2567 กับสถานการณ์ นิรโทษกรรมการเมือง -แก้ 112 -

มาตรา 112 ไม่ใช่ปัญหาของประเทศ แต่ปัญหาของประเทศคือพวกคนที่คิดโกงชาติ คิดล้มล้างสถาบันฯ และวันข้างหน้า เมื่อเขาจะออกร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภาฯ ..วันนั้นเราจะไปสภาฯด้วยพร้อมกับประชาชน ที่เห็นด้วยกับเรา เราจะไปเปิดเวทีภาคประชาชนที่ข้างสภาฯ เพื่อคัดค้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับพวกทำผิดคดี 112 คุณเจอพวกผมแน่นอน

ผ่านไปแล้วสำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 วาระแรกขั้นรับหลักการเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา และหลังจากนี้ การเมืองไทยในรอบปีนี้ ยังมีอีกหลายวาระการเมืองที่ต้องติดตาม เช่น ความเคลื่อนไหวในการจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีชุมนุมการเมือง ของพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งพรรคฝ่ายค้านและรัฐบาล ที่คาดว่า สภาฯอาจจะเริ่มพิจารณาร่างพรบ.นิรโทษกรรมการเมืองของพรรคก้าวไกล ฯ ที่ยื่นต่อสภาฯ ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมีเนื้อหาให้นิรโทษกรรมคดี 112 ด้วยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่จะทำให้ ร่างพรบ.นิรโทษกรรมฯ ของบางพรรคการเมือง ที่กำลังยกร่างฯอยู่ จะได้รับการพิจารณาพ่วงตามไปด้วย ทำให้เรื่องการเสนอร่างพรบ.นิรโทษกรรมฯ จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องการเมืองที่ต้องติดตามในปีนี้ ว่าจะออกมาอย่างไร

โดยหนึ่งในพรรคการเมือง ที่แม้จะไม่มีส.ส.ในสภาฯ แต่การเคลื่อนไหวการเมืองนอกสภาฯ ของคนในพรรค ในประเด็นต่างๆ ก็น่าสนใจไม่น้อย นั่นก็คือ"พรรคไทยภักดี"ที่มีแกนนำคือ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นักการเมืองชื่อดัง เป็นประธานพรรคไทยภักดี

 ไม่ว่าจะเป็นการติดตามเรื่อง กรณีทักษิณ ชินวัตร นักโทษวีไอพีของกรมราชทัณฑ์ หรือการยืนซดทางการเมืองกับพรรคก้าวไกลและเครือข่ายสามนิ้ว แบบหมัดต่อหมัด ไม่มีแผ่ว ท่ามกลาง ข้อสงสัยไม่น้อยว่า ทิศทางของไทยภักดี ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร

เรื่องนี้"ปฏิยุทธ ทองประจง กรรมการบริหารพรรคไทยภักดี -ผอ.พรรคไทยภักดี"เล่าให้ฟังถึงการขับเคลื่อนทางการเมืองนอกสภาฯ ของพรรคไทยภักดี ทั้งงานการเมืองและงานมวลชนกับกลุ่มต่างๆ

ก่อนอื่น เราถามถึงการเข้ามาสู่ถนนการเมือง ของ "ปฏิยุทธ"ว่าเข้ามาการเมืองได้อย่างไร โดยเขาเล่าให้ฟังแบบสรุปได้ว่า เข้ามาสู่ถนนการเมืองได้ ด้วยจุดเริ่มต้นมาจาการส่งเสริมของ พี่ต้อย สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม เพราะก่อนหน้านี้ เคยทำงานอยู่ที่สถาบันทิศทางไท โดยทำงานในลักษณะการขับเคลื่อนเรื่องมวลชน เนื่องจากตอนนั้น สถาบันทิศทางไทเคยได้รับงบประมาณจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เพื่อมาทำงานการขับเคลื่อนมวลชนในชนบทและเมือง ให้เกิดความเข้มแข็ง ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งผม เป็นผู้ประสานงานของสถาบันทิศทางไท โดยรับผิดชอบเรื่องงานเครือข่าย จึงทำให้รู้จักคนหลายแวดวง มีเครือข่ายมาก เช่น เครือข่ายเกษตรกร ภาคประชาชน เอ็นจีโอ

ต่อมาสำนักงานทรัพย์สินฯ ยุติโครงการดังกล่าว จึงเข้ามาทำงานที่ สถาบันทิศทางไทย เป็นผู้จัดการฝ่ายเครือข่าย โดยงานหลักๆ ก็คือ เชิญชวนเครือข่ายภาคประชาชน และเครือข่ายเกษตรกร มาอบรมให้ความรู้เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กับสังคมไทย -ความเปลี่ยนแปลงของโลกและประเทศ เช่น การให้ความรู้ข้อมูลเรื่องประชากรโลกภาพรวมเพิ่มขึ้น แต่ประชากรไทยกลับลดลง เป็นเพราะอะไร จะมีผลกระทบอย่างไร โดยมีวิทยากรจากหลากหลายสาขาอาชีพเช่นนักวิชาการ นักเคลื่อนไหวทางสังคม  รวมถึง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่มาบรรยายเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กับสังคมไทย ทำให้ผมรู้จักกับหมอวรงค์ ตั้งแต่ตอนนั้น 

...ต่อมาหลังการเลือกตั้งปี 2562 เมื่อนพ.วรงค์ ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอิสระ มีการตั้งกลุ่มไทยภักดีขึ้นมา ผมก็เข้าไปร่วมงานด้วย โดยเป็น รองเลขาธิการกลุ่มไทยภักดีรับผิดชอบเรื่อง งานด้านประชาชน-มวลชน และเมื่อ นพ.วรงค์ และกลุ่มไทยภักดี ตัดสินใจตั้งพรรคการเมือง จึงมีการไปยื่นเรื่องต่อสำนักงานกกต.เพื่อตั้ง"พรรคไทยภักดี" ผมก็เข้าไปเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคด้วย โดยเข้าไปเป็นกรรมการบริหารพรรคชุดแรก รับผิดชอบงานด้านเครือข่ายมวลชนของพรรค รวมถึงติดตาม นพ.วรงค์ หัวหน้าพรรคในการเดินทางไปพื้นที่ต่างๆ ในช่วงจัดตั้งพรรคและหาเสียงเลือกตั้ง เช่นการไปเจอชาวนาชาวไร่ ในภาคอีสาน ที่ก็เป็นเครือข่ายของสถาบันทิศทางไทยอยู่แล้ว โดยเป็นการไปรับฟังเสียงสะท้อนและปัญหาต่างๆ เพื่อนำไปขับเคลื่อนต่อในการทำให้มีกายกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ผ่านการกำหนดเป็นนโยบายพรรค

"ปฏิยุทธ-ผอ.พรรคไทยภักดี"กล่าวต่อไปว่าหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 เมื่อพรรคไทยภักดี ไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง กรรมการบริหารพรรคหลายคนก็ทยอยลาออก จึงมีการปรับทัพกันใหม่ ผ่านการเกิดขึ้นของคณะกรรมการบริหารพรรคไทยภักดีชุดสอง ที่ก็คือชุดปัจจุบัน ซึ่งกรรมการบริหารพรรคส่วนใหญ่เป็นคนหน้าใหม่เกือบหมด และมีความหลากหลาย หัวหน้าพรรคก็เปลี่ยนจากนพ.วรงค์ เป็นดร.อิสราพร นรินทร์ โดยหมอวรงค์ขึ้นเป็นประธานพรรคไทยภักดี ส่วน นายยธนุ สุขบำเพิง   เลขาธิการพรรคคนใหม่ ก็เป็นทนายความ ที่เก่งมาก เป็นทนายว่าความให้หลายคนเช่น หมอวรงค์ หรือคดีของนายสนธิญาณ ก็ชนะคดีตลอด ส่วนผมก็ได้รับเลือกให้เป็น ผอ.พรรคไทยภักดี

รีเซ็ตระบบ”สภาสูง” กับแนวคิด สภาราชประชาสมาสัย

ผอ.พรรคไทยภักดี"ย้ำว่า  แนวทางการเมืองของพรรคไทยภักดี เรามองว่า ระบอบการปกครองของประเทศไทยตอนนี้คือระบอบประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฯ เป็นระบบที่ไม่ถูกต้อง ถูกจอมพลป.พิบูลสงคราม หลอกมา เพราะจริงๆ แล้วระบอบการปกครองของเรา คือระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ที่แปลมาจากคำว่า constitutional monarchy ที่แปลตรงตัวก็คือ ราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ แต่คณะราษฎรบิดเบือน

ซึ่งเรามองว่า ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองมาตั้งแต่ปี 2475 ประเทศก็ยังมีปัญหาอยู่ ยังคงติดกับดักทางการเมือง ทั้งความขัดแย้ง การทุจริตคอรัปชั่น ประชาชนยังอยู่กันอย่างลำบาก ยิ่งมายุคนี้ ยิ่งหนักขึ้นไปอีก เกิด"ขบวนการล้มเจ้าฯ" เราเลยไม่เชื่อระบบประชาธิปไตยแบบที่ออกแบบระบบการเลือกตั้งอย่างที่เป็นทุกวันนี้ เพราะปัญหามันไม่จบ ทั้งที่ประเทศผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้งแทนที่ปัญหาของประเทศจะลดน้อยลง แต่กลับหนักยิ่งกว่าเดิม

