ปูติน, สี จิ้นผิง, คิม จองอึน:พันธมิตรยิ่ง แนบแน่นเพราะสงครามยูเครน

และต้องไม่ลืมว่า สี จิ้นผิง ของจีนก็มีนโยบายยืนเคียงข้างรัสเซียและเกาหลีเหนืออยู่แล้ว

จีนก็มีอาวุธนิวเคลียร์เช่นกัน

ดังนั้นเมื่อจับพันธมิตรจีน, รัสเซียกับเกาหลีเหนือรวมเข้าด้วยกันก็จะเห็นการแบ่งค่ายกับฝั่งตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ อย่างชัดแจ้ง

ฝั่งตะวันตกมีสหรัฐฯ, ยุโรปตะวันตก...ข้ามมาเอเชียก็มีญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

อินเดียพยายามวางตัวเป็นกลาง และคบหาทั้ง 2 ค่ายใหญ่ด้วยความระแวดระวังอย่างยิ่ง

ทำให้อาเซียนที่ไทยเราเป็นสมาชิกอยู่ด้วยต้องคิดหนัก เพราะทั้ง 10 ประเทศสมาชิกมีจุดยืนที่ค่อนข้างจะแบ่งแยกกันอยู่พอสมควร

ความตึงเครียดของสงครามยูเครนจึงถูกขยายวงมาในเอเชียอย่างปฏิเสธไม่ได้

ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ไม่มีช่วงไหนจะมีความตึงเครียดที่น่ากลัวเท่ากับความร้อนแรงของการเผชิญหน้าระหว่าง 2 ขั้วใหญ่นี้อีกแล้ว

ที่เคยคิดว่าสงครามนิวเคลียร์คงจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว เพราะความน่ากลัวของระเบิดปรมาณูที่สหรัฐฯ ไปทิ้งใส่ญี่ปุ่นจนยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี 1945 นั้นกลับมีภาพหลอนเกิดขึ้นในวันนี้จนได้

การที่เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธวิถีโค้งข้ามทวีป หรือ ICBM (Intercontinental ballistic missile) ฮวาซอง-17 (Hwasong-17) ถือเป็นการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ.2017

เห็นได้ชัดว่า คิม จองอึน ได้กลับมาสู่แนวทางความกร้าวอีกครั้งหนึ่งด้วยการปัดฝุ่นโครงการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ที่ชัดเจนว่าพุ่งเป้าเพื่อกดดันสหรัฐฯ ด้านหนึ่ง และแสดงความเป็นพวกเดียวกับรัสเซียอีกด้านหนึ่ง

คิมต้องการให้ โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ยอมรับเกาหลีเหนือในฐานะประเทศมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ที่มีสถานภาพเท่าเทียมกัน

และเพื่อให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อเปียงยางเสียด้วย

รายละเอียดของอาวุธร้ายแรงล่าสุดของเกาหลีเหนือทำให้ฝั่งสหรัฐฯ ต้องคิดหนัก

ขีปนาวุธฮวาซอง-17 เป็นขีปนาวุธวิถีโค้งข้ามทวีป หรือ ICBM มีความยาว 25 เมตร

เป็นระบบขีปนาวุธขนาดใหญ่ที่ยิงจากระบบเคลื่อนที่ได้

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าระบบนี้เคยปรากฏโฉมในขบวนสวนสนามเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2020

แต่ครั้งนี้เป็นการยิงทดสอบอย่างเต็มรูปแบบครั้งแรก

จุดที่ยิงอยู่จุดที่ใกล้กรุงเปียงยางเสียด้วย

เมื่อปี 2017 เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธ ICBM ฮวาซอง-15 ทำให้มีการแลกเปลี่ยนวิวาทะอย่างดุเดือดระหว่างคิมกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในขณะนั้น

เป็นที่มาของวลี “Fire and Fury” หรือ “เพลิงและโทสะ” ที่ผู้นำสหรัฐฯ บอกว่าจะเป็นการสั่งสอนอย่างที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน

แต่ครั้งนี้ขีปนาวุธชุดใหม่ของเกาหลีเหนือมีศักยภาพทำลายสูงกว่าด้วยซ้ำ

ขีปนาวุธฮวาซอง-17 ยิงออกไปในมุมสูงเพื่อหลีกเลี่ยงน่านน้ำของเพื่อนบ้าน แตะระดับที่ความสูง 6,248 กิโลเมตร และไกลถึง 1,090 กิโลเมตร ก่อนจะตกบริเวณน่านน้ำระหว่างเกาหลีเหนือและญี่ปุ่น

เกาหลีใต้และญี่ปุ่นบอกว่าขีปนาวุธพิสัยไกลนี้สามารถเดินทางได้ไกลกว่า 15,000 กิโลเมตร

นั่นแปลว่ามันสามารถโจมตีได้ถึงทวีปอเมริกาได้

อย่างนี้จะทำให้สหรัฐฯ อยู่เฉยๆ ต่อไปไม่ได้แน่นอน

เมื่อรัสเซียยิงขีปนาวุธ Hypersonic missiles ความเร็วเหนือเสียงหลายเท่าในยูเครนก็ทำให้หวนคิดไปถึงขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือระดมทดสอบเมื่อเร็วๆ นี้ โดยอ้างว่าเป็นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงและที่พุ่งโจมตีเป้าในเกาหลีใต้ได้ด้วย

โลกผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 มา 77 ปี

ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นที่จะต้องใช้อาวุธทำลายล้างสูงที่หนักหน่วงกว่าระเบิดปรมาณูที่สหรัฐฯ หย่อนในญี่ปุ่นเมื่อปี 1945 อีก

แต่อะไรที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้กลับกลายมาเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้

ฝรั่งใช้วลีที่ว่า Thinking the Unthinkable

หมายความว่าที่เรียกว่า “การล่มสลายของมนุษยชาติ” ที่เคยเป็นเพียงคำเปรียบเปรยนั้น วันนี้กำลังทำท่าจะอยู่ใน “กรอบแห่งความเป็นไปได้” ขึ้นมา

คิดแล้วขนลุก, น่าสยดสยองยิ่งนัก.