ไม่ว่าโลก-ไม่ว่าสังคมไทย…ช่วงหลังๆ นี้คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า น่าจะเต็มไปด้วยความสับสน มึนงง อันเนื่องมาจากการที่ยากจะแยก ความจริง กับ ความเท็จ

“ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้” มอตโตสุดคลาสสิกที่ถูกนำมาเปรียบเปรยการกระทำของ “ตำรวจ” ในทุกยุค ทุกสมัย ไม่เว้นแม้แต่การแต่งตั้ง “นายพล”

พวกโลกสวยมักคิดไร้เดียงสาว่าทุกประเทศต้องการสันติภาพ ความขัดแย้งใดๆ จัดการได้ด้วยการทูต องค์กรระหว่างประเทศ แต่ในโลกแห่งความจริง สันติภาพได้มาด้วยแสนยานุภาพ

นับเป็นทุกข์อย่างหนึ่งของผู้เขียนที่ทำนายอะไรไว้ต้องแบกความรับผิดชอบตลอด ไม่กล้าทำนายแบบทิ้งๆ ขว้างๆ หรือเอามันอย่างเดียว

ครับ… แสดงความยินดีด้วย “ทักษิณ ชินวัตร” รอด!

ต้องเรียกว่า “กรมปทุมวัน” เข้าสู่ยุคซีรีส์ 4 เต็มตัว ในยุค บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ นรต.41 เข้าสู่ปีที่สอง ในการกุมบังเหียน “แม่ทัพใหญ่สีกากี”

ต้องยอมรับว่า วัดพระบาทน้ำพุ เป็นสถานที่ที่คนไทยจำนวนมากคุ้นเคยในฐานะศูนย์กลางการดูแลผู้ป่วย HIV/AIDS มายาวนานกว่าสองทศวรรษ แต่ตลอดเวลาก็มีทั้งเรื่องราวของความศรัทธาและเสียงวิพากษ์วิจารณ์สลับกันมา

ทักษิณฉีกยิ้มร่าลงจากศาล เมื่อวาน (๒๒ ส.ค.๖๘) เผยเขี้ยวแหลมคมในปากสะท้อนแสงขาววับ น่าสะพรึงทั้งคนตาบอดและตาดี ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า “คดีหมิ่นสถาบัน”

ได้เห็นภาพเดิมอีกครั้งครับ… เบะปาก! คราวนี้ เบะปากมองล่าง วานนี้ (๒๑ สิงหาคม) ทุกสำนักข่าวรายงานตรงกัน ระหว่างที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอ่านกระบวนการพิจารณาคดีอยู่นั้น “แพทองธาร ชินวัตร” มีอากัปกิริยาที่คุ้นชิน