ยังมีเวลายกเลิก ดีลลับ”ยิ่งลักษณ์”กลับไทย

กรณีของยิ่งลักษณ์อาจจะเป็นเงื่อนไขสุดท้าย ดีลสุดท้าย จากที่มีการดีลลับมาก่อนหน้านี้ ซึ่งดีลลับ กรณีของทักษิณ เป็นเงื่อนไขหนึ่ง เงื่อนไขที่สองก็ยิ่งลักษณ์..ฝ่ายที่ดีลกันมา ต้องสรุปบทเรียนจากกรณีของทักษิณให้ได้ว่า มันสร้างความเจ็บปวดให้กับกระบวนการยุติธรรมขนาดไหน ถ้ายังจะฝืนต่อไปอีก จะยิ่งตอกย้ำว่ากระบวนการยุติธรรมไทยถูกทำลายด้วยครอบครัวชินวัตร ดังนั้นยังมีเวลายกเลิกดีล เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเดินต่อไปได้

กระแสข่าวความเป็นไปได้ที่”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี”จะเดินทางกลับประเทศไทยในปีนี้ เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ หลังชนักติดหลังคดีความต่างๆ ในชั้นศาลเริ่มหมดลง เหลือแค่คดีรับจำนำข้าวที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุกห้าปี ฯ

ด้านท่าทีจากฝ่ายที่เคลื่อนไหวตรวจสอบการเดินทางกลับมารับโทษของทักษิณ ชินวัตร อย่างเข้มข้น มีการนัดชุมนุมปักหลักค้างคืนข้างทำเนียบรัฐบาลมายาวนานติดต่อกันหลายสัปดาห์จนถึงปัจจุบัน  และหลังจากนี้ อาจต้องเคลื่อนไหวต่อ ถ้ายิ่งลักษณ์ กลับมาแล้วได้รับสิทธิพิเศษเป็นนักโทษเทวดาหญิงแบบพี่ชาย ทักษิณ นั่นก็คือ  “พิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โดยเขาให้ความเห็นว่า หลังจากนี้ต้องรอติดตามการที่ยิ่งลักษณ์จะเดินทางกลับไทย หลังคดีความที่อยู่ในชั้นศาลยุติธรรม จบเกือบหมดแล้ว เหลือแค่คดีรับจำนำข้าว ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ตัดสินจำคุกห้าปี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ทำให้ถึงตอนนี้ประเมินว่ามีแนวโน้มที่ยิ่งลักษณ์จะเดินทางกลับมา แล้วก็อาจซ้ำรอย พี่ชายทักษิณ คือกลับมาแล้ว ก็ไม่ได้ติดคุกจริง ในลักษณะ"ทักษิณโมเดล"แต่อาจจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป เพราะอาจจะอ้างว่าไม่ได้โดนตัดสินว่ามีความผิดคดีทุจริต แต่เป็นละเว้นปฏิบัติหน้าที่

...อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง การที่ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำประเทศในขณะนั้น แต่กลับปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ทั้งที่รู้อยู่แล้ว เพราะมีองค์กรอิสระ (คณะกรรมการป.ป.ช.-สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน) ก็เคยทำหนังสือทักท้วงไว้ตั้งแต่เริ่มทำโครงการจำนำข้าว แต่ยิ่งลักษณ์ ยังละเว้น ไม่ยอมระงับยับยั้งโครงการจำนำข้าว การละเว้นเช่นนี้ มันก็เหมือนกับการมีส่วนร่วมปล่อยให้มีการทุจริตคอรัปชั่น โทษก็ไม่ได้ต่างจากการทุจริตคอรัปชั่น หากดูจากประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ที่เขียนไว้ว่า "ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น"ที่ก็คือ การกระทำความผิดแบบร่วมกันกระทำ ก็จะต้องได้รับโทษเท่ากันในฐานะสมรู้ร่วมคิด”