...ตอนนี้ไทยภักดีมีการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง จัดกิจกรรมให้ความรู้กับประชาชน ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ทั่วประเทศ ของสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้องค์ความรู้เรื่องระบอบการปกครองที่ถูกต้องของประเทศ นั่นคือราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่ 'สภาราชประชาสมาสัย'"คือประชาชน ฝ่ายการเมืองและสถาบันฯจะมีความยึดโยงกัน

สำหรับแนวคิดการเมืองเรื่อง 'สภาราชประชาสมาสัย' เป็นอย่างไร "ปฏิยุทธ-ผอ.พรรคไทยภักดี"ขยายความประเด็นนี้ให้ฟังว่า คือการให้มีสภาฯ ที่จะมาแทน วุฒิสภา ภายใต้รูปแบบคือสมาชิก ถูกคัดเลือกมาจากประชาชนและสถาบัน เพราะสว.ทุกวันนี้ ระบบไม่ถูกออกแบบให้มีความเป็นกลาง แต่สว.ถูกทำให้เป็นลูกน้องนักการเมือง เพราะเราก็เห็นกันมาแล้ว ทั้งในอดีตเช่น สภาผัวสภาเมีย หรือสว.ในยุคคสช. ก็มี สว.ของพลเอกประยุทธ์ สว.สายบิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยมีพฤติการณ์บางอย่างที่ไม่ถูกต้องเช่น การที่สว.ร่วมมือกับนักการเมือง ทำให้องค์ประชุมรัฐสภา มีปัญหา จนประชุมตอนพิจารณาร่างพรบ.การเลือกตั้งส.ส.ฯ ที่มีการแก้ไขระบบการเลือกตั้งส.ส. จากหาร 100 ไปเป็น หาร 500 ตอนที่รัฐสภามีการโหวตเห็นชอบวาระสองไปแล้ว แต่พอจะโหวตวาระสาม ไม่สามารถลงมติได้ เพราะองค์ประชุมมีปัญหา จนเลยเวลาในการพิจารณากฎหมายทำให้ตกไป ทั้งที่เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของสว. เพราะหน้าที่ของสว.คือ การเป็นสภาสูง ควรตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะฝ่ายบริหาร และสภาฯ แต่สว.กับนักการเมือง มาจับมือกัน ทำให้ไม่เกิดการตรวจสอบถ่วงดุลอย่างมีประสิทธิภาพให้เห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดการโกง ทุจริตคอรัปชั่น ประเทศเลยมีปัญหา ไทยภักดีเชื่อว่า หากระบบตรวจสอบถ่วงดุลของประเทศเราเข้มแข็ง เป็นกลาง การเมืองไทยเราจะดีขึ้น

...สว.มีบทบาทสำคัญทางการเมืองอย่างเช่น การที่วุฒิสภาจะต้องลงคะแนนเสียงว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ กรรมการในองค์กรอิสระและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาสรรหาส่งชื่อมาจากคณะกรรมการสรรหาฯแต่วันนี้ ก็เห็นแล้วบางองค์กรเช่น กรรมการการเลือกตั้ง  กรรมการป.ป.ช. กรรมการสิทธิฯ เป็นอย่างไร ประชาชนทุกคนรู้หมด คือไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เพื่อประชาชน สุดท้าย ก็ถูกครอบงำด้วยฝ่ายการเมืองหมด

แนวทาง 'สภาราชประชาสมาสัย' คือการให้มีสว.ที่เป็นกลาง โดยให้องคมนตรี คัดเลือกรายชื่อขึ้นมาจำนวนหนึ่งเช่น 500 ชื่อ จากบุคคลตามสาขาอาชีพต่างๆ เหมือนกับที่ตอนนี้เขียนไว้ในพรบ.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาฯ แล้วส่งชื่อไปให้ประชาชนโหวตเลือกรอบสุดท้าย เพื่อให้เหลือ 200 -250 คน โดยต้องกำหนดให้คนที่จะมาเป็นสว.ต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบปี เพราะไม่อย่างนั้น ก็จะได้คนของพรรคการเมืองเข้ามาอีก และให้มีวาระการทำหน้าที่ยาวเลยเช่น 10 ปี และพอได้สว.ที่เป็นกลาง ปราศจากการครอบงำของนักการเมือง ก็จะทำให้องค์กรอิสระแข็งแรง จนทำให้ ระบบการตรวจสอบถ่วงดุลมีความเข้มแข็งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

