่แล้ว ผมยืนยันจะเอาหลักการประชาธิปัตย์กลับมาสู่ประชาธิปัตย์ แล้วต้องบอกเลยครับ หลายปีที่ผ่านมา มันหลักกูทั้งหมด ไม่ใช่หลักการ แต่ผมจะเอาหลักการกลับคืนมาในวันที่ผมเป็นหัวหน้า แล้วเมื่อทุกอย่างจบ ผมก็จบ ก็โอเค

-ที่ผ่านมา หลักกูเยอะไปหน่อย?

ทุกคนรู้ทั้งหมด เอาความจริงมาพูดกันเถอะวันนี้

-แต่คนบอก หลักการอย่างเดียวก็ไม่พอ ต้องเอาประสบการณ์ด้วย หลักการอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอ?

ที่ผมอยู่ประชาธิปัตย์มายี่สิบกว่าปี ผ่านมาทั้งการเป็นพรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน ผ่านการเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์มาสองรอบ เป็นกรรมการบริหารพรรคมาตั้งแต่ปี 2549 แล้วก็เป็นรัฐมนตรี ก็จะได้เห็นภาพของการเปลี่ยนแปลงของพรรค

ซึ่งเรื่องอุดมการณ์ หลักการ ประชาธิปัตย์ไม่เคยเปลี่ยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์จะรู้ ผมเป็นเจ้าหลักการตัวจริง ผมไม่ยอมเสียหลักการโดยเด็ดขาด และเป็นหลักการที่ยอมเอาตัวเข้าเจ็บแทนพรรคด้วย

เปิดใจเสียงวิจารณ์ กลับคำพูด เลิกเล่นการเมือง

-แต่ที่สังคมวิจารณ์กันมาก ก็คือการที่คุณเฉลิมชัยกลับคำพูดของตัวเอง ที่เคยพูดว่าจะล้างมือการเมืองตลอดชีวิต (หากพรรคประชาธิปัตย์ได้ สส.ในการเลือกตั้งปี 2566 น้อยกว่าการเลือกตั้งปี 2562 ) ตรงนี้ใช่หรือไม่ว่าไม่เคารพหลักการ?

ผมว่าเรื่องหลักการไม่เกี่ยว หลักการเป็นเรื่องขององค์กร คำพูดเป็นเรื่องส่วนตัว ต้องแยกตรงนี้ก่อน และทุกเวที ทุกสถานที่ ผมไม่เคยปฏิเสธคำพูดของผม และผมก็แสดงทุกอย่างให้ชัดเจนว่าผมกำลังจะออกจากการเมือง แต่ว่าคุณไม่มีสิทธิ์มาบังคับผมให้ผมต้องออกจากประชาธิปัตย์ หรือมาไม่ให้ผมรักประชาธิปัตย์ ที่ผมให้สัมภาษณ์ไปแล้ว

แม้กระทั่งสองเดือนสุดท้ายก่อนมีการประชุมใหญ่พรรค (เมื่อ 9 ธ.ค.) ผมไม่เคยเชิญ สส.ไปทานข้าวที่บ้านเลย เพื่อให้รู้ว่าผมจะวางมือแล้ว นี่คือสิ่งที่ผมสัมภาษณ์ เพื่อสื่อให้รู้ว่าผมตั้งใจจะหยุดจริงๆ แต่เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งที่เราต้องตัดสินใจ มันมีเหตุผลอยู่สองอย่าง

ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปมันผูกมัดผม และถ้าผมตัดสินใจ ทุกคนจะประณามว่าผมเสียคำพูด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมใช้มาทั้งชีวิต

ลองคิดดูว่าคนคนหนึ่ง กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ลูกชาวไร่ชาวนาคนหนึ่ง แล้วใช้ความเป็นจุดเด่นของผมตรงนี้คบคน สร้างตัวตนขึ้นมา แล้วต้องสูญเสียตรงนี้ มันเจ็บปวดไหม

กับอีกมุมหนึ่ง ผมมองว่าวันนี้ในความเป็นจริง ถ้าทุกคนรู้แล้วพูดได้ ประชาธิปัตย์วันนั้นแตกแน่นอน

-ที่บอกว่าประชาธิปัตย์แตกแน่นอน คือหากไม่พูดตอนนั้นหรือ?

ไม่ใช่ครับ หมายถึงสถานการณ์ ณ ตอนนั้น หากผมไม่กระโดดลงมา รับประกันได้เลย

-กระโดดลงมาหมายถึง?

มารับตรงนี้ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. (เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์) ผมว่าผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสในพรรคประชาธิปัตย์รับรู้รับทราบ คือหมายถึงไม่ต้องรอสมัยหน้า ประชาธิปัตย์ต่ำสิบทันที ต้องเอาความจริงทั้งหมดมาพูดกัน แต่ความจริงมันพูดทั้งหมดไม่ได้

-อันนี้ไม่ได้พูดเข้าข้างตัวเอง?

ลองไปถาม สส.ประชาธิปัตย์ดู ลองไปถามคนที่กล้าพูดความจริงดูว่ามันจริงหรือไม่จริง แต่เพราะอะไร เป็นเหตุผลที่ผมพูดไม่ได้ และเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ผมบอกกับคุณอภิสิทธิ์ (ในการประชุมใหญ่พรรควันที่ 9 ธ.ค.) ก็อยู่ในส่วนนั้น ซึ่งเท่าที่คุย คุณอภิสิทธิ์ก็โอเค ท่านพอทราบ โดยตอนที่คุยกัน คุณอภิสิทธิ์ก็บอกกับผมว่าจะขอลาออกจากสมาชิกพรรคด้วย ผมก็บอกกับคุณอภิสิทธิ์ว่า "ไม่ลาออกไม่ได้หรือ" คุณอภิสิทธิ์ก็บอกว่า "จำเป็น" ผมก็บอกว่า ผมเคารพการตัดสินใจของท่าน

กรีดใจ 'เฉลิมชัย' ผมเลือกที่จะเจ็บ เพื่อให้พรรคเดินไปข้างหน้า

เฉลิมชัย กล่าวต่อไปว่า วันนี้เมื่อผมอยู่กับประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ให้ผมทุกอย่างในทางการเมือง พรรคกำลังจะแตก พรรคกำลังจะเละเทะ

....คำคำหนึ่งที่ผมต้องสำนึกอยู่คือ ผมจะอกตัญญูกับพรรคหรือไม่ ปล่อยให้พรรคอยู่ในสภาพที่ผมคิดว่าจะต้องเป็นแบบนั้น คาตาอยู่แบบนั้น มันก็ไม่ต่างกับคนเนรคุณ ผมก็มานั่งชั่ง สองวันเต็มๆ ในการตัดสินใจว่าจะยอมเสียคำพูดหรือจะยอมเป็นคนเนรคุณพรรค

"ยอมเสียคำพูด ผมเจ็บ แต่เนรคุณพรรค พรรคเจ็บ ผมเลือกที่จะเจ็บ เพื่อให้พรรคเดินไปข้างหน้า และผมจะต้องทำอย่างเต็มที่ รู้ว่าหนัก แต่ผมเลือก และหลายครั้งผมก็ทำแบบนี้มาตลอด ผมไม่เคยเห็นใครที่บอกว่ารักพรรคมาปรบมือให้ผม เอาดอกไม้มาให้ผมสักดอก ไม่มีเลยครับ ผู้บริหาร ผู้นำ ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่จะรับแต่ชอบอย่างเดียว แต่ต้องรับผิด-ชอบ สองอย่างนี้ ต้องรับไปด้วยกัน แต่ผมเห็นมีแต่คนรับชอบ ให้รับผิด หาตัวแทบไม่เจอเลย"

...ผมถึงบอกว่า หลังจากประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ล่มไปสองครั้ง ผมถึงถามหาสำนึก จิตสำนึกของคน ผมบอกว่าสำนึก มันลึกกว่าสันดาน มันขุดเจอยากมาก ถ้าถามผมวันนี้ ผมก็บอกคำเดิมว่ามันลึกจริงๆ เพราะถึงวันนี้ ผมยังหาสำนึกไม่เจอเลย แต่ผมเห็นสันดานหลายคนแล้ว แต่สำนึกยังไม่เห็นเลยจริงๆ มันลึกจริงๆ

-คนก็มองกันว่าประชาธิปัตย์มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ต้องมีมติตั้งองค์ประชุมสำรอง (ในการประชุมใหญ่พรรควันที่ 9 ธ.ค.)?