...การที่ละเว้น ปล่อยให้มีการทุจริต ก็เหมือนกับการปล่อยให้มีการโกงประเทศ ดังนั้นในฐานะผู้ประเทศ -นักการเมือง จึงต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าคนอื่น หากจะมาอ้างว่า ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ทุจริต ไม่ได้เป็นความผิดโดยตรง ถือว่าไม่สร้างความเป็นธรรมกับประเทศ เพราะเมื่อได้เกิดความเสียหายไปแล้ว มันเรียกคืนไม่ได้ 

"พิชิต-แกนนำคปท."วิเคราะห์ว่า มีแนวโน้ม ที่อาจมีการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว เพื่อช่วยเหลือยิ่งลักษณ์ อย่างการให้สัมภาษณ์ของแกนนำรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ก็ออกมาในลักษณะเช่นนั้น ที่บอกว่าจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับยิ่งลักษณ์ ซึ่งเรามองว่าการกระทำลักษณะเช่นนี้ เป็นการใช้อำนาจรัฐเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมส่วนบุคคล ทั้งที่ในการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ  ควรจะพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งความเป็นธรรมของกระบวนการยุติธรรมมากกว่าความเป็นธรรมส่วนบุคคล ต้องแยกความสัมพันธ์ออกมาระหว่างความสนิทส่วนตัว กับความเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐต้องมีความเป็นธรรมและผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรมมากกว่าความสัมพันธ์ส่วนตัว อย่าเอาเรื่องส่วนตัว ความรู้สึกส่วนตัวมาปน ต้องแยกออกจากกัน

..สำหรับกระบวนการในเรื่องนี้ ก่อนที่ยิ่งลักษณ์จะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษหรือลดโทษ ต้องกลับเข้ามาประเทศไทย  แล้วต้องได้รับการลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมเสียก่อน ซึ่งเรื่องนี้ ต้องดูว่ากรณีของยิ่งลักษณ์จะซ้ำรอยกับทักษิณอีกหรือไม่ หากพิจารณากันแบบเป็นรายบุคคลให้กับยิ่งลักษณ์ ตรงนี้ กระทรวงยุติธรรมต้องคำนึงถึงความรู้สึกของสังคมด้วย เพราะการกระทำที่ผ่านมาของทักษิณ ทำให้สังคมมีข้อสงสัยถึงกระบวนการต่างๆ  

-หากยิ่งลักษณ์กลับมา แล้วได้รับการลดโทษไม่ถึงหนึ่งปี แล้วจะใช้เงื่อนไขตาม ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ที่ออกมาเมื่อ 6 ธ.ค. 2566 จะทำได้หรือไม่?

ผมคิดว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่งหากจะใช้ระเบียบดังกล่าวที่ให้กักตัวนอกเรือนจำกับยิ่งลักษณ์ เพราะมันจะยิ่งซ้ำเติมบาดแผลความไม่ยุติธรรมในสังคมไทยเพิ่มขึ้น เพราะแค่กรณีของทักษิณ พี่ชายยิ่งลักษณ์ มันยังเป็นบาดแผลที่รักษาไม่หาย ยังเป็นบาดแผลที่ทุกคนมีคำถามอยู่ แต่หากยิ่งลักษณ์ จะมาซ้ำเติมบาดแผลนี้ ทำให้บาดแผลมันใหญ่ขึ้น ผมคิดว่าสังคมอาจไม่ยอม มันจะเป็นการเติมน้ำมันลงไปในเชื้อเพลิง คิดว่าประชาชนจะไม่ยอม ต้องคัดค้านแน่นอน เพราะเมื่อกระทำผิด ก็ต้องรับโทษตามกฎหมายเสียก่อน ถึงจะมาถูกส่งไปกักขังนอกเรือนจำ

-คิดว่าเรื่องนี้จะมีดีลลับ อย่างที่มีคนวิจารณ์พูดกันหรือไม่?

เรื่องนี้เป็นที่จับตาอยู่แล้วว่า กรณีของยิ่งลักษณ์อาจจะเป็นเงื่อนไขสุดท้าย ดีลสุดท้าย จากที่มีการดีลลับมาก่อนหน้านี้ ซึ่งดีลลับ ก็แน่นอนว่ากรณีของทักษิณ เป็นเงื่อนไขหนึ่ง เงื่อนไขที่สองก็ยิ่งลักษณ์ มันจึงจะเป็นการวัดใจว่า คุณยังจะฝืนดีลไปก่อนจนทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมหรือไม่ แน่นอนว่าฝ่ายที่ดีลกันมา ต้องสรุปบทเรียนจากกรณีของทักษิณให้ได้ว่ามันสร้างความเจ็บปวดให้กับกระบวนการยุติธรรมขนาดไหน ถ้ายังจะฝืนต่อไปอีก จะยิ่งตอกย้ำว่ากระบวนการยุติธรรมไทยถูกทำลายด้วยครอบครัวชินวัตร ดังนั้นยังมีเวลายกเลิกดีล เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง

"พิชิต-แกนนำคปท."ย้ำว่า ทางคปท.จะเฝ้าติดตาม กรณีของยิ่งลักษณ์อย่างใกล้ชิด เพราะเราเป็นห่วงว่ารัฐบาลจะเอื้อประโยชน์ให้กับทั้งทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ สิ่งที่เราตั้งข้อสังเกตก็คือ คนในรัฐบาลมีท่าทีในการปกป้องครอบครัวชินวัตรมากกว่าปกป้องกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นคปท.จะเฝ้าติดตามเรื่องนี้ ไม่อยากให้เป็นกรณีเป็น"รัฐบาลเฉพาะกิจ"ที่มารักษาผลประโยชน์ครอบครัวชินวัตร แทนที่จะรักษาผลประโยชน์ประเทศไทย เราไม่อยากให้รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจที่เข้ามาเพื่อช่วยเหลือนักโทษสองคน

“คปท.จะยังปักหลักชุมนุมเคลื่อนไหวข้างทำเนียบรัฐบาลต่อไป เพื่อรอติดตามกรณีที่ได้ไปยื่นเรื่องต่อป.ป.ช.ให้ไต่สวนเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่ช่วยเหลือนายทักษิณ ที่เบื้องต้น ได้รับแจ้งว่า จะพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อน 27 มีนาคม ที่ต้องดูว่า ป.ป.ช.จะมีการชี้มูลความผิดใครหรือไม่ รวมถึงเฝ้าติดตามกรณีของยิ่งลักษณ์ว่าจะเดินทางกลับหรือไม่อย่างไร ดังนั้น คปท.ก็จะชุมนุมต่อไป”

อสส.ต้องอุทธรณ์คดีถวิล “ทักษิณ”ทิ้งไพ่โง่ เปิดช่องลากคดีขึ้นศาล

ด้านความเห็นจาก "นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นักการเมือง-นักกฎหมายชื่อดัง-อดีตส.ส.พัทลุง 8 สมัย-ที่ก่อนหน้านี้เคยไปร่วมเคลื่อนไหวขึ้นเวทีปราศรัยของ คปท. ข้างทำเนียบรัฐบาล"โดยเขาให้ความเห็นว่า หากยิ่งลักษณ์จะกลับมาประเทศไทย ก็ต้องทำตามกฎหมาย-ระเบียบที่เกี่ยวข้อง คือ ตัวยิ่งลักษณ์ต้องอยู่ในการควบคุมของกรมราชทัณฑ์ เสียก่อน จากนั้น ก็ทำเรื่องขอ"พระราชทานอภัยโทษเป็นการเฉพาะราย"ผ่านกรมราชทัณฑ์-กระทรวงยุติธรรม ไปถึงนายกรัฐมนตรีและพระเจ้าอยู่หัวฯ หลังจากนั้น ก็ต้องรอพระบรมราชวินิจฉัยฯว่า พระองค์ท่านจะพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ และหากพระราชทานอภัยโทษ จะพระราชทานอภัยโทษในลักษณะใด 

ผมคิดว่าการจะตัดสินใจเดินทางกลับไทยและขอพระราชทานอภัยโทษของยิ่งลักษณ์ ต้องดูสองเรื่อง จุดแรกคือ"ความรู้สึกของประชาชน"จะเป็นอย่างไร ซึ่งในด้านความรู้สึก ผมคิดว่าประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่โอเคกับกรณีของนายทักษิณ ที่กลับมาแล้วไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว ประชาชนกลุ่มนี้ ก็จะไม่โอเคกับการกลับมาของยิ่งลักษณ์ ที่จะเป็นการตอกย้ำความรู้สึกของประชาชนว่า ประชาชนไม่โอเคกับการขอพระราชทานอภัยโทษในลักษณะนี้ เพราะว่าเป็นการทำในช่วงที่เขามีอำนาจรัฐ เป็นรัฐบาลอยู่ ที่จะถูกวิจารณ์ว่าใช้อำนาจรัฐช่วยเหลือพวกพ้อง คือพรรคเพื่อไทย ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ อันนี้คือเรื่องของความรู้สึกที่ผมคิดว่า ไม่ค่อยดี ซึ่งหากเทียบกับกรณีของทักษิณ จะพบว่าเขาพยายามทำอยู่นานและมีข่าวมาตลอด ในเรื่องการจะกลับมาประเทศไทย

...แต่นายทักษิณทำให้เสียหาย คือเมื่อเข้ามาแล้ว ไม่ยอมอยู่ในเรือนจำเลย ซึ่งความรู้สึกนี้ คนไม่ยอมรับไม่โอเค เพราะหากนายทักษิณยอมอยู่ในเรือนจำ แล้วอยู่เงียบๆ ในเรือนจำ คนก็ไม่ว่าอะไร แต่ทักษิณ ไม่ยอมไปอยู่เลย ไปอยู่รพ.ตำรวจ ทำให้คนไม่โอเคกับกรณีของทักษิณ โดยหากยิ่งลักษณ์ กลับมาแล้วทำนี้ด้วย กระทรวงยุติธรรมก็ทำให้ด้วย ความรู้สึกประชาชนก็จะรู้สึกไม่ดี และมันจะสะท้อนกลับไปถึงพรรคเพื่อไทย อันนี้ชัดเจนแน่นอน เห็นได้จากผลสำรวจพวกโพลต่างๆ ที่คะแนนของเพื่อไทยแม้จะเป็นรัฐบาลแต่คะแนนนิยมลดลง

นอกจากหากยิ่งลักษณ์ทำแบบทักษิณ ก็จะทำให้การชุมนุมคัดค้านที่กำลังดำเนินอยู่ของกลุ่มคปท.จะมีน้ำหนักมากขึ้น ที่คนบอกว่าจุดไม่ติด แต่หากคปท.-กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวชุมนุมยืนระยะแบบยาวๆ ได้ แล้วยิ่งลักษณ์กลับมาโดยใช้วิธีการแบบทักษิณ ไม่แน่ ที่จะมีความเสี่ยงที่จะจุดติดก็ได้

"นิพิฏฐ์"ยังให้ความเห็นด้วยว่าสำหรับกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยกฟ้อง ยิ่งลักษณ์ สองคดีติดต่อกัน คือคดีย้ายถวิล เปลี่ยนศรีจากเลขาธิการสมช. ที่ฟ้องคดีโดยอัยการและคดีงบอีเวนต์ที่ฟ้องโดยคณะกรรมการป.ป.ช. ซึ่งตามกฎหมายเปิดช่องให้สามารถยื่นอุทธรณ์คดีต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ โดยเขากล่าวว่า ในส่วนของคดีงบจัดโรดโชว์-งบอีเวนต์ดังกล่าวที่องค์คณะของศาลฎีกาฯมีมติ 9 ต่อ 0 นั้น ความเห็นส่วนตัวมองว่า  หากป.ป.ช.จะไม่ยื่นอุทธรณ์คดี ก็ไม่รู้สึกติดใจอะไรเพราะองค์คณะฯลงมติเสียงเอกฉันท์ถึง 9 ต่อ 0 ซึ่งในแง่มุมกฎหมาย การที่ศาลฎีกายกฟ้อง ส่วนตัวยอมรับได้เพราะกระบวนการก็ทำตามหลักการบริหารราชการแผ่นดินพอสมควร