เพราะอย่างวันนี้ ใครก็รู้ว่า กกต. ทำงานอย่างไร แม้แต่ไทยภักดี เองก็ยังโดน มีกลุ่มคนที่คิดล้มล้างสถาบัน ไปร้องเรียนกับกกต.ว่าไทยภักดีมีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง กกต.ก็ยังรับลูกไว้ตรวจสอบ ทั้งที่ใครก็เห็นว่าไทยภักดีมีความชัดเจนเรื่องการปกป้องสถาบันฯ มาตลอด แต่กกต.กลับมีการให้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนมาตรวจสอบ แทนที่กกต.จะไปให้ความสำคัญกับการสืบสวนสอบสวนการเลือกตั้งที่ผ่านมา เพื่อนำไปสู่การพิจารณาว่าจะให้ใบเหลืองใบแดง ใครหรือไม่ ไปทำเรื่องแบบนี้จะดีกว่า เพื่อทำให้ระบบการเลือกตั้งโปร่งใสและเป็นธรรม เพราะใครก็รู้ว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมา ซื้อเสียงกันมโหฬาร ซื้อเสียงกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย บางเขตใช้เงินกันเป็นร้อยล้านบาท

สิ่งเหล่านี้ คือความล้มเหลวของระบบการเลือกตั้ง ความล้มเหลวของกกต.ที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่ถ้าเราได้ 'สภาราชประชาสมาสัย' ที่มีสว.ที่เป็นกลาง ที่สถาบันฯ -ประชาชน มีความยึดโยงเลือกกันขึ้นมา  จะไม่มีเหตุการณ์แบบที่ผ่านมา การเมืองไทยจะดีขึ้นแน่นอน

"ปฏิยุทธ-ผอ.พรรคไทยภักดี"ย้ำว่า การที่ไทยภักดี เดินแนวทางการเมืองนอกสภาฯ ด้วยการเดินสายพบปะพูดคุยกับประชาชน ให้ความรู้ประชาชนในเรื่อง ราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กลุ่มคนที่ไปร้องกกต.ที่เป็นพวกทนายฝั่งการเมืองสีส้ม เอาไปร้องกกต.ว่าไทยภักดีล้มล้างการปกครอง ที่ต้องถามว่า ไปล้มล้างตรงไหน เพราะเราแค่ไปให้ความรู้กับประชาชน แต่ไทยภักดีไม่สนใจ เราจะเดินหน้าให้ความรู้เรื่องนี้ต่อไป จะโดนยุบพรรคอะไร เราก็ไม่สนใจ พรรคจะทำต่อไป เพราะมองว่านี้คือแนวทางที่จะเป็นทางออกของประเทศ ทางออกของระบบการเมืองไทย

"ปฏิยุทธ"กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ไทยภักดี ก็มีการเดินสายพบปะประชาชนในช่วงปีที่ผ่านมา และจะทำต่อเนื่องในปีนี้ เพื่อพูดคุยถึงปัญหา และความล้มเหลวของการเมืองไทยที่เป็นอยู่ตอนนี้เช่น นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่พรรคมองว่าหากทำนโยบายนี้จะเกิดปัญหามากมายเช่นเกิดช่องโหว่ให้เกิดการทุจริตฯ เกิดขึ้นได้

โดยในช่วงการลงพื้นที่ต่างจังหวัด ก็มีกระแสว่า หากได้เงินดิจิทัลวอลเล็ต หนึ่งหมื่นบาท จะเอาไปแลกเป็นเงินสดมาใช้ในวงเงินที่น้อยกว่าลงมา เช่น เจ็ดพันบาท-แปดพันบาท ก็เริ่มได้ยินบ้างแล้ว เพราะเขามองว่าการใช้มีข้อจำกัดมาก เช่นให้ใช้ในพื้นที่อำเภอตามภูมิลำเนาของตัวเอง ที่ชาวบ้านอาจรู้สึกไม่สะดวก และยังเป็นนโยบายที่ทำให้ร้านขายของชำต่างๆ ในพื้นที่ ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้เพราะส่วนใหญ่สายพานสั้น หากเข้าร่วมโครงการ แล้วพอขายของได้ ต้องใช้เวลาอีกระยะถึงจะไปขึ้นเงินมาได้ สุดท้าย นโยบายนี้ก็จะไปเอื้อทุนใหญ่ ไม่ได้เอื้อประชาชน ร้านค้ารายย่อย และยังเป็นนโยบายหลอกลวงประชาชน เพราะตอนหาเสียงเพื่อไทยบอกว่า จะใช้งบปกติ แต่สุดท้าย ตอนนี้มาบอกว่าจะออกกฎหมายกู้เงินห้าแสนล้านบาท แต่กกต.กลับดูจะไม่ทำอะไรกับเพื่อไทย ซึ่งทาง ไทยภักดี ก็ได้ส่งคนไปยื่นเรื่องต่อกกต.ให้ตรวจสอบ เพราะไม่เช่นนั้น ต่อไป ใครจะหาเสียงอะไรก็ได้ แล้วสุดท้าย ก็ไม่ทำ กลับกลอกกันได้