ก็ทุกคนเห็นแล้วว่าการประชุมใหญ่พรรคสองครั้งก่อนหน้านี้ล่มเพราะอะไร องค์ประชุมครบ แต่มันถูกกลุ่มบางกลุ่มสะกิดให้เดินออกจากห้องประชุมหน้าตาเฉย อย่าลืมว่าพรรคการเมืองมี พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ ควบคุมกำกับ การที่พรรคการเมืองไม่สามารถดำเนินกิจกรรมได้ในหนึ่งรอบปี มันอยู่ในข่ายที่พรรคจะหมิ่นเหม่กับการทำผิดกฎหมาย ผมไม่ต้องการเห็นภาพนั้น

-กรณีของมาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค ที่ไม่สามารถลงแข่งชิงหัวหน้าพรรคได้ เพราะเสียงโหวตรับรองให้ยกเว้นข้อบังคับไม่ถึง 3 ใน 4 ก็เป็นเรื่องขององค์ประชุม แต่คนก็มองว่าหากฝ่ายคุณเฉลิมชัยกับนายเดชอิศม์ เลขาธิการพรรค เปิดทาง ก็สามารถลงแข่งได้ มันก็จะดูดี?

ประชาธิปไตย ต้องยอมรับมติ อย่าลืมว่าประชาธิปไตย เมื่อมีการแข่งขัน ผลออกมาก็ต้องยอมรับมติของที่ประชุมตรงนั้น

เรื่องไลน์หลุดก่อนวันโหวต?

บังเอิญสมัยก่อนๆ ที่ผ่านมา เทคโนโลยีไม่เหมือนทุกวันนี้ คือคนที่จะลงเลือกตั้งอะไรก็ต้องหาเสียงทุกคน ผมถามว่าทางท่านหาเสียงหรือไม่ แล้วทางกลุ่มของท่านมีการบล็อกกันไหม วันนี้เราอย่าไปมองในมุมเดียว อย่าถือว่ามีสื่อในมือแล้วจะทำอะไรก็ได้ เป็นจำเลยสังคม พวกผมเป็นจำเลยสังคม ผมก็บอกว่าสิ่งเดียวที่จะสามารถตอบคำถามสังคมได้ ก็คือเราต้องทำให้ทุกคนเห็น แล้ววันนั้นคนที่มาใส่ร้ายเรา คนที่ตั้งธงว่าเราเลวร้ายอะไรต่างๆ เขาจะละอายใจตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้คงใช้เวลาไม่นาน สิ่งนี้ไม่ต้องใช้เวลาทั้งชีวิต

-แต่บางคนเขาบอกว่ารับไม่ได้ที่เอาคนกลับคำพูดมาเป็นผู้นำพรรค?

ก็ต้องดูว่า ในสังคมวันนี้ ทุกคนมีเหตุผล ผมก็มีเหตุผล ต้องดูไปว่าผมจะทำอย่างไรกับพรรค และผมจะทำอย่างไรกับชีวิตการเมืองผม

ผมบอกแบบนี้ว่า ถ้าวันไหนพรรคสามารถเดินไปได้ ผมเป็นคนไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมือง แล้ววันนั้นท่านจะเห็นการตัดสินใจของผม

-มีการพูดกันว่า พอคุณเฉลิมชัยเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคสักระยะหนึ่งแล้ว พอเข้าที่เข้าทางแล้วจะกวักมือเรียกคุณอภิสิทธิ์กลับมาประชาธิปัตย์ จะมีฉากนี้หรือไม่?

คือผมมีความเสียใจทุกครั้งที่สมาชิกพรรคเดินออกจากพรรค แต่ว่าการเป็นสมาชิกพรรค มันเป็นเรื่องของศรัทธา เป็นเรื่องของประชาธิปไตย

ผมไม่มีสิทธิ์ไปห้าม แต่ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากให้ทุกคนออก และถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ทุกคนกลับเข้า แต่ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้มันไม่ได้เกิดเพราะผมเพียงคนเดียว มันต้องเกิดเพราะอีกฝ่ายหนึ่งด้วย

และถ้าสมมุติว่าจะออกจากพรรคไป ผมว่าสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องตระหนักให้ดีก็คือ การออกไป คุณไม่ควรทำร้ายพรรค หลายคนผมว่า สังคมรับรู้ว่าเจตนาที่ออกไปคืออะไร ออกจังหวะเวลาไหน คำพูดเป็นอย่างไร

ผมว่ามันส่อเจตนาหมดว่าแต่ละคนคิดอะไร ผมว่าไม่มีประโยชน์ ทำร้ายพรรคแล้วท่านจะเจริญหรือ? ทำร้ายพรรคแล้วท่านจะดีขึ้นหรือ?

-เหมือนจะบอกว่า ต่อให้ไม่มีกรณีนี้ หลายคนก็เตรียมการจะออกจากพรรคอยู่แล้ว ถูกหรือไม่?

บางคนก็ยื่นใบลาออกล่วงหน้า บางคนไม่เคยเข้าพรรคมาเป็นสิบปี ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมกับพรรคเลยหลายปี แต่วันนี้มาโผล่หน้า มาบอกขอลาออก รับไม่ได้

ก็จริงๆ แล้วคุณก็ไม่เคยมาเหยียบที่พรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ทำไมต้องมาอาศัยสถานการณ์แบบนี้ทำให้พรรคดูแย่ลง ผมถามคุณรักพรรคจริงหรือ

-จะมีวิธีการใดบ้างที่ทำให้เลือดเก่าของพรรคที่เคยไหลออกไป ให้กลับมาพรรคประชาธิปัตย์?

วันนี้ก็มีการคุยกันหลายคน มีคนที่เคยลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไปในช่วงปี 2562-2563 แต่อย่าเพิ่งเอ่ยชื่อเลย ก็มีการโทรศัพท์มาแสดงความยินดีกับผม โดยผมก็ได้บอกกลับไปว่ามาช่วยกันสร้างประชาธิปัตย์ นี่คือบ้านของพวกเรา โดยในการประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ผมก็จะได้แจ้งทิศทางที่เราจะหารือกันในเรื่องแนวทางการขับเคลื่อนพรรคประชาธิปัตย์ ผมจะบอกเลยว่าเราต้องทำให้เขาเห็นว่า วันนี้เราเข้ามาเพื่อแก้ไข เปลี่ยนแปลง ทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือ การกระทำ ผมเชื่อว่าถ้าเขาเห็นแบบนี้ ด้วยความผูกพัน ด้วยความรู้สึกที่เขามีต่อประชาธิปัตย์ ก็ทำให้คนเก่าเขาจะได้พิจารณาว่าจะเข้ามาช่วยกันสร้างหรือไม่ กับคนใหม่ที่เขาจะได้มองว่า หากเขาเข้ามาแล้วจะมีโอกาสอะไรบ้างในพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากที่มีการพูดกันว่าพรรคปิด คนใหม่ที่ยังไม่เคยอยู่ประชาธิปัตย์ แต่การจะเข้ามาที่พรรคมันยากมาก มีกำแพงอะไรต่างๆ ผมก็จะบอกว่าผมจะทำทุกอย่างให้มันเป็นไปตามปัจจุบัน ประชาธิปัตย์ต้องเปิดมากกว่านี้ ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่า หากเราเดินไปแบบนี้ ผมก็มั่นใจ

-ส่วนเรื่องเลือดไหลออก ถึงตอนนี้คงหยุดแล้ว?

ก็ตอบไม่ได้ เพราะจิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง ก็ยากที่จะเดา ผมไม่รู้ว่าแต่ละคนคิดอะไรอยู่ แต่สิ่งที่อยากจะบอกทุกคนคือ พรรคเป็นองค์กร ทำร้ายพรรคไม่มีประโยชน์ มาช่วยกันสร้างดีกว่า

สำหรับกรรมการบริหารชุดปัจจุบัน การที่มีรองหัวหน้าพรรค 13 คน ก็เป็นไปตามโครงสร้างพรรค ตามข้อบังคับพรรค ที่มีมาแบบนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว ซึ่งก็ต้องไปพิจารณาดูว่า พูดตรงๆ เลยคือมันเทอะทะไปหรือไม่ ในการบริหารงาน ตรงไหนที่ควรปรับลด คือวันนี้ผมคิดว่าประชาธิปัตย์ต้องทำงานในภาคปฏิบัติให้มาก โชว์ภาพให้น้อย การที่มีกรรมการบริหารพรรคเยอะ มันโชว์ภาพว่าเราเป็นประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยมันไม่ได้วัดที่จำนวนหรือปริมาณ แต่วัดที่การกระทำ อันนี้คือสิ่งที่ผมเน้นกับทุกคน

-กรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันก็มีคนรุ่นใหม่ คนหนุ่มสาว น่าพอใจหรือยัง?

มันยังไม่ใช่วันที่ประชาธิปัตย์เปิดจริงๆ มันยังมีเงื่อนไข ข้อบังคับ กติกา คุณสมบัติ หลายอย่างที่ยังเป็นกำแพงอยู่ ทำให้หลายๆ คนคิดว่ายังไม่ใช่เวลาที่จะเข้ามาที่ประชาธิปัตย์ เราก็ต้องทำให้กำแพงนี้เตี้ยลง มันเบาบางลง แต่ก็ต้องมีกระบวนการในการคัดคนที่จะเข้าพรรคประชาธิปัตย์

-แต่ด้วยภาพลักษณ์ที่คนมอง หัวหน้าพรรค เฉลิมชัย เลขาธิการพรรค เดชอิศม์ ขาวทอง มันภาพทะมึนทึน?

ประวัติของผม เป็น รมว.แรงงาน เป็น รมว.เกษตรฯ ผมเคยมีข่าวทุจริตคอร์รัปชันหรือไม่ เงินโสโครกพวกนั้น บาทเดียวผมก็ไม่เอา ผมประกาศชัดเจน วันนี้บอกเลย ใครทำผิดหลายๆ เรื่อง ที่วันนี้เข้ามาแล้วอาจจะเป็นเงื่อนไขว่าผมอยู่สายบ้านใหญ่ สายนักเลงโบราณ ผมอยากบอกว่าสิ่งที่ผมมี มันเป็นตัวตนผม ผมจะมีพวก ผมจะใจถึง ผมผิดหรือ แต่ทำไมไม่ดูว่าการทำงานของผมเป็นอย่างไร ผมมั่นใจว่าผมเป็นรัฐมนตรีของประชาธิปัตย์ที่สะอาด ซื่อสัตย์คนหนึ่ง อยู่ในระดับต้นๆ ยืนยันได้เลยครับ

สำหรับคุณเดชอิศม์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ วิถีชีวิตของเขา ตัวเขามาจากท้องถิ่น ก็ต้องยอมรับว่าการที่จะโตได้ในท้องถิ่นก็ต้องครบเครื่องพอสมควร แต่อย่าลืมว่าหากเขาผิดกฎหมาย เขาก็มายืนตรงนี้ไม่ได้ อย่าไปตีคน ดูถูกคน โดยที่ยังไม่เห็นว่าพฤติกรรม การกระทำเขาเป็นอย่างไร คนที่คุณไม่รู้จักเลย คนที่เขาทำอะไรผิดพลั้ง คุณบอกต้องให้โอกาสเขา แต่คนนี้เขาเป็นคนในครอบครัวคุณ คนในครอบครัวที่มีความตั้งใจมาช่วยครอบครัว มาทำบ้านหลังนี้ให้มันแข็งแรงสมบูรณ์ขึ้น ทำไมไม่มาให้กำลังใจ ไม่มาแนะนำ มาเป็นพี่เลี้ยง มันจะดีกว่าหรือไม่ ดีกว่าจะมาทำลายกันหรือไม่

