
ในที่สุดคนไทยก็ได้โอกาสหยุดยาว และเตรียมตัวที่จะกลับภูมิลำเนาหรือออกไปท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนจิตใจและกายา หลังจากที่ต้องทำงานในช่วงแห่งความยากลำบากที่โรคโควิด-19 ยังคงเป็นไวรัสที่น่ากลัว และจัดการคร่าชีวิตคนทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
โดยในปีนี้งานสงกรานต์ของไทยก็อาจจะไม่คึกคักเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เพราะรัฐบาลขอความร่วมมืองดการสาดน้ำ ประแป้ง และปาร์ตี้โฟม เพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ทำให้การจัดงานรื่นเริงที่เป็นมหกรรมใหญ่ๆ ในแต่ละจังหวัดคงจะไม่มี แต่อาจจะเป็นการสรงน้ำพระ หรือการฉลองกันเองในครอบครัว ซึ่งอย่างน้อยก็สร้างความสุขให้กับชีวิตได้
อย่างไรก็ดี ในแง่มุมทางเศรษฐกิจแล้วทุกวันหยุดยาวก็ต้องอยากเห็นประชาชนออกมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ออกมาจับจ่ายใช้สอย ออกมาทานอาหาร หรือร่วมทำบุญ
ล่าสุด ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 นี้จะมีมูลค่ารวมประมาณ 2.23 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้น่าจะดีขึ้น เนื่องจากประชากรในประเทศส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 1 และ 2 รวมถึงเข็มกระตุ้น ทำให้คนส่วนหนึ่งมีความเชื่อมั่นที่จะเดินทางท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ในปีนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ผ่อนคลายให้สามารถจัดกิจกรรมประเพณีสงกรานต์ ขบวนแห่ การสาดน้ำ และการจัดกิจกรรมสันทนาการได้ (ภายใต้เงื่อนไขที่ยังต้องเฝ้าระวังการระบาดของโควิด เช่น การห้ามเล่นน้ำ ประแป้ง หรือปาร์ตี้โฟมในพื้นที่สาธารณะที่ไม่มีการควบคุม) ก็ทำให้หน่วยงานท้องถิ่นในหลายพื้นที่มีแผนที่จะจัดงานเทศกาลสงกรานต์
รวมถึงหน่วยงานท่องเที่ยว และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาทำโปรโมชันกระตุ้นการท่องเที่ยว อย่างโปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 สำหรับการเข้าไปชมสถานที่ท่องเที่ยว หรือแพ็กเกจห้องพักราคาพิเศษ เป็นต้น รวมถึงปัจจัยหนุนจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่ยังคงมีจำนวนสิทธิเหลืออยู่ประมาณ 2.7 แสนสิทธิ (ณ วันที่ 7 เมษายน 2565) เป็นที่สังเกตว่าจำนวนสิทธิการจองห้องพักปรับลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงใกล้วันหยุดเทศกาลสงกรานต์
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึงภาพรวมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งมีวันหยุดต่อเนื่องติดต่อตั้งแต่วันที่ 13-17 เมษายนนี้ ก็ประเมินว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศประมาณ 3.34 ล้านคน-ครั้ง และเราหวังว่าจะมีการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียนประมาณ 11,000 ล้านบาท โดยมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 41% ขณะที่บรรยากาศสงกรานต์ปี 65 จะคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี แม้ว่าภาพรวมของการใช้จ่ายในช่วงสงกรานต์ในปีนี้จะออกมาดูดีขึ้น แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า การท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ปีนี้การฟื้นตัวยังไม่ทั่วถึง โดยคนไทยยังเลือกเดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้ และ/หรือที่เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลอย่างพัทยาและสัตหีบ (จังหวัดชลบุรี) เกาะกูดและเกาะช้าง (จังหวัดตราด) หัวหิน (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) จังหวัดภูเก็ต เกาะสมุย (จังหวัดสุราษฎร์ธานี) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวทางธรรมชาติ (ภูเขา/น้ำตก) เช่น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดเชียงใหม่
สำหรับ ในด้านการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 โดยภาพรวมการใช้จ่ายต่อทริปเฉลี่ยลดลงเล็กน้อย ซึ่งหลักๆ แล้วเป็นผลมาจากการทำตลาดของผู้ประกอบการท่องเที่ยว และการปรับพฤติกรรมการเดินทางให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิดและกำลังซื้อ ขณะเดียวกันโครงการภาครัฐ ทั้งเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง ประกอบกับนักท่องเที่ยวบางส่วนเดินทางแบบไปเช้า-เย็นกลับ จึงมีส่วนทำให้ค่าใช้จ่ายด้านที่พักและด้านอาหารของนักท่องเที่ยวไม่เร่งตัวขึ้นมากนัก แม้ราคาอาหารจะแพงขึ้น.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับตาทิศทางดอกเบี้ยไทย
เสถียรภาพทางการเงินโลกขณะนี้ถือว่าอยู่ในจุดสุ่มเสี่ยง หลังจากเริ่มเห็นสถาบันการเงินหลายแห่งเข้าสู่ภาวะล้มละลายและต้องปิดตัวลง ไล่มาตั้งแต่สหรัฐอเมริกาจนถึงยุโรป
“ตลาดรถยนต์ไทย”ช่วงเปลี่ยนผ่าน
ประเทศไทย ถือเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาตลาดรถยนต์ทั้งในและต่างประเทศก็เริ่มมีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย “สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
จัดทัพกำชับนโยบายอุตสาหกรรม
จากการดำเนินงานของกระทรวงอุตสาหกรรม ผ่านมาหลายเดือนก็เริ่มเห็นนโยบายที่ชัดเจนขึ้น และการบูรณาการการทำงานของหลายๆ หน่วยงานไปพร้อมๆ กัน จากสิ่งแรกที่เห็นคือการปรับปรุงนโยบายของกระทรวงภายใต้คำว่า MIND “ใช้หัวและใจ” ทำงาน โดยแบ่งเป็น 4 มิติ ได้แก่
ปีนี้ได้ใช้แน่รถไฟฟ้าสายใหม่
จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ หลายสายทาง โดยเฉพาะฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง และสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี
ป้องกันกลโกง“แอดมินปลอม”ให้อยู่หมัด
คงต้องยอมรับว่าเหล่ามิจฉาชีพบนโลกออนไลน์นับวันนั้นยิ่งแพร่ระบาดไปทั่วทุกแพลตฟอร์ม เรียกได้ว่าคนอยู่ที่ไหน
ลดค่าก๊าซ-ค่าไฟ ไม่ต้องรอพรรคไหนทั้งนั้น
ทุกครั้งที่จะมีการเลือกตั้ง จะได้เห็นนโยบายหาเสียงของบรรดาพรรคการเมือง ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำสิ่งนั้น ทำเรื่องนี้ให้ทันที