นอกจากนี้ ไทยภักดี ยังเป็นพรรคการเมือง ที่ติดตามตรวจสอบเรื่องการบังคับใช้กฎหมายกับนักโทษชาย ทักษิณ อย่างจริงจัง เพราะกรณีของทักษิณ ที่ไม่ติดคุกแม้แต่คืนเดียว โดยมีการช่วยเหลือกันอย่างเป็นระบบ มีการออกระเบียบของกรมราชทัณฑ์ เพื่อช่วยเหลือกัน ถือเป็นการทำลายหลักกฎหมาย-กระบวนการยุติธรรมไทย อย่างรุนแรง มันยิ่งตอกย้ำคำว่า "คุกมีไว้ขังคนจน" ไทยภักดี ก็ยื่นเรื่องให้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน -ปปช. ไปตรวจสอบแล้ว เพราะพรรคต้องการให้การบังคับใช้กฎหมายของประเทศ มีความเท่าเทียมกันกับคนไทยทุกคน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ เพราะไม่ว่าจะเป็นอดีตนายกฯ อดีตรัฐมนตรี แต่หากศาลตัดสินว่าทำผิด ต้องรับโทษจำคุก คุณก็ต้องติดคุกเหมือนประชาชนทั่วไป

โดยหลังพรรคไทยภักดีออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนักโทษชาย ทักษิณ ก็มีทนายด้อมส้ม ทนายอั๋น บุรีรัมย์ (นายภัทรพงศ์ ศุภักษร) ที่เคยลงสมัครส.ส.บุรีรัมย์ พรรคอนาคตใหม่ กับนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่เคยติดคุกคดี 112 มาแล้ว ไปร้องกกต.เพื่อให้ยุบพรรคไทยภักดี ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น โดยเขาอ้างว่าวันที่จัดประชุมใหญ่พรรคไทยภักดี ที่มีการเลือกกรรมการบริหารพรรคไทยภักดีชุดใหม่ หมอวรงค์ได้อ่านแถลงการณ์เรื่องราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ โดยเขาอ้างว่าสิ่งที่แถลงคือการล้มล้างการปกครองฯ ซึ่งกกต.เอง ก็รับลูก

..ทั้งที่บุคคลที่ไปร้อง เคยมีพฤติการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับสถาบันฯ จนมีการส่งเรื่องให้อนุกรรมการไต่สวน รวมถึงทนายอั๋น ยังไปร้องกองปราบปรามว่า ไทยภักดี ทำผิดมาตรา 112 โดยอ้างกรณีที่ ไทยภักดีส่งตัวแทน ไปยื่นหนังสือ คัดค้าน การขอพระราชทานอภัยโทษของทักษิณที่กรมราชทัณฑ์ เมื่อ 28 ส.ค. 2566 ที่ตอนนั้น ยังไม่มีการพระราชทานอภัยลดโทษทักษิณ แต่เราแค่ต้องการรักษากฎหมาย ก็ส่งตัวแทนพรรคไปยื่นเรื่อง อย่างไรก็ตาม เรื่องที่มีการไปร้องดังกล่าว พรรคไทยภักดี ก็ไปให้การกับพนักงานสอบสวนที่กองปราบปรามแล้ว รวมถึงที่มีการไปร้องกับกกต.ทางพรรค ก็ชี้แจงกกต.ไปแล้วโดยโต้แย้งว่า เราไม่ได้ล้มล้างการปกครองฯ แต่เป็นการให้ความรู้

...วันนี้ประเทศเราน่าเป็นห่วง คืออะไรที่ผิดกลับกลายเป็นถูก อะไรที่ถูกกลับกลายเป็นผิด แล้วบ้านเมืองจะอยู่อย่างไร คนที่ออกมาเรียกร้องความถูกต้อง แต่กลับถูกคนอื่นมองว่าผิด ที่มันไม่ใช่ แต่เราก็คุยกันในกรรมการบริหารพรรคว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็จะยังคงเดินหน้าสู้ต่อ เพราะสิ่งที่เราทำ เราเชื่อว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และเราอยากให้ประเทศดีขึ้น

เคลื่อนนอกสภาฯ ดันตั้ง สมาพันธ์ชาวนาแห่งประเทศไทยสี่ภาค

"ปฏิยุทธ -กรรมการบริหารพรรคไทยภักดี"กล่าวอีกว่าในปีนี้ พรรคจะดำเนินกิจกรรมต่อเนื่องจากปีที่แล้ว คือการเดินสายพบเครือข่ายชาวนาทั่วประเทศ เพื่อที่จะต่อสู้ร่วมกับชาวนา ในการเรียกร้องราคาข้าวที่เป็นธรรมกับชาวนา โดยในช่วงเดือนมกราคมนี้ พรรคจะเดินหน้าจัดตั้ง สมาพันธ์ชาวนาแห่งประเทศไทยสี่ภาค ที่ตอนนี้มีกลุ่มชาวนาตอบรับกับแนวทางดังกล่าวมาแล้วประมาณ 20 เครือข่ายชาวนาทั่วประเทศ เพื่อที่จะได้ออกมาเรียกร้องราคาข้าวเปลือกที่เป็นธรรม เพราะวันนี้พี่น้องชาวนาเราจนมาก เพราะถูกกดทับ โดนเอารัดเอาเปรียบมาตลอด จากราคาข้าวเปลือกที่ไม่เป็นธรรม ชาวนาขายข้าวเปลือกราคาถูกคือประมาณแปดบาทต่อกิโลกรัม แต่เถ้าแก่โรงสี หรือนายทุนค้าข้าว ขายข้าวสารในราคากิโลกรัมละ 40-50 บาท จะเห็นได้ว่า ส่วนต่างห่างกันมาก นายทุน-โรงสีรวย แต่ชาวนาจนแล้วจนอีก มีแต่ปัญหาหนี้สิน ยิ่งทำนายิ่งจน

เราเลยคิดว่าการที่จะทำให้ชาวนาหลุดพ้นจากความจน ก็คือต้องทำให้ราคาข้าวเป็นธรรม เพราะหากเกิดขึ้นได้ ชาวนา ก็มีรายได้ มีกำไร เขาก็ไม่มีหนี้สิน ที่ผ่านมา เราก็เดินสายให้ความรู้กับชาวนาในหลายจังหวัดทั่วประเทศ แต่ต่อไป เราจะใช้สมาพันธ์ชาวนาฯ เป็นตัวขับเคลื่อน เพราะที่ผ่านมา ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนเข้ามา ก็ใช้นโยบายทั้ง ประกันรายได้ หรือจำนำข้าว แต่สุดท้าย ก็เอาภาษีของประชาชน ผู้บริโภค ไปแก้ปัญหาที่ผิดทาง แทนที่จะแก้ให้ตรงจุดด้วยการทำให้ราคาข้าวของชาวนา มีความเป็นธรรม ที่แทบจะไม่ต้องใช้เงินภาษีประชาชนเลย เช่นภาครัฐ ก็ออกระเบียบราคาข้าวออกมาเลย ก็สามารถช่วยชาวนาได้ แต่ที่ผ่านมา นักการเมือง-รัฐบาล แต่ละยุคมักจะไปเอื้อนายทุนค้าข้าว เถ้าแก่โรงสี รวมถึงตัวนักการเมืองเอง ก็เป็นเจ้าของโรงสีเองด้วย เราเลยพยายามเดินสายคุยกับชาวนาในประเด็นนี้เพื่อให้ความรู้กับชาวนา ปลุกชาวนาหลายล้านคนให้ลุกขึ้นมาพร้อมกับเรา จนวันหนึ่งเข้ามาประกาศในกรุงเทพฯ ว่า ให้รัฐบาลทำราคาข้าวให้เป็นธรรม เพราะหากไม่ทำ ชาวนาอยู่ไม่ได้แล้ว

-การเลือกตั้งรอบหน้า ไม่ว่าสุดท้าย จะใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันหรือมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะได้เห็น ไทยภักดีอยู่ในสนามเลือกตั้ง ครั้งหน้าหรือไม่?

กรรมการบริหารพรรคเราก็คุยกัน ก็เห็นตรงกันว่า จะเข้าสู่สนามเลือกตั้งแน่นอน แต่จะเน้นไปเรื่องการหาคะแนนจากระบบบัญชีรายชื่อ เพราะเราต้องการแก้ปัญหา เราต้องการทำให้กฎหมายเป็นกฎหมาย เพื่อผลักดันกฎหมายให้เกิดการบังคับใช้อย่างเท่าเทียม และเราต้องการทำราคาข้าวให้เป็นธรรม เพื่อช่วยปลดแอกชาวนาจากความยากจน รวมถึงการมีส่วนร่วมในการป้องกันปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งไทยภักดีก็ถนัดอยู่แล้ว

อย่างประธานพรรค นพ.วรงค์ ก็เคยปราบโกงจำนำข้าว จนอดีตนายกฯ อดีตรัฐมนตรี ติดคุก -หนีคดีไปต่างประเทศ และเราต้องการต่อสู้กับพวก"ล้มเจ้าฯ"เพราะนี้คือ ปัญหาใหญ่จริงๆ หากพรรคไม่เข้าสู่การเลือกตั้ง ก็ไม่สามารถผลักดันเรื่องเหล่านี้ได้ แต่เราก็ไม่ได้คาดหวังกับจำนวนส.ส. มากนัก เพราะขอเพียงแค่เราได้ออกมาพูด ได้มีพื้นที่นำเสนอความคิด เพราะระบบการเลือกตั้งแบบที่เป็นอยู่ มันไม่เอื้อกับพรรคการเมืองที่ไม่ค่อยมีเงิน เพราะเงินซื้อเสียงซื้อสื่อ ยังเป็นใหญ่ อย่างที่เห็นมา คนในพรรคก็ไม่ได้หวังมากกับการว่าจะต้องได้เป็นส.ส. แต่เราหวังในเรื่องการได้ขายความคิดและ หลักความถูกต้องของประเทศให้ประชาชนได้รับรู้ เพื่อกระตุกสังคม กระตุกประชาชน

-มองยังไง ที่คนบางส่วน ก็ตั้งคำถามกันว่า พรรคไทยภักดี โหนสถาบัน ฯ หรือไม่ กับการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา?

พรรคไทยภักดี ไม่เคยคิดจะโหนสถาบันฯ เลยแต่ที่โหนเจ้าตัวจริง ก็คือ ก้าวไกลและขบวนการสามกีบ ด้วยวิธีการก็คือ คนเหล่านี้ ต้องการยกเลิกหรือล้มมาตรา 112 โดยเฉพาะก้าวไกล ที่ตอนขบวนการสามกีบหรือม็อบเด็ก มีการเคลื่อนไหวที่จาบจ้วงสถาบันฯ อย่างหนักสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ คนของพรรคก้าวไกล ก็ไปร่วมชุมนุมด้วย แล้วแบบนี้ ไม่ใช่การโหนได้อย่างไร

อย่าลืมว่า หลายสิบปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครมาพูดเรื่องเหล่านี้ เรื่อง 112 หรือการจาบจ้วงสถาบัน แต่พอมีพรรคอนาคตใหม่ มาถึงก้าวไกล ก็เกิดเรื่องเหล่านี้เยอะมาก โดยคนของอนาคตใหม่-ก้าวไกล เป็นคนพูดทั้งนั้น ซึ่งไทยภักดี เห็นแล้วว่า บางสิ่งบางอย่างมันไม่ถูกต้อง เราก็เลยเอาข้อมูลข้อเท็จจริงมาโต้กับพวกเขา แบบนี้คือการโหนเจ้าหรือ ยืนยันว่ามันไม่ใช่ โหนเจ้าตัวจริงคือพวกเขา

แม้แต่ตอนเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคนี้ยังมีนโยบายแก้ 112 เลย แต่ไทยภักดีไม่มี แบบนี้ ไม่โหนเจ้าได้ยังไง พฤติกรรมแบบนี้ แม้แต่ตอนจะโหวตนายกฯ ก็ยังโหนเจ้าอีก ด้วยการบอกจะไม่ยกเลิกนโยบายแก้ 112 จนพิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ ก็เพราะคุณโหนเจ้า โหน 112 แต่ไทยภักดี ออกมาให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถาบันฯ เพื่อให้ประชาชน ได้รู้ว่าสิ่งที่ไทยภักดีพูดคือความจริง ไม่ใช่อย่างที่พวกเขาพยายามบิดเบือน

เราไม่เคยไปบอกว่า พี่น้องประชาชน เลือกไทยภักดี ไทยภักดีรักเจ้า เราไม่เคยพูดเรื่องเหล่านี้ มีแต่พวกเขา ทำมาตลอด ทำก่อน แล้วเราเข้ามาสวนทีหลัง

พรรคที่โหนเจ้าจริงๆ คือก้าวไกล ทำเพื่อหาคะแนน  ไปดูได้เลย การกระทำของพวกเขา ดูได้จากตั้งแต่มีการเลือกตั้งกันมาหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ประเทศไทยมีการเลือกตั้งมาหลายสิบครั้ง แต่เคยมีสมัยไหนบ้าง ที่มีการหาเสียงด้วยการชูนโยบายเรื่องการแก้ไขหรือยกเลิก 112 และการให้นิรโทษกรรมคนทำผิดคดี 112 มาหาเสียง ก็มีแค่ครั้งนี้ กับพรรคก้าวไกล เขาไม่เคยเลิกโหนเจ้าเลย นี้คือการโหนตัวจริง แต่เราก็ไม่ได้สนใจ เพราะเรายืนบนความถูกต้อง ใครจะว่าอย่างไร ก็ว่าไป