อย่าเอาพรรคไปหากิน ถ้ามีโอกาสเป็นผู้อาวุโสพรรค ผมจะไม่พูดคำนี้

-ก็มีคำพูดของผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสในพรรคประชาธิปัตย์ อย่างคุณชวน หลีกภัย ก็บอกว่า ฝากกรรมการบริหารพรรค อย่าให้เขาเอาพรรคไปหากิน ฟังคำพูดแบบนี้แล้ว คิดมากหรือไม่?

ผมเรียนอย่างนี้ว่า ถ้าวันหนึ่ง ผมมีโอกาสเป็นผู้อาวุโสพรรค ผมจะไม่พูดคำนี้ ถ้าผมมีโอกาส ผมไม่พูด เพราะผมมีสำนึก ผมรู้ดีว่าสิ่งไหนที่จะทำให้พรรคเสียหาย สิ่งไหนที่ทำแล้วพรรคไม่ได้ประโยชน์ ผมก็จะไม่ทำ

-หลังจากคุณชวนพูดแบบนั้นแล้ว ได้มีโอกาสไปคุยด้วยหรือไม่?

ไม่มีครับ เพราะเราไม่ได้เป็นแบบนั้น เราไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผมยืนยันทุกที่ ผมประกาศบนเวทีพรรคประชาธิปัตย์ ว่าผมจะเอาหลักการและอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์กลับมา และจะเป็นฝ่ายค้านที่สมบูรณ์และเข้มแข็ง และพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีวันเป็นพรรคอะไหล่ใครทั้งหมด

มันไม่พอหรือครับ สำหรับคนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือว่ามันไม่มีน้ำหนัก เพราะว่าอยู่คนละสายกัน ผมต้องฝากคำถาม ไปถามกับสังคมว่า วันนี้ที่พวกผมขึ้นมา พวกผมขึ้นมาเพื่อเอาพรรคไปหากินหรือครับ แล้วที่หลายๆ ปี เกือบสิบปีมาที่ผมอยู่กับพรรค แบบจงรักภักดีตั้งแต่สมัยคุณอภิสิทธิ์ (เป็นหัวหน้าพรรค) แม้แต่วันที่ผมลาออกจากเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยเหตุผลที่คุณอภิสิทธิ์ก็รู้ แต่ผมจะไม่พูด อะไรที่ทำให้พรรคเสียหาย ผมจะไม่พูด ผมลาออกจากเลขาธิการพรรค แล้วใครที่ช่วยพรรค ยืนอยู่คู่กับคุณอภิสิทธิ์เลย ผมนี่แหละครับ ผมไม่มีตำแหน่ง ผมก็ไม่ทิ้งพรรค ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีอะไรเลย แต่ก็ยังถือว่านี่คือบ้านที่ผมต้องปกป้องรักษา ถ้าทุกคนมีสำนึกแบบนี้ ประชาธิปัตย์เดินได้

เสียงวิจารณ์ ประชาธิปัตย์ เข้ายุค 'บ้านใหญ่-รายจังหวัด'

-มีการวิเคราะห์กันว่า ต่อจากนี้ไปประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคการเมืองที่มีลักษณะแบบบ้านใหญ่ เช่น บ้านใหญ่ประจวบคีรีขันธ์ บ้านใหญ่สงขลา บ้านใหญ่พิจิตร ส่วนที่จะได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์แบบที่เคยได้ห้าล้านเสียง สามล้านเสียง น่าจะไม่ได้แล้ว?

คือวันนี้ ทุกคนที่มาหาผม ผมบอกทุกคนเลยว่า สิ่งหนึ่งที่ผมจะช่วยได้ ก็คือผมจะเอาศรัทธาและกระแสความเป็นประชาธิปัตย์กลับคืนมา แล้วแบบนี้ ใช่บ้านใหญ่หรือครับ ผมต้องถาม

การเป็นบ้านใหญ่ เป็นคำพูดของคน วันนี้คุณเป็นนักการเมือง คุณอยากมีพวกไหม แล้วคุณมั่นใจได้อย่างไรว่าคนไม่มีพวกเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต คุณจะมั่นใจได้อย่างไร ตัวเราเองจะรู้ดีที่สุดว่าเราดีหรือเราชั่ว ผมยืนยันว่าผมจะเอาหลักการและอุดมการณ์ประชาธิปัตย์กลับคืนมา ตัวบุคคล ถ้าคิดว่าจะมาแล้วใช้บารมีอย่างเดียว แล้วไม่คิดถึงเรื่องแนวทางทางการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยที่เป็นแนวทางประชาธิปัตย์ คุณก็ไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าใครทั้งสิ้น

-ประชาธิปัตย์ในยุคหัวหน้าพรรคชื่อเฉลิมชัย จะมีอะไรที่โดดเด่นเป็นพิเศษในเชิงนโยบาย?

รอให้ผมตั้งคณะกรรมการที่จะมาขับเคลื่อนตรงนี้ ที่จะมีหลายคนที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคจะเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งเราก็ได้มีการพูดคุยกัน และผมก็ได้มอบหมายงานไปบางส่วนแล้ว

หลายคนที่เป็นอดีต สส. เขาบอกกับผมเองว่า วันนี้เขาพร้อมจะอยู่ข้างหลัง แล้วก็บอกว่าพรรคควรสร้างบทบาทคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น นี่คือคำแนะนำ โดยผมก็จะไปดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน แล้วภายในไม่เกินการประชุมใหญ่พรรคเดือนเมษายนปีหน้า จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ส่วนเรื่องภาพลักษณ์ของพรรค ผมมั่นใจว่าภายในสักไม่เกินสองเดือนจะเริ่มเห็นมีการเปลี่ยนแปลง ที่ผมก็มอบหมายให้ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เป็นคนเขียนแผนขึ้นมา 

ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ผู้ใหญ่ในพรรคไปหาผม ไปพบผมเป็นการส่วนตัว บอกว่าจำเป็นแล้วที่ผมต้องเสียสัจจะเพื่อจะมารักษาพรรค ไปขออย่างนี้เลยกับผม แต่ผมไม่ได้รับปากเลยสักคำเดียว ผมบอกว่า ผมตัดสินใจว่าผมจะวางมือแล้ว

-มองดูแล้วปัญหาของประเทศไทยเวลานี้ ปัญหาเร่งด่วนมีอะไรบ้าง?

ก็ปัญหาปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ทุกคนต้องยอมรับความจริงว่าแย่มาก ในการเป็นฝ่ายค้านของพรรคก็ต้องตรวจสอบ กระตุ้น ให้คำแนะนำรัฐบาลสิ่งที่ดี ฝ่ายค้านยุคผมเป็นหัวหน้าพรรค อะไรที่ดี ผมสนับสนุน อะไรที่ประชาชนเสียประโยชน์ ประเทศชาติไม่ได้อะไร ผมค้าน และค้านแบบเป็นระบบและจริงจัง

-การที่นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคไปเคลื่อนไหวในกรรมาธิการตำรวจฯ ไปตรวจสอบเรื่องนายทักษิณ ชินวัตร ที่นอนที่ รพ.ตำรวจ?

ก็ระบบยุติธรรมต้องกลับคืนมา ถ้าคนไทยหวังพึ่งในกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ ความชอบธรรมของประเทศก็ไม่มีเหลือแล้ว นี่คือหลักนิติรัฐ นิติธรรม เขาก็มาคุยกับผม ผมก็บอกว่าสิ่งที่เขาทำ (ชัยชนะ เดชเดโช) ถ้าทำในสิ่งที่ถูกต้องก็เดินหน้าไป และยืนยันว่าเราทำอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ว่าทำเพราะจะเคาะราคาให้สูงขึ้นอย่างที่มีคนเอาไปพูด ผมว่าถ้ารักประชาธิปัตย์จริง มาช่วยกันดูว่าจะมีช่องทางไหนที่จะทำให้ประชาธิปัตย์เข้มแข็งขึ้น แล้วก็เดินไปข้างหน้าได้ การที่มากระแนะกระแหน มาเหน็บกัน ผมว่าไม่ควรทำแล้วครับ ไม่มีประโยชน์ แล้ววันหนึ่งความจริงจะปรากฏ มันไม่มีใครหนีความจริงพ้น

-ที่คนบอกกันว่า คุณเฉลิมชัยจะมาเป็นหัวหน้าพรรคแค่ปีครึ่งหรือสองปี จริงหรือไม่?

คือผมมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แต่ขออนุญาตว่าเมื่อก่อนผมอาจจะเป็นคนตรง แต่วันนี้ ยืนยันผมมีคำตอบอยู่ในใจ แต่ขอให้อยู่ในใจผมก่อนแล้วกัน เช่นว่าจะมีระยะเวลาประมาณหรือมีสถานการณ์อะไร แบบนี้

ตัวเลข สส. ไม่ต่ำกว่า 25 ที่นั่ง ผมต้องทำให้ได้

-สัมภาษณ์วันนี้กล้าประกาศเลยหรือไม่ เช่น หากพรรคได้ สส.ต่ำกว่า 25 ที่นั่งในการเลือกตั้งสมัยหน้า?

ผมไม่พูด คือวันนี้กับสถานการณ์วันนั้นไม่เหมือนกัน วันนั้นหากผมไม่ประกาศ ประชาธิปัตย์อาจจะเลือดไหลจนกระทั่งเลือดหมดตัวเลยก็ได้ ถ้าไม่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการที่จะอยู่กับพรรค แล้วพาพรรคเดินไปข้างหน้า ผมบอกไว้แล้วว่าสถานการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นก่อนที่จะมีกรณีของปริญญ์ มันสะสม สะสมมาจนกระทั่งมันมาระเบิด

คือผมเคยบอกว่าจะหยุดการเมืองมารอบหนึ่งแล้ว และสิ่งที่บอกกับทุกคนก็คือ ผมไม่ได้เข้ามาเพื่อจะมาหวังผลทางการเมืองอะไร 

-อยากให้แค่แสดงความมั่นใจ คือมั่นใจหรือไม่ว่าตัวเลข สส. 25 ที่นั่ง พรรคน่าจะดำรงคงอยู่ได้?

ผมต้องทำให้ได้ ไม่ว่าผมจะอยู่ในสถานะไหน ต้องทำ

"ผมเรียนพี่น้องประชาธิปัตย์ พี่น้องประชาชนได้ว่า ประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมือง เราตั้งมาแล้ว 77 ปี วันนี้เราก็ยังเป็นสถาบันการเมือง ประชาธิปัตย์ยังยึดมั่นในหลักการ อุดมการณ์เหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่มีใครขายหลักการ ไม่มีใครขาดอุดมการณ์ และประชาธิปัตย์มีศักดิ์ศรี ประชาธิปัตย์จะไม่ยอมเป็นพรรคอะไหล่ของใคร และวันนี้เราได้รับความไว้วางใจมา แม้จะน้อย แต่การเป็นฝ่ายค้าน เราก็จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง และมีหลักการ รักษาผลประโยชน์ประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก" หัวหน้าพรรค ปชป.ระบุตอนท้าย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จุรินทร์' ชี้ดิจิทัลวอลเล็ตยังคลุมเครือ เหมือนเดินบนเส้นด้าย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะทันไตรมาส 4 ตามที่รัฐบาลประกาศหรือไม่ว่า สถานการณ์วันนี้เหมือนย้อนกลับไปในจุดที่เหมือนประกาศว่าจะ

'จุรินทร์' แขวะเห็นใจนายกฯปรับครม. ต้องให้คนนอกรัฐบาลดูก่อน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับครม.เศรษฐา 1/1ว่า เรื่องนี้ตนยังตอบไม่ได้ เพราะ

'มงคลกิตติ์' เชื่อปี 70 'ปชป.' กลับมายิ่งใหญ่ พร้อมเสนอตัวลงชิงสส.

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์การประชุม