
รัฐบาลประกาศอนุมัติให้เราจัดงานสงกรานต์ได้ และมีแนวนโยบายที่จะไม่มีการกลับไปกำหนดมาตรการต่างๆ ที่ทำให้ประชาชนต้องเสียอิสรภาพในการดำรงชีวิต ทั้งในฐานะเป็นผู้ประกอบการหรือเป็นผู้บริโภค
ทั้งนี้เพราะรัฐบาลเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยให้ธุรกิจต่างๆ เดินหน้าไปได้ ครั้นจะรอให้สถานการณ์ของโควิดเบาบางลง มีจำนวนคนติดน้อยลงเป็นหลักร้อยหลักพัน มีคนตายน้อยลงเป็นหลักสิบ จึงค่อยคิดหาหนทางที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจเห็นทีจะไม่ทันการณ์ และประชาชนจะเดือดร้อน ธุรกิจจะเสียหาย ผู้คนจะตกงาน
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลง ให้ธุรกิจเดินหน้าได้ ให้ผู้บริโภคสามารถซื้อหาและใช้บริการต่างๆ ได้ แนวความคิดดังกล่าวนี้เป็นที่ยอมรับในหลายประเทศทั่วโลกที่เห็นความจำเป็นในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากที่สถานการณ์ของโควิดเบาบางลง ถึงแม้จะยังไม่จบสิ้นทั้งหมด
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศคือประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นที่เกิดขึ้นในบางเวลา (Endemic) ไม่ใช่โรคระบาดที่กระจายทั่วโลก (Pandemic) อีกต่อไป ในช่วงที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกมองโควิด-19 เป็น Pandemic นั้น หลายประเทศจะต้องปิดประเทศ ปิดน่านฟ้า คนในไม่ให้ออก คนนอกไม่ให้เข้า จนกระทั่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวล่มสลาย ทำให้ธุรกิจต่างๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทั้งสายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิงและแหล่งท่องเที่ยวไม่มีรายได้ ประสบปัญหาการขาดทุน จำเป็นต้องปลดพนักงานเป็นจำนวนมาก ที่ยังคงมีงานทำอยู่ก็ถูกลดเงินเดือน มีรายได้ลดลง ผู้คนตกงานเป็นจำนวนมาก กำลังซื้อลดลงอย่างน่าใจหาย รัฐบาลต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมหาศาลในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกทรุดลงอย่างน่าใจหาย หลายๆ ประเทศหวังว่าการแพร่ระบาดของโควิดน่าจะคลี่คลายลงได้ในระยะเวลาสั้นเหมือน Pandemic ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แต่ปรากฏว่าสถานการณ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น นับตั้งแต่ปลายปี 2562 มาจนถึงปัจจุบันในปี 2565 การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ยังไม่จางหายไป และเมื่อโควิด-19 กลายพันธุ์เป็น Omicron จำนวนคนติดเชื้อที่ลดลงก่อนหน้านี้กลับมาเพิ่มขึ้นอีก แม้ว่าอาการจะไม่รุนแรง แต่เมื่อดูจำนวนคนติดเชื้อรายวันและจำนวนคนตายที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้หลายคนไม่สบายใจ แต่รัฐบาลหลายประเทศได้ตัดสินใจที่จะเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจกันแล้ว ด้วยการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่อนุญาตให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเปิดกิจการได้จนเกือบจะเหมือนช่วงเวลาที่ไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยใช้แนวความคิดว่า Smart control and living with COVID นั่นก็คือต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมตนเองและอยู่กับโควิดให้ได้
หลายประเทศมีมาตรการการผ่อนคลายเพื่อให้ธุรกิจต่างๆ เดินหน้าได้จนเกือบจะเหมือนช่วงเวลาที่ยังไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังต่อไปนี้
• เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว แม้ว่าจะไม่ได้ต้อนรับทุกประเทศในโลก แต่ก็ประกาศต้อนรับนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศที่สามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เป็นจำนวนมาก อย่างน้อยจะต้องได้รับวัคซีน 3 เข็ม
• ลดเงื่อนไขในการเข้าประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ลดเงื่อนไขในการกักตัว ลดการตรวจคัดกรองสำหรับคนที่ได้รับวัคซีน 3 เข็ม ลดอัตราการซื้อประกันสุขภาพ เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยือน
• เปิดโอกาสให้ธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สามารถเปิดบริการตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว ทั้งคนในประเทศและที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้คุ้มกับการเดินทางมา