พร้อมปักหลักต้าน นิรโทษกรรมคดี 112 หน้ารัฐสภาฯ

"ปฏิยุทธ-ผอ.พรรคไทยภักดี"ยังกล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลเสนอร่างพรบ.นิรโทษกรรมฯ โดยให้ล้างผิดนิรโทษกรรมคนทำผิดคดี 112 ด้วย ไทยภักดี เราไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว และที่มีขบวนการจากบางกลุ่มไปร้องให้เอาผิดไทยภักดีโดยอ้างว่าล้มล้างการปกครองฯเพื่อต้องการให้ยุบพรรคไทยภักดี สมาชิกพรรคก้าวไกลและแนวร่วมเครือข่ายก้าวไกลในโซเชียลมีเดีย ก็ไปปั่นกระแสว่าไทยภักดี ขนาดปกป้องสถาบันฯ ยังถูกร้องให้เอาผิดมาตรา 112 แล้วบอกว่า แสดงว่ามาตรา 112 มีปัญหา นี้คือวิธีการปั่นกระแสเพื่อด้อยค่า 112 โดยพยายามบอกว่าขนาดฝ่ายปกป้องสถาบันฯยังโดนร้องเอาผิดได้เลย ที่ก็คือวิธีการดึงพรรคไทยภักดีเข้าไปด้วยเพื่อให้อยู่ในสมการความขัดแย้ง เพื่อจะได้เอาไปอ้างในการจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดี 112 ทั้งที่คนที่ถูกเอาผิด 112 ที่อยู่ฝั่งม็อบสามนิ้ว และก้าวไกล ทำผิดทั้งสิ้น โดยเฉพาะพฤติการณ์จาบจ้วงสถาบันฯ แต่พอฝ่ายตัวเองโดนวิจารณ์บ้างก็ฟ้องหมิ่นประมาท

คนที่ทำผิด 112 เมื่อคดีถึงที่สุด ศาลตัดสินแล้วว่ากระทำความผิดจริง ก็ต้องรับโทษ เช่นจำคุก ไม่ใช่คิดจะมาออกกฎหมายนิรโทษกรรม ความพยายามของก้าวไกลในการจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม มีเป้าหมายบางอย่างเช่นจะช่วยธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยในชั้นศาลคดีวัคซีนพระราชทาน และรูปคดี ดูแล้วธนาธร ผิดแน่นอน อาจจะติดคุกด้วย แม้แต่ส.ส.ก้าวไกล ก็มีอย่างน้อยสามคน ที่โดนฟ้องคดี 112 ที่อาจต้องรับโทษจำคุก แล้วก้าวไกลคิดจะมาออกกฎหมายนิรโทษกรรม เป็นการทำเพื่อช่วยเหลือพวกคุณเองใช่หรือไม่ เพราะประชาชนปกติทั่วไป เขาไม่ได้ไปทำผิดหรือไปละเมิดมาตรา 112 อยู่แล้ว

...พรรคไทยภักดี เชื่อว่ามาตรา 112 ไม่ใช่ปัญหาของประเทศ แต่ปัญหาของประเทศคือพวกคนที่คิดโกงชาติ คิดล้มล้างสถาบันฯ และวันข้างหน้า เมื่อเขาจะออกร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภาฯ ไทยภักดีก็ตกผลึกร่วมกันแล้วว่า วันนั้นเราจะไปสภาฯด้วยพร้อมกับประชาชน ที่เห็นด้วยกับเรา เราจะไปเปิดเวทีภาคประชาชนที่ข้างสภาฯ เพื่อคัดค้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับพวกทำผิดคดี 112 คุณยื่นเมื่อไหร่ คุณเจอพวกผมแน่นอน แต่ถ้านิรโทษกรรมเพื่อปลดล็อกการเมือง ลดความขัดแย้ง โดยเฉพาะนิรโทษกรรมประชาชนที่มาร่วมชุมนุมการเมืองแล้วโดนคดีต่างๆ ถ้าแบบนี้ เราเห็นด้วย แต่ถ้าจะนิรโทษกรรมคดีทุจริต คดีมาตรา 112 เราไม่เห็นด้วยและขอคัดค้าน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ไทยภักดี' เลือก 'ดร.กรรญดา' นั่งหัวหน้าพรรค 'หมอวรงค์' ประธานที่ปรึกษา

พรรคไทยภักดี จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2567 ที่ ศูนย์การค้า เดอะบรีโอ้ มอลล์ พุทธมณฑล สาย4 ภายใต้แนวคิด “ยืนข้างความ

เอาแล้ว! ‘หมอวรงค์’ เล็งหอบหลักฐานสำคัญ ร้องป.ป.ช.เอาผิดช่วยนักโทษป่วยทิพย์

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า ผมจะไปร้องป.ป.ช. กรณีช่วยเหลือนักโทษป่วยไม่จริง

'พรรคไทยภักดี' แสดงจุดยืน พักโทษทักษิณ คือกระบวนการบิดเบือนอำนาจศาล

พรรคไทยภักดีขอแสดงจุดยืนต่อกรณีการพักโทษนายทักษิณ ชินวัตร คือกระบวนการที่ไม่ยุติธรรม เป็นการบิดเบือนอำนาจศาล ด้วยอำนาจราชทัณฑ์