อย่างไรก็ตาม ในส่วนคดีย้ายนายถวิล แตกต่างจากคดีจัดโรดโชว์ เพราะคดีย้ายนายถวิล จะพบว่า ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองสูงสุด วินิจฉัยคดีไปแนวเดียวกัน แต่ศาลฎีกาไปอีกแนวหนึ่ง ซึ่งก็ควรทำให้สิ้นสงสัย และคนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะนายถวิล ก็ติดตามคดีอยู่ และออกมาแถลงเรียกร้องให้อัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์คดี ผมก็มองว่าสำหรับคดีย้ายนายถวิล มีน้ำหนักที่จะยื่นอุทธรณ์ได้ โดยอ้างเหตุผลของคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ-ศาลปกครองสูงสุดและผู้เสียหาย คือตัวนายถวิล จึงควรทำให้ได้ข้อยุติ ผมว่าหากคดีย้ายนายถวิล ไม่มีการยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ภาพพจน์ของอัยการ ซึ่งตอนนี้มีปัญหาอยู่แล้ว จะยิ่งมีปัญหามากยิ่งขึ้น

-ที่มีเสียงวิจารณ์กันว่า หากยิ่งลักษณ์จะกลับมา อาจจะมีดีลลับ ดีลพิเศษ ตามรอยทักษิณ คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้หรือไม่?

ผมว่าถ้ามีดีลลับ มันไม่ง่ายเหมือนกรณีของทักษิณ เพราะกรณีของนายทักษิณ สถานการณ์โดยรวมไม่ดี ยิ่งการที่นายทักษิณกลับมาแล้ว ไม่ยอมติดคุกเลย มันยิ่งทำให้ สถานการณ์ของยิ่งลักษณ์ ยากลำบากขึ้น แต่ถ้าตอนนั้น ทักษิณเขายอมติดคุกเสียบ้าน แล้วมาถึงกรณีของยิ่งลักษณ์ มันจะง่ายขึ้น ส่วนจะมีข้อตกลง มีดีลลับหรือไม่ ผมคาดการณ์ไม่ได้ ขณะเดียวกัน หากกลับมาแล้วจะมาขอพักโทษ ก็ไม่ได้ เพราะกรณีของยิ่งลักษณ์ไม่สอดคล้องแบบทักษิณ เพราะยิ่งลักษณ์อายุยังไม่ถึงเจ็ดสิบปี ส่วนเรื่องสุขภาพเขาที่เป็นเรื่องส่วนตัว แต่เราก็ไม่เคยได้ยินข่าวว่าเขามีปัญหาย่ำแย่อะไร ขนาดนายทักษิณที่สุขภาพดี เตะกระสอบ ผมดูแล้ว เงื่อนไขของยิ่งลักษณ์ไม่เหมือนกับทักษิณ เพราะฉะนั้น หากกลับมา ก็ต้องรับโทษในระดับหนึ่ง ส่วนจะไปอยู่โรงพยาบาลแบบทักษิณ ผมว่ายาก

"นิพิฏฐ์"เปิดเผยด้วยว่า ที่ผ่านมา สังคมสงสัยกันมากว่า นายทักษิณป่วยหนักถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาลถึง 180 วันจริงหรือไม่ แต่ว่าที่ผ่านมา ตรวจสอบกันไม่ได้ มีการเกี๊ยะเซี๊ยะกัน ไม่มีการตรวจสอบกันจริง ฝ่ายค้านก็ไม่ตรวจสอบ ภาคราชการ ก็ไม่ทำอะไรเลย ไม่มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง ทำให้คนสงสัยว่าระบบใช้ไม่ได้ ผมกำลังทำเรื่องนี้อยู่ ทั้งการร่วมมือกับ กลุ่มมวลชนที่เคลื่อนไหวล่ารายชื่อประชาชนสองหมื่นชื่อเพื่อให้ศาลฎีกามีการตั้งองค์คณะมาไต่สวนป.ป.ช.ที่หลังมีคนไปยื่นเรื่องร้องเรียนแล้วไม่่มีความคืบหน้าจากป.ป.ช.โดยเท่าที่ทราบ ตอนนี้ป.ป.ช.เริ่มไหวตัวแล้วหลังรู้ว่ามีการล่าชื่อประชาชนจะให้มีการไต่สวนป.ป.ช. ตอนนี้ป.ป.ช.ก็เดินหน้าตรวจสอบเรื่องกรณีของนายทักษิณแล้ว แต่จะตรวจสอบลึกระดับไหนเรายังไม่รู้