• ยกเลิกการประกาศจำนวนคนติดคนตายที่จะทำให้เกิดการถกเถียงกันว่าสมควรที่จะลดมาตรการต่างๆ ลงแล้วหรือยัง เพราะการที่ Omicron ติดง่าย และผู้คนประมาท เพราะคิดว่าอาการไม่รุนแรง ทำให้จำนวนผู้ติดรายวันสูงอย่างน่าใจหาย
• ประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคระบาดประจำถิ่น (Endemic) เหมือนไข้หวัดใหญ่ ไม่ใช่โรคระบาดทั่วโลก (Pandemic) อีกต่อไป
ในการลดมาตรการต่างๆ เหล่านี้ สิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำคือการจัดหาวัคซีนประเภทต่างๆ ให้เพียงพอที่จะฉีดให้ประชาชนได้รับวัคซีน 3 เข็มให้ได้มากกว่า 70% ในแต่ละพื้นที่ และจะต้องรณรงค์ให้ประชาชนรู้วิธีการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการติดเชื้อตามแนวทางของ New Normal จะต้องไม่ประมาท การ์ดไม่ตก รู้จักดูแลป้องกันตัวเอง ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงด้วยความประมาท
ในการที่รัฐบาลประกาศให้จัดงานสงกรานต์ได้นั้น มีการคาดการณ์กันว่าหลังสงกรานต์จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น บางคนพูดน่ากลัวมากว่าจำนวนผู้ติดเชื้อมากเกินกว่า 100,000 คน ถ้าหากพวกเราที่ไปร่วมงานสงกรานต์ที่ใดก็ตาม ประมาท การ์ดตก ไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่ ศบค.กำหนด การคาดการณ์ดังกล่าวก็อาจจะเป็นจริง หนุ่มสาวที่มาทำงานที่กรุงเทพฯ กลับไปเยี่ยม รดน้ำดำหัวพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ก็ต้องระมัดระวัง ถ้าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ฉีดครบ 3 เข็มก็ไม่ควรสัมผัสใกล้ชิดกัน และถ้าจะให้ดีควรจะตรวจ ATK ก่อนเดินทาง ก่อนเข้าบ้าน เพื่อให้มั่นใจว่าตัวเองปลอดภัย รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการให้เราแล้ว แต่ก็มีข้อแนะนำในการปฏิบัติตนให้ปลอดภัย ก็หวังว่าพวกเราทุกคนจะดูแลตัวเอง ร่วมมือกันลดจำนวนคนติดเชื้อรายวันให้ลงมาต่ำกว่าหลักหมื่นให้ดี รัฐบาลมีนโยบายฟื้นเศรษฐกิจแล้ว พวกเราก็ปรารถนาที่จะให้เศรษฐกิจฟื้น เช่นนั้นแล้วเราก็ต้องควบคุมพฤติกรรมตนเองให้ดี รู้จักที่จะลด ละ เลิก เลี่ยง เลื่อนกิจกรรมต่างๆ อย่างเหมาะสม อย่าตามใจตัวเองไปเสียทุกเรื่อง จนเป็นเหตุทำให้รัฐบาลต้องหันกลับไปทบทวนมาตรการต่างๆ ใหม่ที่อาจจะทำให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจจะต้องพบกับอุปสรรค เราต้องร่วมมือกัน เพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพ และเศรษฐกิจจะต้องฟื้นในระยะเวลาที่ไม่นาน ถ้าหากพวกเราตั้งใจที่จะทำ เราต้องทำได้อย่างแน่นอน มาช่วยกันนะคะ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ความจริงเทียมทำร้ายสังคม
การสื่อสารของสื่อสารมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูข่าว เลือกข่าวที่จะนำเสนอ และปิดข่าวที่ไม่ต้องการเสนอ ทำให้สังคมรับรู้ความจริงเทียม (Pseudo-reality)
น้ำท่วม!!!...กับ'พรหมวิหาร4'
ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...สำหรับ น้ำท่วมปักษ์ใต้ คราวนี้!!! ไม่ใช่แต่เฉพาะ หาดใหญ่-สงขลา ที่แม้แต่ผู้เป็นห่วง เป็นใย ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยังอดร้องห่ม ร้องไห้
เมื่อ 'ศูนย์ฯ' กลายเป็น 'ศูนย์'
ฟังเหตุผล ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ถึงเรื่องที่ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผู้การสงขลา มีคำสั่งเด้ง ผู้กำกับหาดใหญ่-พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม
ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2569 (ตอนที่2) เหตุสำคัญที่มีเกณฑ์เกิดในเมืองปี 2569
ตลอดปีเสียอะไรไปสู้ได้กลับมา-ภายใน 21 เมษายน เมืองยังมีโอกาสเสียคนหรือของรัก-ฟาดเคราะห์ให้เมืองด้วยการร่ว
เมื่อผู้ใหญ่จัญไรอัปรีย์...จะมีอะไรดีให้ลูกหลาน
ลองวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเราขณะนี้ เราก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เพราะมีผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ทำตัวชั่วช้าสามานย์
แด่..อาจารย์'สุธี ประศาสน์เศรษฐ'
หลังออกจากห้อง ไอซียู เมื่อเกือบ 2-3 ปีที่แล้ว...หนึ่งในผู้ที่โทรศัพท์ไปให้กำลังใจ ไปเชียร์ให้สู้ๆ เข้าไว้ ก็คือ ดร.สุธี ประศาสน์เศรษฐ ผู้ที่แนะนำตัวเองด้วยสำเนียงติดตลกมาทางโทรศัพท์


