ผันตัวสู่ออนไลน์สร้างโอกาส

จากสถานการณ์บ้านเมืองที่ค่อนข้างวุ่นวาย คนในประเทศต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดทั้งด้านเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ ที่ผ่านมามีหลายอุตสาหกรรมปรับตัวมากขึ้นแล้ว บ้างก็จากความสามารถของตัวเอง บ้างก็ใช้โอกาสและเครื่องมือจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งหยิบยื่นความช่วยเหลือในช่วงที่เกิดวิกฤต แต่หนึ่งสิ่งที่กำลังได้รับความนิยมและภาคอุตสาหกรรมต้องปรับตัวเข้าหามากที่สุดคือการใช้เครื่องมือออนไลน์

จากหลายอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเข้าสู่ออนไลน์ทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่อันจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถก้าวข้ามอุปสรรคได้ อย่างเช่น กลุ่มอุตสาหกรรมประมง ที่ก่อนหน้านี้สถาบันอาหารได้ไปดำเนินโครงการส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าสูงจากผลผลิตประมงเพาะเลี้ยงฯ ภายใต้โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคกลาง

เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการแปรรูปอาหาร เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ประมงตลอดห่วงโซ่อุปทาน พร้อมต่อยอดสู่สินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูง สร้างโอกาสในการแข่งขัน รุกตลาดออนไลน์และออฟไลน์ วรวรรณ ชิตอรุณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งมั่นขับเคลื่อนนโยบายอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรไปสู่การปฏิบัติ โดยกำหนดแนวทางการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตร

บนพื้นฐานความสมดุลเชิงพื้นที่ในการผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตร ทั้งประเภทอาหาร ไม่ใช่อาหาร รวมถึงผลักดันให้อุตสาหกรรมมีความมั่นคงและเกิดความยั่งยืน ด้วยการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานสากล ควบคู่ไปกับการพัฒนาช่องทางการตลาดในระดับต่างๆ โดยได้มอบหมายให้สถาบันอาหารดำเนินงานโครงการส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าสูงจากผลผลิตประมงเพาะเลี้ยงด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างความยั่งยืนในธุรกิจประมง

ในปีงบประมาณ 2565 วงเงิน 3,090,000 ล้านบาท กำหนดพื้นที่เป้าหมายดำเนินงานใน 10 จังหวัดภาคกลาง ประกอบด้วย จังหวัดสมุทรสงคราม สมุทรสาคร สมุทรปราการ นครปฐม พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี อ่างทอง ชัยนาท สิงห์บุรี และปทุมธานี ซึ่งเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่สำคัญของประเทศ โดยในปี 2564 พบว่า ผลผลิตประมงน้ำจืดในพื้นที่ภาคกลางสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ การดำเนินงานโครงการดังกล่าวในช่วงไตรมาสแรกมีความก้าวหน้าไปกว่า 36% มีผู้ประกอบการผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ จำนวน 14 กิจการ อาทิ ผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงปลานิล ปลากะพง หอยเชลล์ ปลาดุก ปลาสลิด ปลาช่อน ปลากระดี่ เป็นต้น โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี แนะนำพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์จนได้สูตรและเข้าสู่กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารจากสัตว์น้ำ

แปรรูปพร้อมทานออกสู่ตลาด อาทิ ผลิตภัณฑ์ปลาช่อน ปลาสลิดแดดเดียว พัฒนาไปเป็นปลาช่อนแม่ลาเค็มน้อย ผลิตภัณฑ์ปลานิลแดดเดียวพัฒนาไปเป็นน้ำพริกปลาย่างแห้ง ผลิตภัณฑ์ปลาเค็มรวนพร้อมทานพัฒนาไปเป็นซุปผักปลาก้อน ผลิตภัณฑ์ปลาหมึกกรอบปรุงรสพัฒนาไปเป็นสแน็กขอบหอยเชลล์ ผลิตภัณฑ์ปลาดุกเส้นทอดพัฒนาไปเป็นปลาดุกหยอง

ผลิตภัณฑ์ปลาช่อนแม่ลาแดดเดียวพัฒนาไปเป็นปลาช่อนแม่ลาแดดเดียวสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ปลาสลิดแดดเดียว ปลาสลิดทอดกรอบ น้ำพริกปลาสลิด พัฒนาไปเป็นสแน็กจากก้างปลาสลิด ข้าวเกรียบปลาสลิด และผลิตภัณฑ์ปลาร้า น้ำปลาร้า พัฒนาไปเป็นปลาร้าผงอัดก้อน เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการโดยตรงแล้ว ยังมีส่วนช่วยกระจายรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย

มั่นใจได้เลยว่าหากทุกอุตสาหกรรม หรือทุกกลุ่มผู้ประกอบการ สามารถนำเครื่องมือหรือช่องทางในการต่อยอดธุรกิจมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ จะส่งผลให้ธุรกิจนั้นๆ เพิ่มมูลค่าให้สูงมากขึ้น และสร้างความยั่งยืนของธุรกิจ รวมถึงสร้างโอกาสทางการตลาดโดยการเชื่อมโยงกับคู่ค้าและเพิ่มมูลค่าให้กับพื้นที่ในเขตจังหวัดนั้นๆ ได้แน่นอน.

ณัฐวัฒน์ หาญกล้า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จับตาบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง

ช่วงนี้หลายคนกำลังสงสัยว่าเพราะเหตุใดค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าเอา อ่อนค่าเอา ตอนนี้ราคาหลุดทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐไปแล้ว แม้จะมีการแกว่งตัวแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า

Digital Walletกระตุ้นค้าปลีกไม่แรง

“โครงการ Digital Wallet” เรียกว่ามีความชัดเจนจากฝั่งรัฐบาลพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไขทั้งในส่วนของประชาชนและร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ รวมไปถึงแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินโครงการ แต่ก็ต้องยอมรับว่าความชัดเจนในส่วนนี้ก็ยังมีการตั้งคำถาม ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเร่งหาวิธีการเพื่อพิสูจน์ความชัดเจน และเดินหน้าโครงการตามขั้นตอนและวิธีการภายใต้กรอบของกฎหมายที่ได้ยืนยันมาโดยตลอด

อัปเกรดอุตฯเหล็กรับมาตรการCBAM

การเดินหน้ามาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) นั้น ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวอย่างมากของกลุ่มผู้ผลิต

'หนี้ครัวเรือน'แนวโน้มชะลอแต่สัดส่วนยังสูง

“หนี้ครัวเรือน” เป็นประเด็นที่หลายฝ่ายจับตา โดยจากข้อมูลของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ที่ระบุว่า ภาพรวมหนี้ครัวเรือนไทย ไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 16.2 ล้านล้านบาท

เศรษฐกิจไทยจะไปทางไหนต่อ

ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยเวลานี้เหมือนคนป่วยโรคเรื้อรัง ที่อาการแค่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่รักษายังไม่หายขาด ส่งผลให้การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ยังคงติดๆ ขัดๆ นับตั้งแต่ผ่านพ้นจากวิกฤตโควิดมากว่า 2 ปี

ไทยจะเป็นฮับเอทานอล

ประเทศไทยหลังจากที่ผลัดเปลี่ยนรัฐบาลชุดนี้ ก็ตั้งเป้าการทำงานที่หลากหลายและแปลกตามากขึ้น แน่นอนว่าหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแล