
เมืองศิวิไลซ์กับการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน
ในหลายเมืองศิวิไลซ์ทั่วโลก ในช่วงเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ผู้คนได้หันมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรียบง่ายที่สุดของการดำรงชีวิต นั่นคือการเดินและการปั่นจักรยานในชีวิตประจำวัน เพราะนอกจากจะเป็นวิธีเดินทางที่ประหยัดและดีต่อสุขภาพแล้ว ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ ต้องขอเน้นคำว่า ในชีวิตประจำวันของชาวบ้าน เพราะบ่อยครั้งที่ผู้บริหารเมืองไม่เข้าใจในหลักการพื้นฐานนี้ และไปใช้งบประมาณทำระบบจักรยานให้“นักจักรยาน”ที่ปั่นด้วยความเร็วไม่น้อย ในระยะทางไกลๆ เป็นสิบ ๆ กิโลเมตร ซึ่งนั่นไม่ใช่วิถีชีวิตของชุมชน สิ่งที่ภาครัฐทำลงไปจึงไม่สำเร็จในแง่ที่จะทำให้เมืองน่าอยู่ และเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณไปอย่างน่าเสียดาย
โลกให้ความสำคัญกับเรื่องจักรยานถึงขั้นที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้มี “วันจักรยานโลก” (UN World Bicycle Day) ขึ้นในวันที่ 3 มิถุนายนของทุกปี เพื่อชักจูงและส่งเสริมให้ประเทศต่างๆ สนับสนุนการใช้จักรยานในชีวิตประจำวันของประชาชน ส่วนการเดินแม้จะไม่มีวัน World Walking Day เป็นการเฉพาะของตัวเอง แต่ก็เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของเมืองน่าอยู่
ในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา เมืองใหญ่ในยุโรปจำนวนมากจึงได้เปลี่ยนโครงสร้างของเมือง โดยแปรสภาพถนนหรือแม้กระทั่งทางด่วนบางสาย ให้กลายเป็นทางสำหรับคนเดินและการใช้จักรยานโดยเฉพาะ เช่นที่เมืองอัมสเตอร์ดัม แนวคิดนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองน่าอยู่ และเป็นหัวใจของการรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปพร้อมๆ กัน

ขอบคุณภาพประกอบจาก : Discerning Cyclists facebook
ทั้งการเดินและการปั่นจักรยานต่างไม่ได้ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในการเดินทาง จึงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) อันได้แก่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้อย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้
เมืองไทยเริ่มขยับสู่เมืองที่เดินได้-ปั่นได้ แต่ก็ยังมีปัญหาด้านความเข้าใจ
แม้เทศบาลต่าง ๆ ในประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพมหานคร จะยังไปไม่ถึงมาตรฐานระดับโลกในด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับคนเดินและคนใช้จักรยานในชีวิตประจำวันด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณและบริบททางสังคมบางประการ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าหลายพื้นที่ได้เริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้นแล้ว ตัวเราจะเห็นการปรับปรุงทางเท้าในหลายพื้นที่ในหลายจังหวัดรวมถึงในกรุงเทพมหานครเอง ให้ปลอดภัย สะดวกและสบายต่อการเดินและการใช้จักรยานของชาวบ้าน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของการเปลี่ยนแปลงเมืองเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในความพยายามที่จะปรับปรุงนี้ ยังมีกรณีที่ภาครัฐควรทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ก่อนถึงความต้องการของชาวบ้าน และหลีกเลี่ยงที่จะทำให้เกิดปัญหาในการใช้งานจริง ขอยกตัวอย่างให้ดูสักหนึ่งตัวอย่าง เช่น การทุบทางเท้าออกทั้งสองฝั่งของถนนพร้อมกันในช่วงขณะปรับปรุง (ดูรูป) ทำให้คนเดินเท้าต้องลงไปเดินบนพื้นผิวถนน ซึ่งเสี่ยงอันตราย โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก นักเรียน ผู้สูงอายุ และคนพิการ ที่ไม่มีทางเลือกอื่นในการสัญจร
การใช้จักรยานของชาวบ้านในชีวิตประจำวันที่ปกติจะใช้ทางเท้าร่วมกับชาวบ้านในบางพื้นที่ที่อำนวย ก็จะใช้ทางเท้าขณะซ่อมแซมปรับปรุงนี้ไม่ได้ ต้องลงไปเสี่ยงอันตรายบนถนนเช่นเดียวกัน

จักรยานก็ต้องเสี่ยงอันตราย ลงถนนที่แคบ ใช้ทางเท้าแบบเดิมไม่ได้

อันตรายจากการโดนรถชน โดยเฉพาะรถที่มาจากด้านหลัง

ไม่มีที่บนทางเท้าให้เดิน
ทางเท้าที่ดี คือพื้นฐานของเมืองที่น่าอยู่
อุปสรรคที่กล่าวมาเป็นตัวอย่างนี้เราทุกคนสามารถเข้าใจตัวปัญหาได้ไม่ยาก และเชื่อว่าผู้บริหารท้องถิ่นและทีมปฏิบัติงานของเทศบาลรวมถึงกรุงเทพมหานครก็คงเข้าใจ และเมื่อเห็นภาพการทำงานและผลกระทบเช่นนี้แล้ว จะนำไปปรับปรุงระบบการทำงานให้ดียิ่งขึ้น เช่น การกำหนดสัญญาให้รัดกุมขึ้น ไม่ให้ทุบทางเท้าออกทั้งสองข้างของถนนไปพร้อมกัน และจัดตารางการทำงานให้ผู้รับเหมาใช้เวลาก่อสร้างได้นานขึ้นบ้างและอย่างเหมาะสมขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้การเดินและการใช้จักรยานของคนเมืองไม่สะดุด และทำได้ต่อไปอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
ขอขอบคุณทุกความตั้งใจของผู้ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองของเรา เพราะทุกก้าวที่เดินได้ปลอดภัยและทุกรอยล้อจักรยานที่ปั่นอย่างสะดวก คืออีกก้าวสำคัญของโลกที่ร้อนน้อยลงและเมืองที่น่าอยู่มากขึ้นของพวกเราทุกคนนั่นเอง
ธงชัย พรรณสวัสดิ์
อนุกรรมการแนวทางวิศวกรรมสู่ Net Zero สภาวิศวกร
สรัสวดี โรจนกุศล
มูลนิธิสถาบันการเดินและการจักรยานไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เสวนา “เมืองเดินได้” เริ่มตั้งไข่แล้ว บนเวที SX2024
ความหวังของคนกรุงเทพฯ ที่จะได้อยู่อาศัยในเมืองที่สามารถเดินเท้าเชื่อมโยงจุดต่างๆ ได้อย่างสะดวกปลอดภัยมากขึ้น เริ่มเป็นรูปเป็นร่างทีละนิด
เดินหน้า'ชุมชนจักรยาน'
การรณรงค์ให้คนใช้จักรยานมากขึ้นแทนการขับขี่ยานพาหนะ นอกจากดีต่อสุขภาพร่างกายแล้ว ยังมีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นต้นเหตุใหญ่ของสภาพอากาศที่แปรปรวน จนทำให้กรุงเทพฯ น้ำท่วมหนักในทุกวันนี้
ปฏิรูประบบจัดการขยะ กทม. ท้าทายความเป็น' Great Governor'
แต่ขยะที่แม้จะอยู่ในถัง หรือนำไปที่ ที่ทิ้งขยะแล้ว ยังมีเบื้องหลังที่จะทำให้เมืองหลวงและประเทศไทย ดูเป็นประเทศที่พัฒนาน่าชื่นชมได้ยิ่งขึ้นอีก ก็คือ "การจัดการแยกขยะ "ขยะที่แยกได้ มีข้อดีคือ การลดปริมาณขยะ นำกลับไปใช้ใหม่ หรือที่เรียกว่ารีไซเคิล และนำมาใช้ซ้ำ ฯลฯลดงลประมาณ ในการบริหารจัดการขยะ ที่ทั้งกระบวนการจัดการต้องใช้งบฯแตะ เกือบหมื่นล้าน ในแต่ละปี(เฉพาะกทม.)
ผู้ว่ากรุงเทพมหานครกับจักรยาน
ในช่วงเดือนเศษที่ผ่านมา ได้มีปรากฏการณ์ในวงการการเลือกตั้งของการเมืองไทยขึ้นมาใหม่
ถอดบทเรียน'ทางม้าลาย'แก้ได้ด้วย'วินัย'
ความสูญเสียเป็นสิ่งที่น่าเศร้า ประเมินค่าไม่ได้ และไม่ควรเกิดขึ้นกับชีวิตคนที่เดินข้ามทางม้าลาย กรณีเหตุการณ์ ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 ตำรวจควบคุมฝูงชน ขับขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์พุ่งชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ “หมอกระต่าย” แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