แต่ว่ามันมีกรณีที่นายทักษิณทิ้งไพ่โง่ ก็คือการที่ทักษิณ มอบอำนาจให้ทีมทนายความไปแจ้งความเอาผิดประชาชน ที่ลงรูปนายทักษิณ โดยบอกว่าเป็นการหมิ่นประมาท ผมก็ได้รับว่าความให้คนที่โดนนายทักษิณแจ้งความ โดยผมก็คุยกับลูกความอยู่ว่า ให้เขารับสารภาพเลย ซึ่งเขาก็รับสารภาพแล้วในชั้นพนักงานสอบสวน และกำลังส่งเรื่องให้อัยการ ผมก็บอกว่าเขาว่า ให้เขารับสารภาพเลย แล้วผมจะสู้คดีให้เขาในชั้นศาล เพราะหากเขายังปฏิเสธอยู่ คดีมันจะช้า แล้วพอไปถึงชั้นศาล ก็ปฏิเสธ บอกว่าจะสู้คดี แล้วผมจะใช้อำนาจศาล เรียกตัวนายทักษิณ เรียกแพทย์ เรียกอธิบดีกรมราชทัณฑ์มาเบิกความ ผมว่าทักษิณเขาทิ้งไพ่โง่ เพราะเมื่อเป็นแบบนี้ ก็นำคดีเข้าสู่ศาลได้ ผมบอกคำตอบทักษิณล่วงหน้าเลยว่าวิธีการแก้เกมผมในเรื่องนี้ทำยังไง แก้ด้วยการให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง เพื่อไม่ให้คดีถึงศาล เพราะถ้าสั่งไม่ฟ้อง คดีไม่ถึงศาล ก็เรียกพยานอะไรไม่ได้ แต่ผมก็จะแย้งว่า จำเลย รับสารภาพ ซึ่งถ้าจำเลยรับสารภาพ แล้วอัยการสั่งไม่ฟ้อง อัยการก็เสียหาย ก็อยากฝากบอกด้วยว่า หากใครโดนนายทักษิณแจ้งความหรือฟ้องคดี กรณีออกมาให้ความเห็นว่านายทักษิณป่วยทิพย์ ไม่ต้องกลัว ผมจะหาคนไปประกันให้ แล้วผมจะสู้คดีให้

โดยวรพล กิตติรัตวรางกูร

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คปท.นัด 30 เม.ย.บุกยื่นหนังสือ กกต. ‘พิชิต’ ขาดคุณสมบัติ เร่งส่งศาลรธน.พิจารณา

วันอังคารที่ 30 เมษายน 2567 เวลา 10.30 น. คปท.จะไปยื่นหนังสือการขาดคุณสมบัติของคณะรัฐมนตรีต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ กกต.ยื่นต่อยังศาลรัฐธรรมนูญ  ต่อไป

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ' 23 พ.ค. เจ้าตัวแย้มจ่อลุยการเมือง

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ เพ็ญแข' ครอบครองอาวุธสงคราม 23 พ.ค.นี้ เจ้าตัวเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม จ่อลุยการเมืองหลังพ้นคดี ชี้ ‘ยิ่งลักษณ์’ ควรได้ความเป็นธรรมเหมือนทุกคน

เฮ!รัฐบาลจัดเชื่อเงินด่วนให้ 'อสม.-อสส.' กู้รายละไม่เกิน 2 หมื่นบาท

รัฐบาลจัดโครงการสินเชื่อเงินด่วนคนดี ให้สมาชิก อสม. - อสส. รายละไม่เกิน 20,000 บาท ยื่นกู้ได้ ณ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม 2568